บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1356 นางเป็นตัวอะไร
อ๋องฉีสั่งคนไปพาแม่นางจุ้ยเยว่คนนั้นมาที่จวนอ๋องฉี ให้หยวนหย่งอี้ถามความนาง
แม่นางจุ้ยเยว่ถูกพาตัวมาถึงแล้ว สวมชุดกระโปรงยาวรักหน้าอกสีรากบัว รอบเอวคาดเข็มขัดสีเขียวที่ถูกขัดจนเกือบเป็นเทา นี่เป็นสีประจำของผู้หญิงหอนางโลม และจะต้องคาดสีนี้ เพื่อเป็นการแบ่งแยกระหว่างหญิงทั่วไปกับหญิงคณิกา
หยวนหย่งอี้มองดูนาง ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้โดดเด่นไม่เหมือนใครในโลก เส้นผมดุจดั่งผ้าไหมสายน้ำตก หน้าตาสวยได้รูป ผิวพรรณผ่องใส คิ้วโค้งงอดั่งภาพวาด ริมฝีปากได้รูป ดวงตากลมโต แฝงไปด้วยแววตาเยือกเย็นสูงส่ง
เป็นผู้หญิงที่งดงามและดูดื้อรั้นคนหนึ่ง
นางไม่ได้ทำความเคารพ เพียงแค่ยืนตรงหน้าหยวนหย่งอี้ แล้วพยายามยืดเอวตรง
“เจ้าชื่อจุ้ยเยว่?” หยวนหย่งอี้ถามขึ้น
นางพูดว่า “ในเมื่อพระชายารู้แล้ว ยังจะถามอีกทำไม?” น้ำเสียงอ่อนโยนแต่เย็นชา ไม่มีเสแสร้ง แต่ยังคงทำให้หยวนหย่งอี้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
หยวนหย่งอี้ยังไม่อยากสนใจท่าทีของนาง ถามขึ้นว่า “ทำไมถึงไม่ยอมตรวจร่างกาย?”
“ข้าไม่ได้ป่วย ไม่จำเป็นต้องตรวจ” จุ้ยเยว่พูดพร้อมกับเงยคางขึ้นมา ราวกับกำลังยึดมั่นในความดื้อรั้นของตนเอง
“ไม่เคยรับแขกหรือ?”
จุ้ยเยว่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เคยรับ นอกจากองค์ชายรัชทายาท”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เหลวไหล องค์ชายรัชทายาทจะไปยุ่งกับเจ้าได้ยังไง?”
จุ้ยเยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธเคืองว่า “พระชายาพูดจาหยาบคาย ยุ่งอะไร? ก็แค่เขาชอบข้า แต่สถานะของข้าต่ำต้อย ไม่สามารถปฏิเสธได้”
หยวนหย่งอี้หัวเราะเยาะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หรือเจ้าจะพูดว่าโดนข่มขืน?”
“ผู้หญิงหอนางโลม ไม่มีคำว่าโดนข่มขืน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าถึงไม่เคยรับแขกคนอื่น?”
“ข้าเข้าไปอยู่ในหน่วยงานเลี้ยงรับรอง ฝึกฝนดีดฉิน หมากรุก คัดลายมือ และวาดภาพ มาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ต่อมาเพราะสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่สามารถรับแขกได้ องค์ชายรัชทายาทเป็นแขกคนแรกที่ข้าดูแลพอดี”
“ในเมื่อเจ้าฝึกฝนดีดฉิน หมากรุก คัดลายมือ และวาดภาพ แล้วทำไมถึงยังไปอยู่หอนางโลม?”
