บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1358 อะซี่จะคลอดแล้ว
หยวนชิงหลิงค่อยโล่งอก ที่จริงตอนที่หยวนหย่งอี้มาบอกนาง ในใจนางก็คาดเดาไว้เช่นนี้ นางเชื่อเจ้าห้าอยู่แล้ว แต่จุ้ยเยว่คนนี้ยอมเสี่ยงที่จะถูกประหาร ก็ยังจะใส่ร้ายองค์ชายรัชทายาท หากไม่มีคนอยู่เบื้องหลังสั่งให้ใส่ร้ายองค์ชายรัชทายาทให้เสื่อมเสียชื่อเสียง งั้นก็ต้องเป็นเพราะเหตุผลนี้
นางยืนยันถามต่อไป ก็เพราะกลัวว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้ได้ยินจุ้ยเยว่พูดเช่นนี้ ในใจก็สบายขึ้น
ต้องยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหลายปีมานี้ ทำให้นางค่อนข้างหวาดระแวงไปหมด
การลอบสังหารพวกเขาสองสามีภรรยา แทบไม่เคยหยุดหย่อน ตอนนี้กว่าจะได้อยู่อย่างสงบร่มเย็นเป็นสุข แล้วยังจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก งั้นนางจะต้องเป็นบ้าตายแน่ โชคดีที่เป็นเพียงความคิดส่วนตัวของจุ้ยเยว่
นางเป็นลูกสาวเจ้าเมือง เกิดมาในสถานะคุณหนู ไม่ยอมที่จะเป็นหญิงคณิกาในหอนางโลมอยู่แล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อโชคชะตาเป็นเช่นนี้ แม้แต่ตายก็ยังทำไม่ได้ ความเดียวดายนั้น ใครจะยอมอภัยให้ไม่ได้ล่ะ?
หยวนชิงหลิงเรียกฉี่หลอมาประคองนางขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายังไม่ต้องกลับหอนางโลม ข้าจะหาที่อยู่ให้เจ้าชั่วคราว รอหลังจากที่คดีของพ่อเจ้าสืบสวนใหม่เสร็จสิ้น ยืนยันว่าพ่อของเจ้าบริสุทธิ์ ค่อยว่ากัน”
จุ้ยเยว่แทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง นางพูดขึ้นว่า “สืบสวนคดีใหม่? ท่านพูดว่า จะคืนความยุติธรรมให้พ่อของข้า?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “สืบสวนคดีใหม่ ไม่ใช่คืนความยุติธรรม แต่จะสืบว่าความจริงเป็นยังไงกันแน่ หากพ่อเจ้าเจ้าบริสุทธิ์จริง องค์ชายรัชทายาทไม่นิ่งดูดายแน่”
จุ้ยเยว่นิ่งมองดูนาง แล้วก็ร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่องค์ชายรัชทายาทเกลียดข้าอย่างมาก เขาไม่ช่วยพ่อของข้าแน่ วันนั้นที่มาถึงฝู๋เต๋อซวน ข้าได้รู้ว่าถึงสถานะขององค์ชายรัชทายาท ตั้งใจเข้าใกล้ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกล่อ เพียงแค่คิดว่าหลังจากได้ดูแลองค์ชายรัชทายาท จะสามารถช่วยพ่อให้หลุดพ้นจากการถูกจองจำ แต่องค์ชายรัชทายาทไม่ชอบที่ข้ากระทำเช่นนี้ ด่าทอข้า ข้าทำให้เขาโกรธแล้ว…..”
