บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1328 ถ้าจำเป็นต้องกระโดดลงทะเลสาบจิ้ง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1328 ถ้าจำเป็นต้องกระโดดลงทะเลสาบจิ้ง
ฮู่เฟยค่อยๆ ปล่อยมือเขาออก
ในใจเกิดความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางรักคนผู้นี้ รักมาหลายปี กระทั่งตัดสินใจว่าจะติดตามเขาไปจนตาย แต่หลายปีมานี้ได้ใช้ชีวิตในวัง การดูแลและความรักที่หวงกุ้ยเฟยมีต่อนางราวกับมารดา แม้การเปรียบนี้จะไม่เหมาะสม แต่นางสูญเสียมารดาแต่เล็ก นางเห็นหวงกุ้ยเฟยเป็นเหมือนมารดาของตน ใส่ใจความรู้สึกที่มีต่อหวงกุ้ยเฟย ระดับความสนใจนี้ไม่ด้อยไปกว่าความรักที่มีแต่ฝ่าบาทเลย ดังนั้น ไม่ว่านางเกิดเรื่องอะไร ที่นึกถึงก่อนก็คือหวงกุ้ยเฟย มิใช่ฝ่าบาท
เพราะความรู้สึกปลอดภัยที่หวงกุ้ยเฟยมอบให้มีมากกว่าฝ่าบาทนัก!
ตั้งแต่แรกความรักขอนางก็ต่ำต้อย ตอนเข้าวังก็รู้อยู่แล้วว่าข้างตัวเขาต้องมีหญิงอื่น นางเตรียมใจไว้แล้ว แต่ความโปรดปรานเป็นพิเศษนี้ทำให้นางรู้สึกผิด เพราะความรักของนางได้มาจากความอ้างว้างของท่านหญิงหลายๆ ท่านในวังหลัง
โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย
ก่อนนางเข้าวัง ฝ่าบาททรงโปรดหวงกุ้ยเฟย เห็นได้จากหวงกุ้ยเฟยไร้ทายาทหลายปีแต่ความโปรดปรานก็มิเคยเสื่อมคลาย
ทว่าบัดนี้ฝ่าบาทกลับเลือกสละผลประโยชน์ของหวงกุ้ยเฟยอย่างไม่ลังเล นั่นเป็นคนที่เขาเคยรัก
เดิมทีนางควรดีใจ แต่นางมีแต่ความเสียใจเท่านั้น
เมื่อส่งโสมไปแล้ว ย่าหยวนมองครู่หนึ่งแล้วถึงพยักหน้าอย่างพอใจ “โสมต้นนี้น่าจะใช้ได้ ลองดูเถอะ”
ห้องยาหลวงช่วยย่าหยวนเตรียมยาเรียบร้อยแล้ว รอแค่บัวหิมะจากยอดเขาหมาป่าหิมะเท่านั้น
หยวนชิงหลิงป้อนยาให้โสวฝู่ต่อ ทว่ายาเร่งคลอดในกล่องยายังทำให้นางไม่สงบ เอาแต่กลัวว่าใครจะเกิดเรื่อง และกลัวว่าตัวเองจะเกิดเรื่องด้วย
แม้บอกว่ากล่องยาอยู่ในการควบคุมของนาง แต่บางครั้งนางก็รู้สึกได้ถึงวิกฤตโดยรอบตามจิตใต้สำนึกอย่างที่นางก็ไม่รู้ และเมื่อความคิดของนางมุ่งอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วก็มักละเลยได้ง่ายๆ กล่องยาจะเตรียมการด้วยการรับรู้ของนาง
ความดันเลือดของโสวฝู่สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงเป็นค่าที่ค่อนข้างต่ำมาก สถานการณ์ของเขายังวิกฤต
อยู่เฝ้ามาทั้งวัน ใครก็ไม่ยอมกินอาหาร แต่หยวนชิงหลิงบอกว่าหากทุกคนไม่กิน นางก็จะไม่กิน เนื่องจากนางเป็นหมอที่สามารถรักษาโรคด้านนี้ ทั้งยังตั้งครรภ์อยู่ ไท่ซ่างหวงสู้นางไม่ได้จึงกินไปเล็กน้อย
