บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1362 หวงกุ้ยเฟยจะคลอดก่อนกำหนด
เมื่อถึงพิธีการอาบน้ำวันที่สามของถังกั่วเอ๋อ ก็ค่อนข้างมีพิธีรีตองที่เคร่งครัด ตระกูลหยวนยึดตามข้อกำหนดที่เคยให้หยวนหย่งอี้ก่อนหน้านี้ ก็ให้อะซี่ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ดินไร่นา ร้านค้าแผงขายล้วนมีหมด รวมทั้งให้อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยอีกแห่ง ถังกั่วเอ๋อน้อยที่เพิ่งเกิดได้แค่สามวัน ก็กลายเป็นเศรษฐีนีตัวน้อยไปโดยปริยาย
หยู่เหวินเห้าถูกชะตากับถังกั่วเอ๋อมาก ด้วยนิสัยอันตระหนี่ถี่เหนียวของเขา ก็ถึงกับให้ชามทองคำและตะเกียบทองคำแก่ถังกั่วเอ๋อเลยทีเดียว โดยปกติแล้วการให้ชามทองคำและตะเกียบทองคำนั้น มีความหมายว่าจะรับเป็นพ่อบุญธรรมของเด็ก
ดังนั้น เมื่อชามทองคำและตะเกียบทองคำถูกส่งไปถึงมืออะซี่กับสวีอี สวีอีก็คุกเข่าลง โขกหัวคำนับอย่างจริงจังให้กับหยู่เหวินเห้า แล้วพูดว่า “กระหม่อมขอน้อมคารวะท่านพ่อบุญธรรมแทนถังกั่วเอ๋อพ่ะย่ะค่ะ!”
ที่ผ่านมาตัวเขาเอง ยังไม่เคยมีท่าทีที่เคารพยกย่องรัชทายาทมากถึงขนาดนี้มาก่อน
อะซี่ถึงกับหลั่งน้ำตา หันไปมองหยวนชิงหลิง “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า รัชทายาทกับพี่หยวนจะเอ็นดูถังกั่วเอ๋อมากถึงขนาดนี้”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างอ่อนโยนว่า”เจ้ามาที่จวนอ๋องฉู่เพื่อข้า จากนั้นก็แต่งงานกับสวีอี ดังนั้นว่ากันตามจริงแล้ว ข้าเองก็เหมือนเป็นคนที่จับคู่ให้เจ้าครึ่งหนึ่ง แล้วถังกั่วเอ๋อก็เกิดในจวนอ๋องฉู่ ข้าย่อมปฏิบัติต่อนางเหมือนนางเป็นลูกสาวของข้าเอง เช่นเดียวกับที่เจ้าก็รักพวกแฝดสามกับแฝดสองไม่ต่างกัน”
อะซี่พยักหน้าอย่างซาบซึ้ง “เจ้าค่ะ ๆ!”
หยู่เหวินเห้าจ้องมองหยวนชิงหลิงด้วยรอยยิ้มบนหน้า หวนนึกถึงเรื่องในอดีต จริง ๆ แล้วการที่สวีอีได้แต่งงานกับอะซี่ ก็เป็นเพราะนางช่วยสร้างวาสนาให้ หากไม่ใช่เพราะนาง อะซี่ก็คงจะไม่มาที่จวนอ๋องฉู่ และไม่มีทางกลายมาเป็นคู่รักคู่แค้นกับสวีอีได้
ที่จริงไม่ใช่แค่อะซี่เท่านั้น มีหลายคนที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้เพราะนาง แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนโชคชะตาจะต้องดีเสมอไป แต่อย่างน้อย ทุกคนต่างก็ได้โอกาสวิ่งไปในเส้นทางที่ตัวเองจะได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุดกันทั้งสิ้น
เนื่องจากแฝดสามกับแฝดสองต่างก็อาลัยอาวรณ์อยากเห็นถังกั่วเอ๋อ ดังนั้น หยวนชิงหลิงจึงอุ้มถังกั่วเอ๋อไปที่ห้องโถงเล็ก แล้วให้พวกเขาเข้ามาดู
หยวนชิงหลิงพูดว่า “จากนี้ไป ถังกั่วเอ๋อก็คือน้องสาวของพวกเจ้า”
หัวน้อย ๆ ทั้งห้าหัวต่างมาเบียดรวมเข้าด้วยกัน ดวงตาฉายแววประหลาดใจ สีหน้าเคร่งขรึมปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา จ้องไปที่สมาชิกใหม่คนนี้ของจวนอ๋องฉู่
นี่คือน้องสาวของพวกเขา!
ซาลาเปาเอื้อมมือออกไปอย่างระมัดระวัง ถามหยวนชิงหลิงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านแม่ ข้าสัมผัสนางได้หรือไม่?”
“ได้ แต่ไม่ควรใช้แรงมาก” หยวนชิงหลิงพูดทั้งรอยยิ้ม
นิ้วของซาลาเปายื่นไปแตะที่แก้มของถังกั่วเอ๋ออย่างแผ่วเบา สัมผัสที่นุ่มนิ่มนั้นทำให้ซาลาเปาประหลาดใจอย่างมาก ดวงตาของเขากลมโตเท่าไข่ห่าน ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ท่านแม่ นี่คือน้องสาว!”
“ถูกต้อง คือน้องสาว!”
