บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1329 เจ้าสิบชนท้องฮู่เฟย
หยู่เหวินเห้าจิตใจว้าวุ่น ทะเลสาบจิ้งยังไม่ได้ปรับให้เรียบร้อย กระโดดลงไปจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่รู้
แต่ก็อย่างที่นางกล่าว หากโสวฝู่เกิดเรื่อง เสด็จปู่ต้องไม่ยอมอยู่ต่อแน่
เมื่อเขาไท่ซันพังทลาย เสด็จพ่อจะยอมรับได้อย่างไร? ทั้งยังเพราะเขาเป็นต้นเหตุอีก
ที่จริงเรื่องพวกนี้วนเวียนอยู่ในหัวสมองเขาตลอด แต่กลับไม่กล้าคิดมาก
หลายชิงหลิงจับมือเขา ดวงตาแดงพลางเอ่ย “หากข้าหายไปในมิติเวลา เจ้าก็ไปขอร้องไทเฮาหลง ขอให้นางช่วยเรา เปาเปาจะรู้ว่าข้าถึงบ้านหรือไม่ สถานการณ์ในตอนนี้พวกเราไม่มีเวลาไปขอให้ไทเฮาหลงส่งพวกเรา หากดื่มยาถ้วยนี้แล้วไม่ได้ผล ต้องส่งเราไปทะเลสาบจิ้งทันที รอช้าไม่ได้อีก”
หยู่เหวินเห้าจะยอมให้นางไปเสี่ยงได้อย่างไร? การตัดสินใจของเขา อาจทำร้ายลูกในท้องนางได้
“เจ้าห้า ฟังข้านะ ไม่ต้องลังเล ทำเรื่องที่ถูกต้อง พวกเราต่างรู้ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ท่านโสวฝู่เกิดเรื่อง ชีวิตเขาหนึ่งชีวิต เกี่ยวพันกับอีกสามชีวิต แม้เป็นผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด พวกเราก็จะมีชีวิตอยู่ในต่างมิติ พวกเราจะไม่ตาย ยังมีโอกาสหาพวกเราพบ และแบบนี้ ท้ายที่สุดยังทำให้ตำหนักฉินคุนมีความหวัง พวกเขาต้องรอต่อไปแน่” หยวนชิงหลิงกุมมือเขา วิงวอนอีกครั้ง
หยู่เหวินเห้ามองนาง จิตใจเจ็บปวด โสวฝู่เกี่ยวพันอีกสามชีวิต แต่พวกเจ้าสองแม่ลูกไม่เกี่ยวพันกับชีวิตพวกเราพ่อลูกอย่างไร?
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ยังไม่ได้กินยา ไว้กินยาแล้วไม่ได้ผลค่อยว่ากัน” หยู่เหวินเห้าถกเรื่องนี้ไม่ได้อีก แค่คิดว่านางอาจกลับมาไม่ได้อีก เขาก็รู้สึกว่าวันเวลาต่อจากนี้มืดสนิท
หยวนชิงหลิงยื่นมือไปคล้องคอเขา ในใจมีอารมณ์หลากหลายผสมอยู่ ทรมาน โศกเศร้า เจ็บปวด สุดท้ายนางก็เอ่ยเสียงเบา “เมื่อก่อนข้าคิดว่าการรักคนหนึ่ง คืออยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขา เขาอยู่ ข้าอยู่ เขาตาย ข้าตาย เมื่อก่อนฮู่เฟยเคยตรัสกับข้าว่าหากเสด็จพ่อเป็นอะไรไป นางจะไม่อยู่เพียงลำพังเด็ดขาด นี่อาจเป็นขั้นสูงสุดของความรัก แต่เราต่างกัน เราเป็นผัวเมียกัน เราไม่แค่มีความรัก เรายังมีลูก มีพ่อแม่ครอบครัว มีสหายสนิท ขั้นสุดของผัวเมีย ตอนนี้ข้าคิดว่าหากคนหนึ่งอยู่ต่อไม่ได้แล้ว เช่นนั้นอีกคนก็ต้องหาบภาระแทนอีกฝ่าย ดูแลญาติมิตรของกันและกันให้ดี พยายามอยู่ต่อไป ทำความปรารถนาและอุดมคติที่มีร่วมกันให้สำเร็จ”