เซียวเหยากงกินไม่ลง จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็กินไม่ลง เขาบอกว่าฉู่เสี่ยวอู่ไม่กินหนึ่งวัน เขาก็จะไม่กินหนึ่งวัน
ความครึกโครมของตำหนักฉินคุนหนักเช่นนี้ จึงรู้ไปถึงวังหลัง ทางหวงกุ้ยเฟยรู้เป็นคนแรก นางปกครองวังหลัง ย่อมไม่เกรงกลัวเหมือนขนาดนั้น ฮู่เฟย นางมาปรนนิบัติด้วยตนเอง ได้ยินว่าต้องการโสม นางจึงโยกย้ายของดีทั้งหมดในตำหนักมา
ฮองเฮากับตี๋กุ้ยเฟยก็ส่งของมาด้วย นางสนมทั้งหลายก็พากันส่งของดีมาตำหนักฉินคุน เมื่อส่งมาทุกคนแล้วก็ให้รู้สึกซับซ้อน เพราะของดีที่สนมวังหลังนำมา ตำหนักฉินคุนกลับไม่มี
ไท่ซ่างหวงได้ของดี จึงตบรางวัลกลับไป
ช่วงที่รอบัวหิมะ ซาลาเปาฟุบนอนบนตัวไท่ซ่างหวง จนไท่ซ่างหวงต้องกินยาแล้ว เขาถึงขยี้ตาลุกขึ้น บอกว่าจะปรนนิบัติไท่ซ่างหวงกินยา
ไท่ซ่างหวงเอ็นดูเขา บอกให้หยู่เหวินเห้าพาเขาไปพัก แต่เขาไม่ได้ ยืนกรานเอ่ย “หม่อมฉันจะเฝ้าท่านพร้อมด้วยหมาป่าหิมะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงมองใบหน้าจิ้มลิ้มเล็กๆ นั้น ดวงตากลับมีความแน่วแน่วที่ไม่ให้สงสัย มือแห้งกร้านของเขาลูบใบหน้าซาลาเปา เผยรอยยิ้มจริงแรกตั้งแต่วันนี้ที่เกิดเรื่อง “เป็นเด็กดี!”
หยู่เหวินเห้าสั่งให้คนย้ายเก้าอี้นอนมาไว้นอกตำหนักให้หยวนชิงหลิง ให้นางเอนตัวพักสักเดี๋ยว นางตัวหนัก ทั้งยังกระวนกระวายใจทั้งวัน เหน็ดเหนื่อยจริง
หยวนชิงหลิงอยากให้แม่นมสี่เอนตัวสักหน่อย แต่แม่นมสี่กลับจับมือโสวฝู่ฉู่ เอ่ยเสียงเบา “ไม่เพคะ ให้ข้าน้อยเฝ้าเขาอยู่ที่นี่เถอะ”
นางไม่อยากเอ่ยคำพูดอัปมงคลอีก แต่นางได้แต่เฝ้าเขาอยู่อย่างนี้ มองเขายังหายใจอยู่ อย่างไรก็ยังดี
ยังดีกว่าหาก…
นาทีนี้นางถึงนึกเสียใจจริงๆ ตอนนั้นดูถูกตนเกินไป กดข่มตัวเอง เอาแต่คิดว่าฐานะสาวรับใช้ไม่คู่ควรกับเขา พลาดทั้งชีวิต
หยวนชิงหลิงออกไปนอนพักที่นอกตำหนัก หลับตา ฉวยโอกาสพัก
แต่หัวสมองก็ยังแล่นไม่หยุด
โสวฝู่จะผ่านพ้นด่านนี้ไปได้ไหม หากผ่านไปไม่ได้ ไท่ซ่างหวง เซียวเหยากงกับแม่นมสี่จะเป็นอย่างไร? นางไม่กล้าคิด เมื่อคิดถึงผลลัพธ์แล้ว ใจนางก็ราวกับถูกมีดเฉือน
ชีวิตนี้ผ่านลมมรสุมมาเท่าไร หนำซ้ำตอนนี้ภายในภายนอกก็สงบ เป็นเวลาที่พวกเขาจะปลดภาระหนัก แต่กลับมาเกิดเรื่องในตอนนี้ ทั้งยังเพราะห้าหัวเมือง วันนั้นนางไม่ควรรับ นางควรปัดไป
