บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1300 รักกันมากเช่นนี้
หยวนชิงหลิงอึ้งเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “คุ้นเคย? เจ้าเคยเห็นที่ไหนหรือ? หรือว่าในโลกปัจจุบันก็มีทะเลสาบแบบนี้?”
ฟางหวูจ้องมองดูน้ำวนนั่น ดูวงโคจรการมาบรรจบกัน แล้วส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ทะเลสาบ เจ้าดูดีๆ เหมือนหลุมดำสองหลุมรวมกันไหม? บางสิ่งที่อยู่ด้านข้างกระแสน้ำวนนั้น ถูกหมุนวนเข้าไปอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งของอะไรก็ล้วนไม่สามารถหนีพ้นได้”
เมื่อนางพูดขึ้นเช่นนี้ หยวนชิงหลิงตั้งใจจ้องมองดู แล้วก็รู้สึกเหมือนอย่างมาก ทะเลสาบนี้ก็เปรียบเหมือนดั่งจักรวาล หลุมดำสองหลุมกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ เกี่ยวพันกัน สุดท้ายไม่รู้ว่าใครกลืนกินใคร
แต่หลังจากรวมกันไม่นาน แล้วต่างก็หมุนวนออกจากกัน ซึ่งหมายความว่ากระแสน้ำวนทั้งสองอยู่ในกระบวนการชนกันและรวมเข้าด้วยกันนั้น ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแยกออกจากกัน
ฟางหวูคิดถึงคำพูดของหยางหรูไห่ที่พูดว่าห้วงเวลาบิดเบี้ยวขึ้นมาในทันใด สาเหตุอะไรที่ทำให้ห่วงเวลาบิดเบี้ยว หยางหรูไห่ยังไม่รู้ แต่หากพูดว่าหลุมดำดึงดูดรวมตัวกันแล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการดึงดูดนี้ส่งผลกระทบไปถึงโลก จึงทำให้ห้วงเวลาบิดเบี้ยว มีความเป็นไปได้เช่นนี้เหมือนกัน
ฟางหวูเอามือถือออกมาถ่ายวิดีโอไว้ สถานการณ์ผิดปกติที่ปรากฏในตอนนี้ ไม่ใช่สภาวะปกติ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำการวิจัยต่อ ทำได้เพียงสันนิษฐานตามที่หยวนชิงหลิงสำรวจก่อนหน้านี้ กับการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้ เพื่อหากฎอย่างอื่น นี่ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
ฟางหวูเฝ้าอยู่ข้างทะเลสาบ มองดูน้ำวนแต่ละอัน พบว่ากระแสน้ำวนทั้งหมดมาบรรจบกันและแยกออกจากกระแสน้ำวนที่อยู่ติดกัน คุณภาพยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความเล็กใหญ่ก็ไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ซึ่งแสดงว่า ต่อให้เป็นการดึงดูดแล้วเกิดการบิดเบี้ยวช่วงเวลาสั้นๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงกลับไปเป็นเหมือนเดิม
เหมือนอย่างเช่นตอนที่พวกเขามา ถึงแม้จะเกิดเหตุสุดวิสัยบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังสามารถกลับมา
ฟางหวูพูดขึ้นว่า “ข้ายังต้องกลับไปรวบรวมข้อมูลทางดาราศาสตร์เพื่อประกอบการวินิจฉัย จากนั้นก็ให้ซาลาเปาถอดความให้ข้า หรือเรามาทำการทดลองกันอีกครั้ง ในใจข้ามีข้อมูลพอสมควรแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าส่งสิ่งของกลับไป มีหลายครั้งที่พวกเราไม่ได้รับ แต่ต่อมากลับได้รับในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป นี่อาจจะเป็นเพราะแรงดึงดูดทำให้แรงโน้มถ่วงบิดเบือน ทำให้ห้วงเวลาเกิดการล่าช้าหรือผิดปกติ หุ่นพวกนั้น บางทีอาจจะไปหมุนวนในกาลเวลาอื่นหนึ่งรอบแล้ววนกลับมา”