หยู่เหวินเห้าแนบใบหน้ากับศีรษะของนาง กอดนางให้แน่นที่สุด ความเจ็บปวดในดวงตาไม่อาจปกปิด “อย่าพูดอีกเลย อย่าพูดอีก”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจยาว หวังว่ายานั่นจะได้ผล
ค่ำคืนที่ไม่เข้าสู่นิทรา เช้าวันถัดมา แม่ทัพหลอนำบัวหิมะกลับมาได้ในที่สุด แต่เขาซมซานมาก หน้าตามือไม้ล้วนมีแผลถลอก เสื้อผ้าก็ขาดหลายจุด ไม่ทันเปลี่ยน และไม่อาจสนใจการเสียมารยาทต่อในตำหนัก รีบนำมา
ย่าหยวนเตรียมวัตถุดิบยาที่เหลือเรียบร้อยแล้ว เฝ้ายามต้มเอง กระทั่งต้มยาเสร็จแล้วจึงหยดเลือดของหมาป่าหิมะลงถ้วยไปสองหยด แล้วค่อยส่งไปที่ตำหนัก
กลิ่นของยาคล้ายกับรสของยาเม็ดจื่อจินมาก ทำให้ทำทุกคนอุ่นใจ คิดว่านี่ก็คือยาเม็ดจื่อจินนั่นเอง
หยู่เหวินเห้ากรอกยาด้วยตนเอง เนื่องจากโสวฝู่โดยรวมแล้วไม่มีสติ จึงต้องบังคับกรอกลงไป และไม่รู้ว่าจิตของโสวฝู่แข็งหรือเป็นเพราะความกรุณาของสวรรค์ ถึงกับกรอกยานี้ลงไปได้กว่าครึ่ง
หลังจากกรอกยาแล้ว หยวนชิงหลิงก็ฟังการเต้นของหัวใจและลมหายใจ วัดความดันเลือดตลอด
ครึ่งชั่วยามให้หลัง ความดันเลือดเริ่มเพิ่ม ความดันค่าบนถึงเก้าสิบแล้ว แม้ยังต่ำอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก
ดีขึ้นก็คือข่าวดี อยากน้อยก็ทำให้ทุกคนในตำหนักโล่งอกไปได้เยอะ
เลือดที่ออกในกะโหลกน่าจะหยุดแล้ว อีกทั้งโสวฝู่เข้มแข็ง บาดเจ็บหนักขนาดนี้กลับไม่มีอาการแทรกซ้อน แค่มีไข้ต่ำเท่านั้น
เมื่อถึงตอนกลางวัน โสมที่หวงกุ้ยเฟยส่งมาก็ต้มแล้ว ให้โสวฝู่ดื่มลงไป เขาค่อยๆ มีสติ ลืมตาเพียงไม่นานก็หลับตาอีก ความดันค่าบนเก้าสิบห้า เป็นตัวเลขที่ดีขึ้นอีกแล้ว
ประมาณยามเซิน เขาก็ตื่นอีกครั้ง เรียกเจ้าหกแบบสะลึมสะลือ แม่นมสี่รีบพูดข้างหูเขา “ไม่เป็นไร เขาไม่เป็นไร”
เมื่อได้ยินแล้วก็วางใจ แล้วสะลึมสะลือหลับอีก
กระทั่งช่วงเย็นยังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ถามถึงเจ้าหกอีก แม่นมสี่ก็ยังตอบเขาเหมือนก่อนหน้า เขาพยายามลืมตาขึ้น อยากหาเจ้าหกแต่เห็นชัดว่าเขาหาไม่พบ ไท่ซ่างหวงรีบลงมา หยู่เหวินเห้าเข้าไปประคองเขาไปที่เตียงโสวฝู่ ไท่ซ่างหวงจับมือเขา น้ำเสียงปนความเจ็บปวด “ข้าอยู่นี่!”
ดวงตาคู่นั้นหลับลงด้วยความสะลึมสะลืออีก ทว่าริมฝีปากกลับมีมุมโค้งที่ผ่อนคลาย เป็นเสียงเขา เจ้าหกไม่เป็นไร! ไท่ซ่างหวงเงยหน้าแล้วค่อยๆ แหงนขึ้นอีก ดวงตาขมขื่นนัก แม่นมสี่บอกว่าเขาไม่เป็นไร เขายังไม่เชื่อสนิทใจ ยังต้องฟังเสียงเขาถึงจะเชื่อ
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงยืนอยู่ข้างๆ ปวดใจนัก พร้อมกันนั้นก็สะเทือนใจ นี่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างไรถึงมีความยึดมั่นไม่ยอมปล่อยวางอย่างเช่นวันนี้ได้?
