บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1343 หวงกุ้ยเฟยไม่ให้อภัย
ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งคนคอยติดตามอ๋องชินเฟิงอันอยู่ตลอด ได้ยินว่าชายาเฟิงอันไปตำหนักฉางเหมิน ในใจเขาก็หวาดหวั่น แล้วค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าแม่ทัพหรู่พ่อของหวงกุ้ยเฟย เคยผู้ใต้บังคับบัญชาของชายาเฟิงอัน
การปกป้องศักดิ์ศรีในหมู่ทหารด้วยกันนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะนิสัยของชายาเฟิงอันค่อนข้างแข็งกร้าว หากครั้งนี้หวงกุ้ยเฟยบ่นให้นางฟัง ชายาเฟิงอันจะต้องมาแก้แค้นแน่
เขารออยู่ที่ห้องทรงพระอักษรอย่างไม่สบายใจ แม้แต่ห้องบรรทมก็ไม่กล้ากลับไป รอจนถึงประมาณเที่ยงคืน ได้ยินว่าชายาเฟิงอันกลับพระตำหนักฉินคุนแล้ว เขาค่อยโล่งอก
ในที่ว่าราชการเช้าวันรุ่งขึ้น ก็มาคุยเรื่องงานราชการที่ห้องทรงพระอักษรอีก พอถึงใกล้เที่ยง ค่อยไล่เหล่าขุนนางไป เห็นว่าถึงเวลาทานอาหารเที่ยงแล้ว จึงคิดจะไปหาฮู่เฟย
แต่ยังไม่ถึงพระตำหนักฉ่ายหมิง ก็ได้ยินคนของพระตำหนักฉ่ายหมิงมารายงานว่า องค์ชายสิบวิ่งไปยังพระตำหนักฉินคุนพร้อมแผลบาดเจ็บ บอกว่าจะไปหาไท่ซ่างหวงช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเขา ลงโทษฮ่องเต้
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินเช่นนี้ หัวสมองก็ดังหวิวๆ ในใจโกรธองค์ชายสิบอย่างมาก เห็นทีโบยไปสามทีนั้นยังเบาไป มู่หรูกงกงเองก็ออมแรง ตีเขาเพื่อเป็นพิธีเท่านั้น ใช่ว่าจะต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส
มู่หรูกงกงก็คิดไม่ถึง นี่เพิ่งตีไปเอง ก็หาเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงจำต้องรีบไปยังพระตำหนักฉินคุน กลัวไท่ซ่างหวงจะโมโห โกรธจนสภาพจิตใจย่ำแย่ขึ้นมาอีก
แต่ว่าเพิ่งมาถึงพระตำหนักฉินคุน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้กับเสียงพระราชนัดดาองค์ใหญ่เปาจื่อดังมาจากในลาน อย่างค่อนข้างน่าเกรงขามว่า “ร้องไห้ทำไม? เจ้ามีอะไรน่าน้อยใจ? เจ้าทำผิด ได้รับการลงโทษไม่ใช่สิ่งที่สมควรหรือ? หากเจ้าไม่อยากถูกตี ก็ว่าง่ายเชื่อฟัง ในฐานะที่เจ้าเป็นลูกชาย ไม่เชื่อฟังพ่อกับแม่ เจ้ายังมีหน้ามาฟ้อง? เป็นผู้ชายอกสามศอก ทำความผิดแล้วยังไม่รู้จักสำนึก รู้จักแต่ร้องไห้ รู้จักแต่การฟ้อง หาคนนี้คนนั้นช่วย ไม่อายหรือ? เจ้าเป็นโอรสของเสด็จปู่ เสด็จปู่ทำงานเพื่อแผ่นดินอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็น่าเห็นใจอย่างมากอยู่แล้ว เจ้ายังไปสร้างความวุ่นวายให้กับเขา เจ้าว่าเจ้าควรที่จะถูกตีไหม?”