หยวนชิงหลิงได้ยินนางร้องไห้อย่างหมดหวัง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงองค์ชายรัชทายาทจะด่าทอเจ้า แต่ก็คนละเรื่อง ครั้งนี้ที่มีการสืบสวนคดีของพ่อเจ้าอีกครั้ง ก็เพราะองค์ชายรัชทายาทสั่งการมา สั่งให้กรมการพระนครสืบสวน เจ้าไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
“จริงหรือ? จริงหรือ?” จุ้ยเยว่เช็ดน้ำตา จ้องมองดูหยวนชิงหลิง เหมือนกลัวว่าจะพลาดท่าทีใดๆของนาง
“อืม จริงแท้แน่นอน ฉี่หลอ เจ้าพานางไปอยู่ที่จิ้งหยวนอันเป็นการชั่วคราว รอคดีสืบสวนเรียบร้อยแล้ว…รอองค์ชายรัชทายาทกลับมาแล้วค่อยจัดการ” หยวนชิงหลิงพูดสั่ง
นางทำให้เจ้าห้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ให้เจ้าห้าจัดการเองดีที่สุด
“เพคะ” ฉี่หลอรับคำสั่ง
จุ้ยเยว่คุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง ร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “หากองค์ชายรัชทายาทสามารถคืนความยุติธรรมให้พ่อของข้า ชั่วชีวิตนี้ของข้าซางชิวเตี๋ย ต่อให้ต้องเป็นวัวเป็นม้า ก็จะตอบแทนบุญคุณขององค์ชายรัชทายาทกับพระชายารัชทายาท”
“เอาล่ะ ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงนวดหว่างคิ้ว เสียงร้องไห้อย่างหนักนี้ นางฟังจนปวดหูแล้ว
เรื่องนี้ โชคดีที่ยังไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง และก็ไม่ถึงกับทำลายชื่อเสียงของเจ้าห้า
แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ เจ้าห้าส่งจดหมายมาทุกวัน ส่งมาถึงเมืองหลวง ม้าวิ่งจนตาย ต่อให้หยวนชิงหลิงตอบจดหมายกลับไปบอกเขา นางไม่ได้เชื่อคำพูดของจุ้ยเยว่ เขาก็ยังไม่วางใจ ยังเขียนส่งมาเรื่อยๆ
ในที่สุด หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน คดีสืบสวนกระจ่างแล้ว ซางต้าเถียนไม่ได้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์แย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทในตอนนั้นจริง และตอนที่เขาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหงโจว ขุนนางน้อยใหญ่ในหงโจวก็เคารพนับถือเขา ประชาชนก็ชื่นชมเขา เรียกเขาว่าเป็นเหมือนดั่งพ่อแม่ที่ให้การคุ้มครองประชาชนเป็นอย่างดี
หยู่เหวินเห้าอยู่ถึงเมืองหวู่โจวไม่ถึงเดือน หลังจากครึ่งเดือนกว่าก็เดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว หวางเจียงยังอยู่ที่เมืองหวู่โจว เพื่อสำรวจภูมิประเทศ เลือกสถานที่ รอเมื่อเงินจากกรมคลังมาถึง ก็เริ่มดำเนินการทันที
หลังจากหยู่เหวินเห้ากลับมาเมืองหลวง เรื่องแรกก็คือคืนความยุติธรรมให้กับซางต้าเถียน นอกจากซางต้าเถียนแล้ว ขุนนางที่เหลือที่เกี่ยวข้องในคดีนี้จะถูกสอบสวนอีกครั้ง มีคนที่มีความสามารถ คนที่ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ล้วนคืนความยุติธรรมให้ทั้งหมด
ส่วนจุ้ยเยว่ที่ใส่ร้ายองค์ชายรัชทายาท หยู่เหวินเห้าให้กรมการพระนครจับจองจำตามโทษที่ใส่ร้ายองค์ชายรัชทายาท ติดคุกครึ่งปีเพื่อเป็นการตักเตือน สุดท้ายมาคิดดู ยังคงไม่สบายใจ ยังไงเรื่องนี้ก็ทำให้เขาอยู่เมืองหวู่โจวอย่างไม่สงบสุข กลัวยายหยวนจะโกรธ จึงสั่งคนให้จองจำนางเพิ่มขึ้นสามเดือน
ส่วนเรื่องผู้ติดโรค ขุนนางไม่ยอมไปตรวจ เขาจึงตั้งรางวัลแจ้งเบาะแส หากใครชี้ตัวคนที่เคยแตะต้องผู้หญิงที่ติดโรค ล้วนมีรางวัลให้ สามารถแจ้งได้อย่างลับๆ ไม่ต้องแจ้งชื่อสถานะของผู้แจ้ง
ผ่านไปไม่นาน ก็สามารถจับเหล่าขุนนางได้มากมาย ทั้งหมดถูกส่งไปตรวจที่โรงหมอหุ้ยหมิง เมื่อตรวจแล้ว พบว่ามีขุนนางในเมืองหลวงสามสิบกว่าคนที่ติดเชื้อ
ตัวเลขนี้ ช่างน่าตื่นตระหนกยิ่งหนัก