หยู่เหวินเห้าเชื่อคำพูดหนึ่งของเจ้าหยวน หากโสวฝู่มีอันเป็นไป ไท่ซ่างหวงก็อยู่ต่อไม่ได้จริงๆ
พวกเขาทั้งสามมีชีวิตเดียวกันนานแล้ว
สภาพการณ์โสวฝู่เริ่มนิ่ง ไท่ซ่างหวงจึงไล่เจ้าห้าไปทำงาน
หยวนชิงหลิงไปไม่ได้ จึงอยู่ในตำหนักฉินคุนพร้อมย่าหยวน
อารมณ์ไท่ซ่างหวงยังแย่มากอยู่ นอกจากเป็นห่วงโสวฝู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผิดหวังต่อฮ่องเต้หมิงหยวน
ย่าหยวนประคองเขาไปเดินในลานตำหนัก สนทนากับเขา แนะนำเกลี้ยกล่อมเขา ไม่เช่นนั้นหากมีอารมณ์เก็บกดนาน โดยเฉพาะในวัยของไท่ซ่างหวงนี้จะทำให้มีอันตรายถึงชีวิต
ณ ตำหนักฉ่ายหมิง
หลังจากฮู่เฟยดื่มยาแล้วก็พักอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยครู่หนึ่ง คิดเรื่องยาเม็ดจื่อจินเม็ดนั้น อย่างไรก็ยังติดใจ ยาล้ำค่าขนาดนี้กลับหายไปทั้งอย่างนี้ นางเสียดายนัก
ดังนั้นจึงสั่งให้คนในตำหนักแยกย้ายกันออกตามหาข้างนอก เพราะเจ้าสิบน้อยไม่ได้เล่นอยู่แต่ในตำหนักฉ่ายหมิง ชอบออกไปข้างนอกประจำ
การค้นหานี้ย่อมไม่เป็นผล ฮู่เฟยจึงมีไฟสุมอยู่ในทรวง อาการปวดท้องก็โจมตีอีก นางนั่งพักครู่หนึ่ง คนในตำหนักนำชาพุทรามา จากนั้นก็เห็นแม่นมจูงมือเจ้าสิบน้อยมาจากข้างนอก มีแต่โคลนทั้งตัว
ฮู่เฟยยังมีความโกรธอยู่ เมื่อเห็นเขาเล่นจนเนื้อตัวมอมแมมก็เรียกหยุดเขา “มานี่!”
เจ้าสิบน้อยลังเลพักหนึ่ง เดินไปแล้วเอ่ย “ท่านแม่”
ฮู่เฟยมองเขาแล้วขมวดคิ้ว “เจ้าไปคลุกแอ่งโคลนมาอีกแล้วใช่ไหม? บอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้ว ห้ามเจ้าไปคลุกแอ่งโคลน เจ้าก็ไม่ฟัง? เจ้ายังมีความเป็นองค์ชายอยู่ไหม?”
แอ่งโคลนอยู่ริมทะเลสาบ ฝนตกเมื่อก่อนหน้านี้จะเป็นแอ่ง เดิมที่คนในตำหนักจะถม แต่เขาคลุกทีหนึ่งแล้วรู้สึกสนุกมาก จึงไม่ให้คนในตำหนักถม มีเวลาว่างก็ไปคลุกอีก
ระยะนี้เจ้าสิบน้อยถูกท่านแม่ดุเป็นประจำ จึงมีความคับแค้นในอก ตะโกนเอ่ยกับฮู่เฟยคอเป็นเอ็น “เสด็จพ่อยังไม่ว่าหม่อมฉันเลยพ่ะย่ะค่ะ ทำไมท่านแม่ชอบเอาแต่ว่าหม่อมฉัน? ไม่ทรงรักหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่ชอบท่านแม่ เกลียดท่านแม่ที่สุด!”
“เจ้า…!” เมื่อฮู่เฟยได้ยินดังนั้นก็ทั้งโกรธทั้งเสียใจ “ที่ข้าว่าเจ้า เพราะเจ้าทำผิด เจ้ายังไม่รู้สำนึกอีก?” นางฉุดเจ้าสิบน้อยไว้พลัน เจ้าสิบคิดว่านางจะตบหน้าเขา ด้วยความตกใจจึงเอาศีรษะโหม่งใส่ท้องฮู่เฟย จากนั้นก็ถอนเท้าโกยแนบ