ความรู้สึกผิด ความกังวล ความร้อนรน กอปรกับความเสียใจ ทำให้หัวใจของหยวนชิงหลิงทรมานราวกับอยู่ในเปลวเพลิง ความร้อนในท้องกลับไม่ชัดเจนขนาดนั้นแล้ว อาจเป็นเพราะความหมองหม่นหนักจนเด็กรู้สึกได้
สามีผู้รู้ใจภรรยา หยู่เหวินเห้ารู้ว่านางต้องคิดฟุ้งซ่านแน่ ดังนั้นจึงอยู่นอกตำหนักเป็นเพื่อนนาง
นางลืมตาขึ้น น้ำตาไหลลงด้วยความเศร้า อยู่ข้างนอกไม่กล้าร้องไห้ และไม่กล้าให้ตาแดง เพราะทุกคนต่างจ้องนางอยู่ ทุกปฏิกิริยามักทำให้ทุกคนคาดเดา
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้นางเบาๆ จุมพิตที่หน้าผากนางก่อนที่ใช้หน้าผากแนบกับหน้าผากนาง กดเสียงต่ำเอ่ยอย่างอ่อนโยน “อย่าทำเช่นนี้ ทุกอย่างจะดีเอง”
หยวนชิงหลิงปนเสียงร้องไห้ กระซิบอยู่ข้างใบหูเขาอย่างปวดใจ “ข้าจะให้เขาเกิดเรื่องไม่ได้ ด้วยบ้านเมืองด้วยครอบครัวก็ไม่ได้ทั้งนั้น ตอนที่ตั้งท้องเด็กๆ ข้าราวกับตายทั้งเป็น เป็นท่านโสวฝู่ที่ส่งยาให้ข้า ให้ข้าผ่านพ้นวันแสนลำเค็ญ หลายปีมานี้เขาปกป้องเราลับๆ เจ้าห้า ข้าทรมานเหลือเกิน ข้าจะให้เขาตายไม่ได้”
“ข้ารู้ ข้ารู้!” หยู่เหวินเห้าก็ปวดใจมาก อารมณ์ที่เก็บกดในตอนนี้แทบจะระเบิดออก กอดนางไว้ในอกแน่นๆ อึดอัดในลำคอ น้ำตาเป็นประกาย
“เจ้าลองคิดย้อนช่วงเวลาหลายปีนี้ดูสิ เราลำบากขนาดนี้ แต่ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร เขาก็ยืนอยู่ฝั่งพวกเราอย่างแน่วแน่ แม้ต้องเป็นปรปักษ์กับตระกูลฉู่ เขาก็ปกป้องแต่เราเท่านั้น เพื่อคำพูดนั้นของไท่ซ่างหวง เจ้าคือฮ่องเต้ในอนาคตของเป่ยถัง เพื่อแผ่นดินเป่ยถัง เขาทุ่มเททุกสิ่ง แม้ก่อนออกรบ ป่วย เขาก็ยังพยายามสั่งสอนซาลาเปาเอง สอนว่าจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีในอนาคตได้อย่างไร”
สุดท้ายน้ำตาของหยู่เหวินเห้าก็ร่วงริน โสวฝู่ใช้การกระทำของเขาให้เห็นการเสียสละในการทำงานตราบชีวิตจะหาไม่ของขุนนางคนหนึ่ง
“เจ้าห้า” นางค่อยๆ ผลักบ่าของเขาออก ดวงตาเจ็บปวดและแน่วแน่ “ถ้ายาจื่อจินถ้วยนี้ทำให้เขาพ้นวิกฤตไปไม่ได้ ข้าจะพาเขากระโดดลงทะเลสาบจิ้ง ส่งเขาไป อาการของเขาอยู่ที่นี่จะอันตรายมาก แต่ทางนั้นแค่เปิดกะโหลกลดความดันก็ยังมีความหวัง”
เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ฟังคำพูดนี้ก็หนักใจ “แต่ทะเลสาบจิ้ง…”
“นี่เป็นวิธีเดียวแล้ว ถ้าเขาเกิดเรื่อง เสด็จปู่ก็จะอยู่ต่อไม่ได้” สองมือหยวนชิงหลิงปิดหน้า นี่ไม่ใช่การสมมุติหรือการคาดเดา แต่เป็นเรื่องแน่นอน ฉู่เสี่ยวอู่ของเขาตายแล้ว เขาก็จะไม่อยู่ต่อ