ด้วยความที่หยู่เหวินเห้าโกรธจัด ไล่ขุนนางทั้งหมดที่ติดโรคพ้นจากตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็มีขุนนางในพระตำหนักตงกง เขาก็ไม่ยกเว้น สั่งไล่ออกทั้งหมด
เขาจัดตั้งอวี้สื่อขึ้นมาใหม่ ให้อวี้สื่อตรวจสอบเหล่าขุนนางกับราชสำนัก ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรืออ๋องชิน หากกระทำผิด ให้ลงโทษตามกฎหมาย
การจัดการใหม่อย่างครึกโครมขนาดนี้ แล้วก็ตรวจสอบขุนนางทุจริต ภายในเวลาเพียงสิบกว่าวัน เหล่าขุนนางทั้งหมดต่างวุ่นวาย ต่างรู้สึกไม่ปลอดภัย
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดกับเหลิ่งจิ้งเหยียนว่า องค์ชายรัชทายาทดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดเช่นนี้ แลดูมีความเป็นแม่ทัพ เพียงแต่จะเกินไปไหม ปัญหาขุนนางทุจริต มีอยู่ในราชสำนักมาเนิ่นนาน การแก้ไขอย่างจริงจังกลัวว่าปัญหาจะย้อนกลับ ยังไงนี่ไม่ใช่เพียงปัญหาขุนนางในเมืองหลวง ขุนนางตามเมืองต่างๆก็มีปัญหาเช่นนี้
หลังจากเหลิ่งจิ้งเหยียนได้ฟัง ก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ฮ่องเต้ การแก้ไขขุนนางทุจริตนี้ จะเห็นเป็นเรื่องเล็กไม่ได้ เรื่องเล็กนี้เมื่อพูดอย่างเคร่งครัด เท่ากับเป็นการสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่าผลที่จะตามมาไม่ร้ายแรง แต่ผลประโยชน์ที่มาก ไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ ตอนนี้องค์ชายรัชทายาททำการแก้ไขอย่างเข้มงวด เอาหลายคนออกมาประหาร สื่อถึงการมีเจตนาเตือนทําให้คนกลัว ต่อไปพวกเหล่าขุนนาง ก็จะทำตัวดีขึ้น ที่จริงตอนที่ตระกูลซูทุจริตเงินบนเขาโรคเรื้อน องค์ชายรัชทายาทก็ตั้งใจจะแก้ไขแล้ว หากฮ่องเต้เห็นด้วยกับเขา ลองปล่อยให้เขาไปทำอย่างเต็มที่ดู”
ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด แล้วก็เห็นว่าที่เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดก็มีเหตุผล จึงพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ห้าม นิสัยไม่ดีนี่ทำให้ข้าก็เกลียดชังยิ่งนัก เพียงแต่ที่ผ่านมามีเรื่องเดือดร้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศ บางครั้งข้าไม่จนปัญญา”
“กระหม่อมเข้าใจสิ่งที่ฮ่องเต้เป็นกังวล” เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
เขาเข้าใจจริงๆ เพราะที่จริงหากฮ่องเต้ต้องการแก้ไขขุนนางทุจริต ทำให้วงการข้าราชการใสสะอาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เหล่าขุนนางเก่าแก่เป็นขุนนางติดตามของไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงยังอยู่ ยังไงเขาก็ต้องเห็นแก่ความสัมพันธ์นี้
มีปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด ก็ถือเป็นเรื่องปกติในราชสำนัก เป็นการยากที่ขุนนางทุกคนจะอยู่ตัวคนเดียว เบื้องหลังที่คลุมเครือ และการทุจริตนั้นเป็นขบวนการ การแก้ไขครั้งใหญ่ คงส่งผลกระทบต่อราชสำนักไม่น้อย ไม่แก้ไข ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ จำต้องจับได้คนไหนลงโทษคนนั้น แต่ยังไม่ได้ผลอย่างที่คาด สุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
กลับเป็นการยิ่งขับเคลื่อนเรื่องแบบนี้
หยู่เหวินเห้าสั่งทางด้านกรมข้าราชการพลเรือน จะต้องเข้มงวดการประเมินปีละครั้ง ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีปีละครั้ง แต่ความจริงแล้วกลับเป็นสามปีประเมินหนึ่งครั้ง
ในขณะที่หยู่เหวินเห้ากำลังแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างเข้มงวดนั้น อะซี่กำลังจะคลอดแล้ว
เริ่มแรกรู้สึกปวดเอว นึกว่าเหนื่อย จึงกลับไปนอนพัก นอนอยู่ครึ่งวันก็เริ่มรู้สึกปวดท้อง นางรู้ตัวว่าใกล้คลอดแล้ว จึงรีบสั่งคนไปตามหมอตำแยมา