เจ้าสิบพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “แต่ว่าตีข้าเจ็บมาก ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว เสด็จพ่อยังตีข้า”
“แต่ก่อนที่เจ้าจะรู้ว่าทำผิด เจ้าได้ทำผิดไปแล้ว ก็ต้องตีลงโทษเรื่องที่เจ้าทำผิดในครั้งนี้ ตอนนี้เจ้ารู้ว่าผิด ต่อไปไม่กระทำผิดอีก งั้นต่อไปก็จะไม่ตีเจ้า”
“แต่ว่าเจ็บมากจริงๆ เสด็จพ่อใจร้ายมาก” เจ้าสิบพูดขึ้นทั้งร้องไห้
น้ำเสียงของเปาจื่อ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งพูดขึ้นอย่างเฉียบคมว่า “เจ้าพูดไปเรื่อย เสด็จปู่รักใคร่เจ้าจะตาย หากเสด็จปู่รักใครฆ่าขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ทำให้เขาหงุดหงิด เจ้ายังพูดว่าเจ้ารู้ตัวว่าผิดแล้ว ตอนนี้เจ้ายังพูดว่าเขาไม่ดี แสดงว่าไม่สำนึกผิด หากเจ้ายังพูดไปเรื่อย อย่าว่าแต่เสด็จปู่ตีเจ้า ข้าก็จะดีเจ้า เงียบ เช็ดน้ำตาให้แห้ง อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิง อายคนอื่นเขาไหม?”
เสียงร้องไห้นั้น ก็ค่อยๆเงียบขึ้นมาจริงๆ สักพัก ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “งั้นเจ้ายังเล่นกับข้าไหม?”
เปาจื่อพูดขึ้นว่า “สำนึกผิดก่อน แล้วก็ไปสำนึกผิดด้วยใจจริง อย่าทำอย่างขอไปที เจ้าต้องสำนึกผิดแล้วจริงๆ ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีก หากเสด็จปู่ให้อภัยเจ้า ฮู่เฟยให้อภัยเจ้า ข้าก็จะเล่นกับเจ้า ไม่เช่นนั้นต่อไปจะไม่สนใจเจ้าอีก”
เจ้าสิบพูดคืออยากสะอึกสะอื้นว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้ารอข้า ข้าจะไปยอมรับผิดทันที”
“สำนึกผิดก่อน หลังจากสำนึกผิดแล้วค่อยไปยอมรับผิด” เปาจื่อพูดขึ้น
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้เข้าไป หันกลับมาแล้วจากไป คำพูดของเปาจื่อ เป็นเหมือนดั่งมีด แทงลงไปตรงกลางใจของเขา เปาจื่อเป็นหลานคนโตของเขา ตอนที่พวกเขาพี่น้องเกิด เขามองเห็นความยินดี ความหวัง รักและเอ็นดูพวกเขามาก
“มู่หรู เด็กยังเล็กขนาดนั้น ทำไมเขาถึงรู้จักเป็นห่วงคนอื่นแล้ว? เขาเป็นห่วงเสด็จปู่ เขาพูดว่าเขาเป็นห่วงเสด็จปู่” ฮ่องเต้หมิงหยวนน้ำตาคลอ อยากร้องไห้อย่างที่สุด
“พระราชนัดดาองค์ใหญ่เชื่อฟังอย่างมาก” มู่หรูกงกงแอบเหลือบมองดูฮ่องเต้หมิงหยวนแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “โดยเฉพาะคำพูดที่เขาพูดกับองค์ชายสิบ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก มีความน่าเกรงขามและความปลอบใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นคำพูดของเด็กตัวเล็กขนาดนั้น”
“ใช่ ใช่ เขามีพรสวรรค์จริงๆ” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างพึมพำ
หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนกลับมายังห้องทรงพระอักษร ก็ตามบัณฑิตเน่ย์เก๋อมาร่างพระราชโองการ แบ่งเมืองทั้งห้าให้กับพระราชนัดดา ยกเว้นเปาจื่อ ลูกในท้องพระชายารัชทายาท ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ล้วนต่างได้หนึ่งเมือง
พระราชโองการฉบับนี้ ร่างอย่างไม่มีความลังเลอีก หลังจากบัณฑิตร่างเสร็จแล้ว เขาแล้วอ่านเสร็จก็รีบปั๊มตราประทับ สั่งคนเอาไปให้องค์ชายรัชทายาท
ศึกการแย่งชิงเมือง จบสิ้นลงแล้ว
พอตอนใกล้พลบค่ำ เจ้าสิบมาขอรับผิด ครั้งนี้สามารถดูออกมาด้วยใจจริง หัวสมองน้อยๆห้อยลง คุกเข่าอยู่บนพื้น พูดถึงสิ่งที่ตนเองทำผิด ขอฮ่องเต้หมิงหยวนประทานอภัย
ฮ่องเต้หมิงหยวนเคยเสียที่ไหนว่า ตอนเองตีไปหนึ่งทีแล้วไม่สามารถทำให้เขารู้ตัวขึ้นมา กลับเป็นคำพูดของเปาจื่อที่ด่าจนรู้สึกตัว ในใจยิ่งภาคภูมิใจ พระราชนัดดาองค์ใหญ่ สมควรแก่ชื่อจริง
