บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1347 สมองโง่ไปแล้ว
คำพูดพวกนี้ หยวนหย่งอี้กับหรงเยว่ต่างฟังไม่เข้าใจ คิดเพียงว่าเป็นคำถามปกติ ยังไงอนาคตก็ไกลเกิน ปัจจุบันถึงจะเป็นความจริงที่สุด
หยู่เหวินเห้าดื่มจนเมาถูกส่งมายังตำหนักเซี่ยวเยว่ หยวนชิงหลิงก็ไม่คุยแล้ว กลับไปดูแลเจ้าห้า
เจ้าห้าฟุบนอนอยู่ข้างเตียง ทังหยางพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “ส่งขึ้นไปบนเตียงแล้ว เขาก็คลานลงมานอนที่นี่”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่าทีแบบนี้ดูแล้วคุ้นเคยไหม?”
ทังหยางดูเขานอนหงายตูดอยู่บนเตียง รู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก พยักหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนท่านอ๋องที่ถูกโบยคนนั้นมาก”
“ใครกล้าโบยข้า?” หยู่เหวินเห้าหันกลับมาโบกมือ แล้วก็เอื้อมมือไปดึงหมอนมาหนึ่งใบ หนุนไว้ใต้คาง หลังจากพึมพำสองคำ แล้วก็ไม่รู้ว่าพึมพำพูดอะไรอีก ฟุบอยู่เช่นนี้แล้วก็จะนอน
หยวนชิงหลิงมองดูแล้วก็หัวเราะ พร้อมพูดกับทังหยางว่า “ข้าดูแลเขาเอง เจ้าเองก็ดื่มไปไม่น้อย กลับไปพักผ่อนเถอะ”
ทังหยางพูดขึ้นว่า “งั้นกระหม่อมขอลา”
หลังจากทังหยางไปแล้ว หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปตบหลังเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “นอนดีๆ ดิ้นโดนท้องของข้าแล้ว”
เดิมเจ้าห้านอนหลับไปแล้ว พอได้ยินเช่นนี้ ก็รีบหดเท้าแล้วก็ขยับไปบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอย่างระมัดระวัง ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย พร้อมพูดขึ้นว่า “ถีบโดนแล้วหรือ?”
หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างเตียง หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่โดน ทำไมถึงดื่มเยอะขนาดนี้? เมาเหมือนแมว”
หยู่เหวินเห้ายิ้มหัวเราะมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ดีใจ”
เขาเอามือตีหน้าอกตัวเอง ผ่อนลมหายใจกลิ่นอายเหล้าออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดีใจ วันนี้ข้าดีใจ ดื่มอย่างมีความสุข”
เขาจับมือหยวนชิงหลิงไว้ สายตาแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แววตาเหม่อลอย พร้อมพูดขึ้นว่า “ยายหยวน ข้าดีใจเจ้ารู้ไหม? ข้าดีใจขนาดไหน ดีใจอย่างที่สุด”
“เพราะใต้เท้าเหลิ่งได้เป็นโสวฝู่หรือ?” หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมถามขึ้น
“การอนุรักษ์น้ำ สิ่งที่เร่งด่วน…..การซ่อมถนนก็เร่งด่วน ที่ผ่านมาข้าอัดอั้นใจอย่างมาก เต็มไปด้วยความตั้งใจ อะไรก็อยากทำ แต่อะไรก็ทำไม่ได้” เขางอตัวลงเล็กน้อย ดึงที่รัดผมออกจนยุ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ไม่พอใจเสด็จพ่อ แต่สิ่งที่ข้าอยากทำ เสด็จพ่อไม่สนับสนุน เรื่องเล็กทำได้ เรื่องใหญ่ขัดขวาง แม่น้ำหวยน้ำท่วมทุกปี ตลอดสายแม่น้ำหวย สูญเสียการเก็บเกี่ยวทุกปี นั่นคือยุ้งฉางของเป่ยถังนะ ทำไมเป่ยถังยังจนขนาดนั้นมาตลอด? เพราะไม่มีการอนุรักษ์น้ำเป็นอย่างดี เกิดภัยแล้งตาย จมน้ำตาย….”
