บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1338 หยู่เหวินเห้าออกหน้าให้หวงกุ้ยเฟย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1338 หยู่เหวินเห้าออกหน้าให้หวงกุ้ยเฟย
ช่วงเย็นเจ้าห้าเข้าวัง หยวนชิงหลิงบอกเขาเรื่องดวงตาโสวฝู่มองไม่เห็น
วันนี้เจ้าห้าประชุมราชกิจ เหนื่อยมาก เรื่องน้ำได้รับการคัดค้านประมาณหนึ่ง เดิมอารมณ์ก็ไม่ดี ครั้นได้ยินข่าวนี้แล้ว เขาก็ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ยื่นมือกอดหยวนชิงหลิงเข้าอก ถอนหายใจหนัก “เหตุใดจึงไม่มีเรื่องดีสักเรื่องนะ?”
หยวนชิงหลิงก็กอดเขากลับเงียบๆ หลายวันนี้ทุกคนเหนื่อยมากจริงๆ
ตอนแรกคิดว่าทำศึกนี้แล้วจะใช้ชีวิตผ่อนคลายได้สักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะอกสั่นขวัญแขวนยิ่งกว่าเดิม
เสียงของเขาดังขึ้นที่ข้างใบหูนาง “ทุกหนทุกแห่งในเป่ยถัง มักเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม เหตุใดข้าจึงอยากกลับไปบ้านเกิดเจ้าสักครั้ง เพราะที่นั่นไม่มีเป่ยถัง ไม่มีเรื่องที่ข้าต้องหงุดหงิด มีเพียงครอบครัวข้า ทุกวันข้าแค่ต้องคิดว่าวันนี้จะไปเที่ยวที่ใดดี!”
หยวนชิงหลิงถูกเขาพูดจนให้คาดหวังและเศร้าหมอง เพราะฟางหวูทางนั้นยังไม่มีข่าวดีมา หากลงทะเลสาบได้ตรงจุด นางก็ไม่ต้องลังเล พาโสวฝู่กระโดดลงไปได้ทันที
“เอาล่ะ ระบายนิดหน่อยเป็นครั้งคราวก็พอ อย่างไรชีวิตก็ยังต้องเดินต่อ เอาแต่ตัดพ้อยิ่งผ่านแต่ละวันยากไปใหญ่” หยู่เหวินเห้าปล่อยนาง มองใบหน้าผ่ายผอม อดปวดใจไม่ได้ “หลายวันนี้ที่เข้าวัง ซูบไปเยอะเลย”
“ไว้ท่านโสวฝู่หายแล้วก็บำรุงกลับมาได้” หยวนชิงหลิงหัวเราะ ไม่ใส่ใจมาก
หยู่เหวินเห้าจูงมือนางเดินเข้าตำหนัก สองสามีภรรยาเดินเล่น โชยลม ให้สมองแจ่มชัด ขจัดความหม่นหมอง
“จริงสิ” จู่ๆ หยู่เหวินเห้าก็ขมวดคิ้วมองนาง เอ่ย “มีข่าวมา บอกว่าทางหลวงมีองครักษ์ควบม้ามุ่งตรงมาทางเมืองหลวงจำนวนมาก ดูคล้ายเป็นองครักษ์เหล่านั้นของอ๋องชินเฟิงอัน องครักษ์ฟ้าผ่า องครักษ์เงาดำ แล้วท่านชายสี่ยังบอกอีกด้วยว่าหมาป่าสีเทาที่เขาฝึกอยู่พวกนั้น พระชายาอ๋องชินเฟิงอันก็ยืมไปหมดด้วย ไม่รู้ว่าจะทำอะไร? หรือว่าจะรวมพลแล้วเคลื่อนไปห้าหัวเมืองนั้นกัน?”
หยวนชิงหลิงนึกถึงคำพูดเหล่านั้นของเซียวเหยากง ที่แท้เขาส่งพิราบสื่อสารให้อ๋องชินเฟิงอันนี่เอง
นางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าห้า ในฐานะของเจ้าห้า ฮ่องเต้เป็นบิดาของเขา หากเขารู้แล้วไม่บอกจะลำบากใจมาก ไม่บอกเขาเลยจะดีกว่า
“คงเช่นนั้น!” หยวนชิงหลิงพูดตามการคาดเดาของเขา “เพราะพวกเขาเป็นคนชิงห้าหัวเมืองนั้นมาเอง แน่นอน เจ้าก็มีส่วนด้วย!”