เขาสั่งให้มู่หรูกงกงมาที่พระตำหนักฉินคุน พูดชื่นชมพระราชนัดดาองค์ใหญ่ต่อหน้าไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงได้ยินแล้ว ก็พูดตอบมู่หรูกงกงว่า “ไม่ใช่คุณความดีของเขา”
มู่หรูกงกงก็ไม่ปิดบัง กลับมาก็ทูลฮ่องเต้หมิงหยวนตามที่พูด ฮ่องเต้หมิงหยวนอึ้งไปสักพัก เมื่อไม่ได้รับความสนใจ จึงพูดมู่หรูกงกงว่า “ข้าแค่ภาคภูมิใจที่มีหลานเหมือนเขา”
เขาเตรียมขบวนไปยังตำหนักฉางเหมิน
หวงกุ้ยเฟยเชิญเขาเข้ามาในตำหนัก จุดไฟตะเกียงตรงหน้าโต๊ะ ทั้งสองคนมองตากัน ท่าทีหวงกุ้ยเฟยเงียบสงบ ไม่มีอะไรจะพูด
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ย้ายกลับไปเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับเจ้า”
“ที่นี่ดีมาก หม่อมฉันตั้งใจจะอยู่ที่นี่ไปจนแก่” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้น
“ทำไมเจ้าจะต้องลงโทษข้าด้วยการทรมานตัวเอง?” ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนาง
ริมฝีปากหวงกุ้ยเฟยยิ้มอย่างสุขุม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ทรมาน หม่อมฉันคิดว่าอยู่ที่นี่สบายดี เงียบสงบ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมาก ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระ ดีกว่ามีงานยุ่งเหมือนอย่างที่ผ่านมา”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังอยากพูดอะไร หวงกุ้ยเฟยจ้องมองตาเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ไม่ต้องพูดแล้ว หม่อมฉันจะไม่ย้ายออกไป ที่นี่สบายดี เต็มไปด้วยเสียงนกและกลิ่นหอมของดอกไม้ ดีกว่าเสียงรบกวนภายนอกที่วุ่นวาย ก่อนที่หม่อมฉันจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหวงกุ้ยเฟย ก็ใช้ชีวิตด้วยตนเอง สะดวกสบายและเงียบสงบ ตอนนี้ก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรไม่ดี”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูใบหน้าของนาง ยังมีร่องรอยนิ้วมือ เสียใจที่วันนั้นลงมือรุนแรง และเสียใจที่วันนั้นลงมือทำร้าย ตอนนั้นเขาแค่ใจร้อน จึงถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไงเจ้าก็จะไม่ยอมให้อภัยข้า”
“ใช่” หวงกุ้ยเฟยยอมรับตรงๆ ตีนางเพื่อผู้หญิงคนอื่น หากนางให้อภัย นั่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติตนเอง
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะอย่างขมขืน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่มีใจให้ข้าแล้ว”
“ไม่มีนานแล้ว” หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าที่พูดออกมา เพราะความโกรธ แต่ก็ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ มาถึงขนาดนี้แล้ว อยู่ที่นี่ไม่น่าสงสาร แต่ในใจไม่สบายใจแล้วยังไม่สามารถพูดออกมา ถึงถือว่าน่าสงสารจริงๆ
ไม่ใช่วันนี้ที่ไม่มีใจ? ไม่มีใจแต่แรกแล้ว แต่เมื่อเป็นหวงกุ้ยเฟย ดูแลวังหลัง ต้องทำตามหน้าที่
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า “ข้านึกว่า เจ้าเข้าใจข้า เจ้าก็เห็นใจข้า”
“ทำให้ฮ่องเต้ต้องผิดหวัง หม่อมฉันขออภัย” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งมองดูนาง ในใจเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างใจหาย ความผูกพันตลอดยี่สิบปีนั้น ไม่มีอะไรตื่นเต้น แต่ก็เป็นเหมือนดั่งน้ำที่ไหลน้อยแต่ก็ไหลมาอย่างยาวนาน ซึมซับเข้าไปในใจจนถึงกระดูก ตัดขาดกันเช่นนี้ ในใจของเขาเหมือนถูกกลืนกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง โล่งๆว่างเปล่า