จุ้ยเยว่หัวเราะขึ้นมาอย่างประชด พร้อมพูดขึ้นว่า “แตกต่างอย่างไร? เมื่อแขกชอบร่างกายนี้ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน และต่อให้ข้าอยู่หน่วยงานเลี้ยงรับรองทางซ้าย หรือหอนางโลม เดิมก็ใช่ว่าข้ามีสิทธิเลือก คนเดียวไร้บ้านไร้ฐาน ทำให้พระชายาต้องขบขันแล้ว”
หยวนหย่งอี้มองดูรอยยิ้มประชดและเยาะเย้ยของนาง เหมือนเห็นความอัปลักษณ์ของโลกนี้มาอย่างที่สุดแล้ว นางรู้สึกไม่สบายจึงพูดขึ้นว่า “ยังไงข้าก็ไม่เชื่อ องค์ชายรัชทายาทสองสามีภรรยารักกันมาก เขาไม่มีทางทรยศพระชายารัชทายาทเด็ดขาด”
จุ้ยเยว่กลับไม่ไว้หน้าสักนิด พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “พระชายารัชทายาทคลอดลูกชายห้าคน ถึงแม้จะไม่ทำให้แก่สมรรถภาพเสื่อม แต่รูปร่างที่เปลี่ยนไปก็สามารถทำให้ผู้ชายเบื่อ ที่รักใคร่กัน เป็นเพียงศักดิ์ศรี ทำเพื่อชื่อเสียงที่ดี คนบนโลกจะได้นับถือ รูปร่างหน้าตาที่สวยใครจะไม่ชอบ? ยังไงรูปร่างหน้าตาของข้าก็เหนือกว่าพระชายารัชทายาท องค์ชายรัชทายาทชอบข้า จะแปลกตรงไหน?”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าพูดเช่นนี้เสียมารยาทมาก พูดให้ร้ายพระชายารัชทายาท เจ้ารู้ไหมว่าต้องโทษสถานใด?”
จุ้ยเยว่พูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่า “หัวก็มีแค่หัวเดียว ตัดทิ้งเลยก็ได้ สิ่งที่ข้าพูดคือความจริง พระชายารับไม่ได้หรือ? งั้นพระชายาต้องระวังหน่อย ความงดงามของผู้หญิงเป็นเหมือนดั่งดอกไม้ มีช่วงเวลาเหี่ยวเฉา สมรรถภาพทางเพศเสื่อมแต่ยังมีความต้องการ ไม่นานท่านอ๋องก็จะต้องมีคนรักคนใหม่ คนเราหากไม่ใจกว้าง ก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
หยวนหย่งอี้จ้องมองดูนาง แล้วก็ไม่ถูกนางทำให้โกรธได้ง่ายๆ จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนั้นองค์ชายรัชทายาทพาเจ้าไปที่ไหน? แล้วพวกเจ้าไปมีอะไรกันที่ไหน?”
จุ้ยเยว่พูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “องค์ชายรัชทายาทพาข้าขึ้นรถม้า แล้วก็มีอะไรกับข้าบนรถม้า พระชายายังอยากรู้อะไรอีก? จะต้องให้เล่าทุกอิริยาบถให้พระชายาฟังไหม?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หยวนหย่งอี้ก็คิดว่าจุ้ยเยว่โกหก นอกจากองค์ชายรัชทายาทออกไปพร้อมกับพระชายารัชทายาทแล้ว เขาไม่เคยนั่งรถม้า ล้วนขี่ม้าไปเองตลอด
ส่วนมีอะไรกับผู้หญิงหอนางโลมบนรถม้า ต่อให้องค์ชายรัชทายาทเมาเหมือนหมูหมดสติ ก็ไม่ทำอย่างเด็ดขาด
ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ จุ้ยเยว่คนนี้ไม่กลัวตายหรือ? กล้าใส่ร้ายองค์ชายรัชทายาท หากไม่มีเหตุผลอื่น งั้นก็คงเสียสติไปแล้วแน่
นางไม่แสดงท่าทีใดๆ พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ากลับไปเถอะ”
จุ้ยเยว่เหมือนไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปล่อยไปง่ายขนาดนี้ จ้องมองหยวนหย่งอี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาเชื่อแล้วหรือ? งั้นพระชายาไม่จับข้าขังหรือ?”
“ไม่จำเป็น เจ้ากลับไปเถอะ” หยวนหย่งอี้พูดขึ้น
จุ้ยเยว่หันเดินไปเงียบๆ ฝีเท้าค่อนข้างเบาหวิว เดินออกไปอย่างเชื่องช้า
ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น แล้วจุ้ยเยว่พูดเช่นนี้ คงเพราะมีอะไรแอบแฝง ดังนั้นหยวนหย่งอี้จึงไปที่จวนอ๋องฉู่ เล่าเรื่องนี้ให้หยวนชิงหลิงฟัง
นางพูดเสร็จ กลัวหยวนชิงหลิงเข้าใจผิด จึงรีบพูดขึ้นว่า “ข้ามั่นใจว่าจุ้ยเยว่โกหก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงทำเช่นนี้ แต่ข้ามั่นใจ องค์ชายรัชทายาทไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับนางแน่”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าเขาไม่ทำ ข้าเชื่อเขา อย่ากังวล”
“เชื่อจริงๆหรือ?” หยวนหย่งอี้มองดูนาง
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้ชายของตนเองเป็นยังไง ตนเองจะไม่รู้หรือ? ไม่มีความกล้าขนาดนี้ ยิ่งไม่มีเงิน”
อะซี่ที่ฟังอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นว่า “บางทีพี่ซูหลงเป็นคนเลี้ยงล่ะ?”