เขาพูดอยู่อย่างอู้อี้ พูดออกมาไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่หยวนชิงหลิงก็ฟังสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง
“ต่อไปสามารถทำได้ ต่อไปอะไรก็สามารถทำได้ ทำได้อย่างเต็มที่แล้ว….ดีใจ ดื่ม….” เขาหันหน้าไป หลับตา ปากกลับยังอ้าค้างอยู่ แล้วก็นอนพ่นลมหายใจถี่อยู่อย่างนี้
หยวนชิงหลิงฟังจนทั้งอยากหัวเราะทั้งเศร้าใจ อยากโน้มตัวลงไปจูบเขา แต่ท้องโตแล้ว โน้มเอวไม่ได้ ทำได้เพียงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเขา
“เอิ๊ก…..” ดังขึ้นหนึ่งที เจ้าห้าลืมตาขึ้นมองดูนาง หัวยื่นไปที่ข้างเตียง เท้าทั้งคู่ยื่นไปข้างใน รอเมื่อครึ่งตัวห้อยลอยอยู่ข้างเตียง กลับก็แค่เลอ ไม่ได้อ้วกออกมา แล้วก็กลับไปนอนอย่างหมดแรง
แต่หยวนชิงหลิงได้กลิ่นเหล้าจนแทบอาเจียน
หลังจากเจ้าห้าสร่างเมา ตะวันก็ตกดินแล้ว
เขาค่อยๆลืมตาขึ้น มองเห็นยายหยวนเขียนอะไรอยู่ในห้อง ในหัวสมองยังรู้สึกค่อนข้างมึน แต่ไม่ทรมานขนาดนั้นแล้ว เขาลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิปรับกำลังภายใน แล้วรู้สึกสบายขึ้นบ้างแล้ว
“สร่างเมาแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงวางพู่กันลง เท้าคางมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากได้เหล้าคืนวิญญาณสักแก้วไหม?”
เจ้ารู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมา เพราะพูดขึ้นว่า “ไม่ ไม่ ไม่ดื่มแล้ว”
หลังจากสร่างเมาแล้ว ได้ยินคำว่าเหล้าแล้วอยากจะอ้วก
“ลู่หยา ยกข้าวต้มมาให้เขา” หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมา แล้วตะโกนออกไปข้างนอก เสียงลู่หยาดังชัดเจนอยู่ข้างนอกว่า “ค่ะ”
หยู่เหวินเห้าลงจากเตียง เดินมาโอบกอดหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ภรรยาข้ารู้ใจดีที่สุด รู้ว่าข้าหิวแล้ว ต้องทานข้าวต้ม”
“ต่อไปไม่ต้องดื่มเยอะขนาดนี้ เสียสุขภาพ” หยวนชิงหลิงจับมือของเขาที่โอบมาจากข้างหลัง เอียงหัวซบอกเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกลูกๆมาเห็น ก็จะเอาไปเลียนแบบ”
“รู้แล้ว” หยู่เหวินเห้าจูบหน้าผากของเขา แล้วอ้อมมานั่งตรงหน้าของนาง มองดูสิ่งที่นางเขียนเมื่อกี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่คืออะไร?”
“คำพูดหลังจากที่เจ้าเมา ข้าช่วยเจ้าจำไว้หมดแล้ว” หยวนชิงหลิงยิ้มมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดว่า การอนุรักษ์น้ำกับซ่อมถนน เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพัฒนาในอนาคต คิดว่าสิ่งที่เจ้าจะทำต่อจากนี้ก็คือสองเรื่องนี้”
“ไม่ต้องเขียน ข้าจำเองได้” หยู่เหวินเห้านวดหว่างคิ้ว แล้วยิ้มหัวเราะให้กับนาง
“ไม่ใช่เขียนให้เจ้าดู เสด็จปู่กับโสวฝู่ให้ข้าหาเวลาไปกราบทูล” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? ย้ายไปยังพระที่นั่งแล้วยังไม่วางใจเรื่องงานราชการหรือ?”