“ไปหมุนวนยังกาลเวลาอื่นหนึ่งรอบ? แล้วสุดท้ายหุ่นกลับไปได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
ฟางหวูพูดอธิบายว่า “เพราะอุโมงค์เวลามีแรงโน้มถ่วง น้ำวนที่เจ้าวางหุ่นเข้าไป เป็นเส้นทางที่จะไปยังกาลเวลาของพวกเรา ดังนั้นเมื่อกาลเวลาค่อยๆหมุนวน แรงโน้มถ่วงจะดึงมันออกไป กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง เหมือนกระแสน้ำวนสองกระแสมาบรรจบกัน ฟองรอบๆ จะถูกจับเหมือนกัน เมื่อสิ่งรอบข้างหมุนวนเข้าไปในน้ำวน ล้วนไม่มีทางหนีพ้น นี่คือหลักการของหลุมดำ”
“แต่ว่าแบบนี้ ต่อให้หุ่นไปยังกาลเวลาอื่น แต่สุดท้ายมันก็ถูกแรงโน้มถ่วงดึงกลับมาบนทางที่ถูกต้อง งั้นช่วงเวลาตอนที่ไปถึงเจ้า ก็ไม่ควรที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงจะถูก ยังไง กาลเวลาที่มันไป ไม่เหมือนกับกาลเวลาที่เจ้ากับข้าอยู่ ไม่มีเวลาเชื่อมต่อกัน”
ฟางหวูพูดขึ้นว่า “เพราะสนามแม่เหล็กและความโน้มถ่วงเดิมไม่เสถียร ดังนั้น หลังจากที่หุ่นกลับมาอยู่ในเส้นทาง ยังคงมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง พวกเรามาคราวนี้ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นเช่นกัน แต่สุดท้ายหยางหรูไห่ช่วยไว้ พวกเราจึงกลับมายังเส้นทางที่ถูกต้อง”
ตอนนี้ทุกอย่างเป็นเพียงการสันนิษฐาน หยวนชิงหลิงยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ แต่ฟางหวูพูดก็มีหลักการ ไม่ใช่เป็นการพูดในเรื่อยๆ ในเมื่อมีการคาดเดาทางด้านนี้ งั้นก็ต้องพิสูจน์
แต่นางหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ายังคิดว่าเจ้าจะนำไปเกี่ยวพันกับเทววิทยาอีก”
“ข้ารู้จักแยกแยะ เทววิทยาก็ดี วิทยาศาสตร์ก็ดี วรรณกรรมก็ดี สุดท้ายล้วนสามารถนำมารวมกันได้” ฟางหวูหัวเราะพร้อมพูดขึ้น นางค่อนข้างสบายใจ หลังจากเห็นทะเลสาบจิ้งแล้ว ในใจของนางพอมีข้อมูลบ้างแล้ว แต่ไม่รีบร้อนที่จะบอกหยวนชิงหลิง หลังจากกลับไปแล้ว ป้อนข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ ยังดีกว่าที่นางจะมาคิดคำนวณอยู่ที่นี่
ความรวดเร็วก็เร็วกว่านางอย่างมาก
ฟางหวูพูดขึ้นว่า “คลาดเคลื่อนไม่มาก บางครั้งห่างกันหลายวัน นานที่สุดคือห่างกันหลายเดือน ตอนที่เห็นแล้วแก้ไขอย่างไร หลังจากแก้ไขแล้วตอนที่เราสามารถเหวี่ยงลงไปในน้ำวนอีกครั้ง ให้เวลาคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น สิ่งของที่เจ้าจะโยนเข้าไปตอนเวลาเที่ยงคืน ให้นับเวลาที่คลาดเคลื่อนนี้เข้าไปด้วย เรานับเลยเที่ยงคืนไป 15 นาที แบบนี้ความคลาดเคลื่อนก็จะลดน้อยลง”
“ได้ รอหลังจากเจ้ากลับไป พวกเราค่อยทดลองอีก” หยวนชิงหลิงก็รู้สึกมีความหวังมากขึ้น ในใจเต็มไปด้วยความสุขและคาดหวัง
“แต่น่าเสียดาย หุ่นไปไหนตั้งแต่แรก พวกเราไม่สามารถรู้ได้” ฟางหวูพูดขึ้นอย่างเสียดาย