“ตอนนี้พี่ซูหลงติดตามอ๋องซุน ตระกูลซูก็ไม่รุ่งเรืองแล้ว แต่ละเดือนมีเงินเท่าไหร่? ยังสามารถเลี้ยงพวกเขาทำเช่นนี้ได้ เลี้ยงเหล้าก็มากพอแล้ว”
“พี่ซูหลงก็จริงๆเลย ดื่มเหล้าก็ดื่มเหล้าสิ ทำไมยังจะเลือกผู้หญิงหอนางโลมมาร่วมด้วย? ได้ยินว่าเขายังพาผู้หญิงไปด้วย”
“เขายังไม่แต่งงาน จะโทษเขาก็ไม่ได้ น่าสารจริงๆ อายุเยอะขนาดนี้แล้วยังหาเมียไม่ได้” อะซี่พูดขึ้น
หยวนหย่งอี้มองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพี่หยวนไม่เข้าใจองค์ชายรัชทายาทผิด ข้าก็วางใจแล้ว ข้ากับเจ้าเจ็ดยังเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะโกรธ”
“ไม่โกรธ แต่จุ้ยเยว่พูดเช่นนี้ ค่อนข้างน่าแปลก บางทีอาจจะมีอะไรแอบแฝง เอาอย่างนี้ เจ้าพานางมาหาข้า ข้าถามเอง ดูสิว่ามีใครสั่งให้นางพูดเช่นนี้หรือเปล่า เพื่อทำลายชื่อเสียงเจ้าห้า” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยวนหย่งอี้ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าว่าเจ้าอย่าเจอนางจะดีกว่า ผู้หญิงคนนี้พูดจาโอหัง และคำพูดพวกนั้น….ไม่น่าฟัง ฟังแล้วทำให้ไม่สบายใจ”
“รู้สถานะเดิมของเขาไหม?”
“รู้ พ่อของนางเป็นเจ้าเมือง เป็นพวกเดียวกับหยู่เหวินจุน แต่เห็นเจ้าเจ็ดพูดว่า พ่อของนางเหมือนถูกใส่ร้าย เพราะหลังจากถูกย้ายออกไปเป็นเจ้าเมือง ก็แทบไม่ได้เจอหน้าหยู่เหวินจุนอีกเลย แต่เพราะตำแหน่งขุนนางของเขา หยู่เหวินจุนเป็นคนสนับสนุน ตอนนั้นตอนที่สืบสวนก็ถูกต้องโทษด้วย จุ้ยเยว่คนนั้น….เดิมชื่อซางชิวเตี๋ย นางกับพวกพี่สาวน้องสาวต่างต้องโทษ ส่งเข้าไปอยู่ในหน่วยงานเลี้ยงรับรอง ส่วนพี่ชายน้องชายถูกส่งไปเป็นทาส”
ได้ยินว่าเป็นคนของหยู่เหวินจุน หยวนชิงหลิงคิดว่ายังไงก็ไม่ควรชะล่าใจ เรื่องบางเรื่องควรกำจัดให้หมดสิ้นก็ต้องกำจัด สะเก็ดไฟเล็กๆก็เพียงพอที่จะเป็นต้นเพลิงจุดไฟให้ไหม้ทุ่งหญ้าได้
เพื่อความปลอดภัย หยวนชิงหลิงให้ท่านชายสี่ส่งนกพิราบเอาจดหมายไปให้หยู่เหวินเห้า เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง และถามนางว่ารู้จักแม่นางจุ้ยเยว่คนนี้ไหม ในจดหมายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ไม่ปิดบังสักนิด
เมืองหวู่โจวไม่ไกล นกพิราบไปกลับภายในวันเดียว หยู่เหวินเห้าตอบเพียงไปกี่คำ ท่านชายสี่เอามาให้หยวนชิงหลิงดูด้วยตนเอง หยวนชิงหลิงรับมาเปิดดู อืม ไม่กี่คำนี้เป็นหยู่เหวินเห้าจริงๆ
“นางเป็นตัวอะไร?”