“เหน็ดเหนื่อยใจมาทั้งชีวิตแล้ว จะปล่อยวางง่ายๆได้อย่างไร? เจ้าอย่าเข้าใจผิด พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะจับตาดูว่าเจ้าทำอะไรยังไง อย่าแค่อยากรู้เท่านั้นเอง”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ข้ามีอะไรต้องเข้าใจผิด? พวกเขาสามารถให้เจ้ารายงานอยู่ตลอดเวลา? แสดงว่าพวกเขาไม่เหลือไส้ศึกไว้ภายในวังหรือในราชสำนักแล้ว นี่กลับเป็นหลักฐานว่าพวกเขาวางมือแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ข้าสั่งคนไปส่งจดหมาย อีกสองวันข้ากับท่านย่าก็ต้องไปเอง ไปเปลี่ยนยาให้กับโสวฝู่”
ลู่หยายกข้าวต้มเข้ามา หยู่เหวินเห้าทานไปด้วย พร้อมถามขึ้นว่า “ดวงตาของโสวฝู่ จะหายจริงไหม?”
“ยังคงเป็นประโยคนั้น รอดูก่อน” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ
ตอนนี้ดวงตาของโสวฝู่ เป็นเรื่องที่นางเป็นกังวลที่สุดแล้ว หรือพูดว่าไม่เป็นกังวลเรื่องดวงตาที่สุด ก็เป็นกังวลก้อนเลือดจากเคลื่อนย้ายหรือค่อยๆมีเลือดออก ก้อนเลือดขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นก็เกิดการกดทับเส้นเลือดหรือเส้นประสาทอย่างอื่น นำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
ถึงตอนนั้นก็จะไม่เพียงแค่ตาบอดแล้ว
“เขาจะไม่เป็นไร วางใจ” หยู่เหวินเห้าพูดปลอบนาง
“ใช่ กว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สวรรค์ไม่กระทำอย่างไม่ยุติธรรมกับเขาเช่นนี้แน่” ”หยวนชิงหลิงมองเขา พร้อมพูดเร่งขึ้นว่า “กิน กินเยอะๆ”
หยู่เหวินเห้าตักทานสองสามคำจนข้าวต้มหมด ผลักถ้วยออก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปดูลูกๆกัน”
เปาจื่อสอนเจ้าแฝดอ่านหนังสือ เจ้าแฝดเชื่อฟังอย่างมาก อ่านทีละคำ ตอนนี้ทังหยวนอ่านหนังสือเรื่องเล่าได้แล้ว ทังหยางเป็นคนให้หนังสือเรื่องเล่าแก่เขา เขาตั้งใจดูอย่างมาก พ่อแม่มาก็ไม่รู้ตัว จนข้าวเหนียวร้องเรียกขึ้น เขาค่อยเงยหัวขึ้นมา มองดูจนตาหรี่ลง
“อ่านหนังสืออะไรหรือ?” หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปหยิบมา เมื่อดูแล้วว่าเป็นหนังสือเรื่องเล่าในท้องถิ่น ก็เกิดความไม่สนใจ ยื่นคืนให้กับเขา
ทังหยวนเอากลับมา ขยี้ตา แล้วก็พูดขึ้นว่า “พ่อ หนังสือเล่มนี้น่าอ่านมาก พูดถึงบัณฑิตคนหนึ่งรีบไปเข้าร่วมการสอบที่เมืองหลวง แล้วไปรับความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนหนึ่ง เขารับปากว่าหลังจากสอบได้ตำแหน่งแล้ว จะกลับไปสู่ขอผู้หญิงคนนี้ สุดท้าย….”
หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องแบบนี้ สามารถเดาได้เลย หลังจากบัณฑิตคนนี้สอบได้ตำแหน่งแล้ว จะต้องทำผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ แล้วไปแต่งงานกับคุณหนูตระกูลร่ำรวย ใช่ไหม?”
ทังหยวนมองดูเขาอย่างอ้าปากค้าง หรือนี่จะเป็นการพูดจาไม่เข้าใจกันอย่างที่ท่านลุงพูดถึงหรือ? เรื่องเล่าสมัยเก่าเช่นนี้ ไม่เป็นที่นิยมนานมากแล้ว พ่อกลับยังพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ หรือว่าสมองเสื่อมเสียไปแล้ว