หยวนชิงหลิงมักไม่ลืมชื่นชมเขา รอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาโค้งงอ
หยู่เหวินเห้าได้ยินการชื่นชมจากภรรยา มองดวงตากระจ่างใสของนาง จากนั้นก็รู้สึกว่าความเหน็ดเหนื่อยทั้งมวลหายไปสิ้น มิใช่ไม่มีเรื่องดี อย่างนี้ผู้ที่เขารักก็อยู่ข้างกายเขาเสมอ
“เอาไว้อาการท่านโสวฝู่นิ่งสักหน่อยแล้วเจ้าก็กลับจวนเถอะ เปาเปาล่ะ? อยากกลับไปไหม?” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม
“อยู่เป็นเพราะเสด็จทวดเขาอยู่แน่ะ เจ้าเด็กนี่หลอกให้คนอารมณ์เป็น ก็ให้เขาอยู่ที่นี่เถอะ” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ก็ดี ข้าวเหนียวกับทังหยวนก็โยเยจะมา แต่ข้าไม่อนุญาต คนมากวุ่นวาย อีกทั้งเล่นกันขึ้นมาก็ไม่รู้จักที่ควร” หยู่เหวินเห้ากล่าว
เมื่อพูดถึงลูก หยวนชิงหลิงก็ยื่นมือกอดเขา “เฮ้อ คิดถึงพวกเขาจังเลย”
หยู่เหวินเห้าผิดหลักการขึ้นมาอีก “มิเช่นนั้นข้าพาพวกเขาเข้าวังมาให้เจ้าได้เห็น?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ไม่ล่ะ เจ้าแฝดสอง แฝดสามมา หมาป่าหิมะกับเสือก็ต้องมา ตำหนักฉินคุนเสียงดังจอแจขนาดนั้นไม่ได้”
“ก็ได้ เช่นนั้นเราอดทนอีกสองสามวัน!” หยู่เหวินเห้าให้กำลังใจนาง ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
สุดท้ายหยวนชิงหลิงก็อดกลั้นไม่พูดเรื่องของหวงกุ้ยเฟย ถึงตอนนี้เจ้าห้าจะสุขุมมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังอารมณ์ร้อน หากมีปากเสียงกับฮ่องเต้ในเวลานี้อีกต้องแย่แน่
หยู่เหวินเห้าเข้าไปพูดคุยกับไท่ซ่างหวงครู่หนึ่ง แล้วไปเยี่ยมโสวฝู่ จากนั้นก็ออกจากตำหนัก ราชกิจรัดตัว ทำให้เขาไม่อาจอยู่ในตำหนักได้นาน
เมื่อออกจากตำหนักฉินคุน เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เจาะจงไปถวายพระพรหวงกุ้ยเฟยนานแล้ว วันนั้นนางเฝ้าอยู่ในตำหนัก สีหน้าไม่สู้ดี จึงคิดไปถวายพระพรสักหน่อย กำชับสองสามคำ
เพิ่งหันตัวก็พบกู้ซือสาวเท้ายาวมา กู้ซือเอ่ยถาม “จะไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมใกล้ออกเวรแล้ว จะไปดื่มกับหงเย่และใต้เท้าเหลิ่งหน่อยไหมพ่ะย่ะค่ะ? ช่วงนี้อึดอัดใจเสียจริง อยากหาความสุขบ้าง”
“ไม่มีเวลาดื่ม มีเรื่อง…” หยู่เหวินเห้าหยุดชะงัก เขาอยากฟังความคิดเห็นของใต้เท้าเหลิ่งเกี่ยวกับเรื่องสันเขื่อนพอดี กำหนดไว้แต่เนิ่นเป็นดี จึงเอ่ย “ได้ ข้าจะไปถวายพระพรท่านแม่ก่อน”
“หวงกุ้ยเฟยหรือ? เช่นนั้นก็ไปผิดทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ หวงกุ้ยเฟยทรงย้ายไปพำนักที่ตำหนักฉางเหมินแล้ว!” กู้ซือกล่าว
หยู่เหวินเห้าผงะ “เพราะเหตุใด?”
กู้ซือเดินเข้าใกล้ กระซิบข้างหูเขา “มีปากเสียงกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เห็นคนในตำหนักฮู่เฟยบอกว่าหวงกุ้ยเฟยมิทรงยอมให้พระชายารัชทายาทไปตรวจอาการให้ฮู่เฟย ฝ่าบาททรงกริ้ว ตบพระพักตร์หวงกุ้ยเฟยไปทีหนึ่ง หวงกุ้ยเฟยทรงเสียพระทัยมาก มอบอำนาจวังหลังแล้วย้ายไปพำนักที่ตำหนักฉางเหมินพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ามองกู้ซือ “จริงหรือ?”
“ไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ คนในตำหนักฮู่เฟยเล่ามา ฝ่ามือนั้นหนักนัก” กู้ซือก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน ทำงานอยู่ในวัง หวงกุ้ยเฟยมักดูแลเขาอยู่เสมอ “อีกทั้งระยะนี้ฝ่าบาทยังลงทัณฑ์กับคนในตำหนักฉ่ายหมิง คนที่ปรนนิบัติฮู่เฟยจำนวนมากถูกโบย องค์ชายสิบก็ถูกโบยด้วย เห็นว่าถูกโบยแล้วสงบขึ้นมาก…ทรงเสด็จไปไหนพ่ะย่ะค่ะ? ไม่ใช่จะไปตำหนักฉางเหมินหรือ? ผิดทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
หยู่เหวินเห้าเดินฉับไปทางห้องทรงอักษร
ในใจเขามีบางสิ่งที่พลุ่งพล่านขึ้นมาไม่หยุด เป็นความเจ็บใจ น้อยใจ อดกลั้นและความโกรธเกรี้ยวที่สั่งสมมานาน เมื่อก่อนเขาสามารถเก็บไว้ในใจได้ ไท่ซ่างหวงต้องการมอบหัวเมืองให้เด็กๆ เขาเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะห้าหัวเมืองนั้นเป็นความรับผิดชอบ เป็นความรับผิดชอบดั่งขุนเขา ด้วยเหตุนี้แม้รู้ว่าไท่ซ่างหวงถูกทำให้โมโหหนัก เขาก็ไม่ไปโต้แย้ง เกรงจะถูกตำหนิว่าเขาละโมบ ละโมบแทนลูกทั้งห้า ลูกชายของเขารับความผิดนี้ไม่ไหว
แต่หวงกุ้ยเฟยผิดตรงไหน?
ครั้นถึงห้องทรงอักษร ไม่รอให้มู่หรูกงกงรายงานก็ตรงผลักประตูเข้าไป
ฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังตรวจฎีกา เห็นเข้าโมโหพลุ่งพล่านเดินเข้ามา สีหน้านิ่งทันที เอ่ยถามเสียงเข้ม “เข้าพึ่บพั่บทำอะไร?”
หยู่เหวินเห้าไม่สนใจสิ่งใด แม้แต่คารวะก็ไม่ แล้วถาม “ทรงตบท่านแม่หรือพ่ะย่ะค่ะ? นางทำอะไรผิด? ที่ผิดเพราะนางปกป้องเจ้าหยวนมากเกินไป ผู้ใดก็มีคนที่ตนอยากปกป้องทั้งนั้น เหตุใดนางจะปกป้องเจ้าหยวนไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ?”
ในดวงตาฮ่องเต้หมิงหยวนมีพายุกระหน่ำ “นางบอกเจ้า?”
หยู่เหวินเห้ามองเขาตรง “นางไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังไม่ได้ไปพบนางด้วยซ้ำ แต่นางย้ายเข้าตำหนักฉางเหมิน คนในวังต่างรู้กันทั่ว นางเป็นถึงหวงกุ้ยเฟย ถูกพระองค์ตบไปฉาดหนึ่ง นางยังตั้งครรภ์อยู่นะพ่ะย่ะค่ะ จะให้นางวางตัวอย่างไร? เหตุใดจึงต้องทำกับนางเช่นนี้?”
ในใจฮ่องเต้หมิงหยวนเดือดพล่าน แต่นึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้กับไท่ซ่างหวง จำต้องกลั้นโทสะนี้ กล่าวเสียงเย็น “เรื่องวังหลังเจ้าไม่ต้องยุ่ง และเจ้าก็ยุ่งไม่ได้ด้วย นางใช้อารมณ์ สงบสักสองสามวันก็ดีเอง เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ”
เมื่อหยู่เหวินเห้าเกิดอารมณ์ก็ยากจะกด เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว เอ่ย “เสด็จพ่อ เรื่องวังหลังหม่อมฉันยุ่งไม่ได้ แต่นางเป็นท่านแม่ของหม่อมฉัน นางได้รับความอยุติธรรม หม่อมฉันปวดใจ จะไม่สนในนางไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นนางจะมีหม่อมฉันเป็นลูกทำไม?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขา โทสะแวบในดวงตา “เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? ไปขอขมานาง? ขออภัย? ขอให้นางออกจากตำหนักฉางเหมินหรือ?”