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ก็มีวิธีนะ หลังจากเจ้ากลับไป โยนกล้องบันทึกภาพขนาดเล็กมาให้ข้า รอเมื่อส่งไปถึงเจ้า เจ้าสามารถแกะออกมาดูได้ บางทีอาจจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง”
ฟางหวูพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “เป็นวิธีที่ดี”
เมื่องานหลักเสร็จสิ้นแล้ว ก็เที่ยวเล่นบนเขาครึ่งวัน พวกเด็กๆได้ออกมาเที่ยวเล่นพร้อมหน้ากันน้อยครั้งมาก จึงดีใจเป็นพิเศษ วิ่งเล่นไปทั่วรอบภูเขา หมาป่าหิมะกับเจ้าเสือน้อยตื่นเต้นอย่างที่สุด แวบเดียว แม้แต่เงาก็ไม่เห็นแล้ว
พวกผู้ใหญ่กำลังเดินคุยกันอยู่บนภูเขา ทิวทัศน์ภูเขาหมื่นพุทธสวยงามมาก พี่ชายก็ถือว่าตนเองมาพักร้อน เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงาม สำคัญที่สุดคือมีน้องสาวอยู่ข้างกาย
มองออกไปไกล แสงอาทิตย์สาดส่อง ลอดผ่านใบไม้สีเขียวชอุ่ม มีความสวยงามอย่างสงบสุขไปอีกแบบ หยู่เหวินเห้านั่งอยู่บนเก้าอี้ หันไปมองดูหยวนชิงหลิงที่กำลังคุยอยู่กับพี่ชาย ใบหน้าของนางงดงาม ช่วงนี้นางเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยจนนางดูผอมลงไปเล็กน้อย ดวงตาแลดูโตขึ้น แต่สว่างไสวเป็นประกาย เหมือนเศษเสี้ยวของแสงอาทิตย์ ส่องไสวแวววาว ได้อยู่กับคนในครอบครัว นางจะมีความสุขอย่างที่สุด
ในใจของเขามีความสุขและก็มีความเศร้า เมื่อก่อนไม่เคยมีความกังวลเกี่ยวกับอีกร้อยปีข้างหน้า ตอนนี้เคยเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมา จึงหวังอยากมีชีวิตที่สงบราบรื่นเช่นนี้ จับมือของนางเดินต่อไป แต่เส้นทางนี้ ยังไงก็มีวันสิ้นสุด ต่อให้เขามีอายุห้าสิบปี หรือหนึ่งร้อยปี แต่สักวันหนึ่ง ความเป็นความตายยังคงพรากพวกเขาแยกจากกัน
ไม่เคยมีความคิดเหมือนอย่างตอนนี้ ที่คาดหวังอยากให้มีชาติหน้า หากมีชาติหน้า เขาจะอยู่กับนางตั้งแต่เกิด จะไม่ให้เป็นเหมือนชาตินี้อีก หลังจากผ่านเรื่องแย่ๆต่างๆมากมายแล้วค่อยได้อยู่ด้วยกัน
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” จู่ๆพี่ชายหยวนก็มองดูเขาพร้อมถามขึ้น เขามองดูหยู่เหวินเห้าสักพักแล้ว เห็นว่าเขาเหม่อลอย บนใบหน้ามีความเศร้าอย่างกับผู้หญิง แบบนี้ไม่หล่อเลย
หยู่เหวินเห้าได้สติกลับมา แน่นอนว่าไม่อาจพูดสิ่งเหลวไหลที่ตนเองคิด จึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้คิดอะไร แค่เพลินไปแปบหนึ่งเอง”
“เหนื่อยหรือเปล่า?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
เขามองดูหยวนชิงหลิงด้วยสายตาที่อ่อนโยนเป็นกังวล จึงอมยิ้มเอื้อมมือมาจับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เหนื่อย ไม่เป็นไร กำลังฟังพวกเจ้าคุยกันอยู่”
สิบนิ้วประสานกัน ปลายนิ้วเยือกเย็น ทั้งสองคนมองตากันแล้วก็หัวเราะ แก้มเรืองแสงเป็นประกาย ดูเหมือนว่าคนด้านข้างเป็นส่วนเกิน
พี่ชายหยวนมองดูพวกเขาจับมือกัน ในใจรู้สึกตื้นตัน อยู่ด้วยกันมานานหลายปีขนาดนี้ มีลูกด้วยกันหลายคนแล้ว ยังรักใคร่กันขนาดนี้ ช่างเห็นได้ยากนัก