ทังหยวนกับข้าวเหนียวก็เอื้อมมือออกไปจับด้วย แฝดสองก็ไม่น้อยหน้า จับที่มือเล็ก ๆ คู่นั้น ต่างรู้สึกมหัศจรรย์ใจกับชีวิตใหม่ เด็ก ๆ มักจะทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่เสมอ
หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าหันมองหน้ากัน ต่างยิ้มอย่างอ่อนโยน
เจ้าสิบไม่สามารถเข้ามาดูได้ หลัก ๆ เพราะซาลาเปาไม่ให้ ซาลาเปาบอกว่าเขาปากไม่ดี กลัวว่าจะพูดจาอะไรไม่น่าฟังออกมา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโชคร้าย
วันเวลาเช่นนี้ค่อย ๆ ผ่านไปอย่างสงบสุขเป็นเวลาแปดถึงเก้าวัน อะซี่กำลังอยู่ไฟอย่างสบายใจ สวีอีขอลาพักเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อมาอยู่ดูแลภรรยาในช่วงอยู่ไฟ
แต่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่า สวีอี ชายที่หยาบกระด้างมือเท้าหนาเทอะทะคนนี้ จะสามารถช่วยอาบน้ำให้ถังกั่วเอ๋อได้จริง ๆ เขาวางเท้าบนอ่างทองแดงขนาดใหญ่ จากนั้นก็วางถังกั่วเอ๋อไว้บนตัก ค่อย ๆ เทน้ำลงบนร่างกายของนางช้า ๆ การเคลื่อนไหวละเอียดรอบคอบ อ่อนโยนมาก หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เอาผ้าห่มผืนเล็ก ๆ มาห่อตัว หลังจากเช็ดตัวให้จนแห้ง ค่อยเปลี่ยนเป็นผ้าขนหนูนุ่ม ๆ อีกผืนทันที แล้วอุ้มมาวางลงบนเตียง ใส่เสื้อผ้าให้นางช้า ๆ
กระบวนการทั้งหมดนี้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครเลย
แม้แต่แม่ยายของเขา ฮูหยินใหญ่หยวนได้มาเห็น นางยังอดยกนิ้วชื่นชมให้ลูกเขยคนนี้ไม่ได้ จะแต่งงานทั้งที แต่งกับสวีอีนี่แหล่ะคุ้ม!
เดิมคิดว่าหรงเยว่ก็คงจะมีอาการในช่วงสิบวันแปดวันนี้แน่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า ทารกในครรภ์ของนางคนนี้ช่างมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซานจริง ๆ ไม่มีสัญญาณว่าจะปวดท้องคลอดเลยแม้แต่น้อย
กลับกลายเป็นว่าในกลางดึกคืนนั้น จู่ ๆ ก็มีคนจากวังมา ขอให้พระชายารัชทายาทเข้าวังทันที
กลางดึกกลางดื่นจู่ ๆ ก็มีคนมาจากวัง ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกตกใจมากจริง ๆ นางแต่งตัวไปพลาง ก็ขอให้เจ้าห้าไปสอบถามดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจ้าห้าสวมชุดคลุมเสร็จก็ออกไปถามต้นสายปลายเหตุ คนที่มาคือเต๋ออี้กงกง ขันทีใหญ่ที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดหวงกุ้ยเฟย แจ้งว่าหวงกุ้ยเฟยปวดท้อง มีอาการน้ำคร่ำเดินแล้ว กำลังจะคลอด แต่เพราะตำแหน่งของทารกในครรภ์อยู่ในแนวขวาง ซึ่งนับว่าอันตรายมาก
หยวนชิงหลิงตกตะลึง หวงกุ้ยเฟยยังไม่ถึงกำหนดคลอดเลย ทำไมกลับจะคลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว? ทั้งยังก่อนกำหนดมากถึงขนาดนี้อีกด้วย?
เรื่องคลอดลูก หยู่เหวินเห้าไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่สามารถพานางเข้าไปส่งในวังได้
บนรถม้า หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาออกดู ชั่วขณะนั้นหัวใจก็พลันเย็นเฉียบลงไปเกือบครึ่ง มีดผ่าตัดวางโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ชั้นบนสุด ส่วนชั้นสองก็มียาชาวางอยู่
นางเปิดม่านรถม้า ถามเต๋ออี้กงกง ซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับที่ด้านนอกว่า “ทำไมจู่ ๆ ถึงจะคลอดได้ล่ะ? นางผดุงครรภ์กับหมอหลวงพูดว่าอย่างไรบ้าง? วันนี้หวงกุ้ยเฟยเกิดไปประสบเหตุเหนือคาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรบ้างหรือไม่? ”
รถม้าพุ่งทะยานไปข้างหน้าไม่หยุด ลมกลางคืนหนาวจัด โบกพัดจนผ้าม่านปลิวสะบัดไปมา เต๋ออี้กงกงหันหน้ากลับมา พูดเสียงดังว่า “ทูลพระชายารัชทายาท วันนี้หวงกุ้ยเฟยมีอาการปวดท้องเล็กน้อย แต่เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดคลอด จึงคิดว่าอาจเป็นเพราะกินของแสลง คิดไม่ถึงว่าพอถึงตอนกลางคืนจู่ ๆ อาการปวดท้องก็รุนแรงขึ้น น้ำคร่ำก็เดิน ทั้งไม่มีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อย ๆ อะไรเลย หวงกุ้ยเฟยหนักวรกายมาก หลายวันมานี้ก็พักอยู่ที่ตำหนักฉางเหมินตลอด แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“วันนี้พอเช้ามาก็ปวดท้องเลยหรือ?”
เต๋ออี้กงกงตอบว่า”อันที่จริง เริ่มมีอาการปวดท้องเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไปให้หมอหลวงตรวจดูอาการแล้ว พวกเขาบอกว่าเพราะกินของเย็น ให้ใส่ใจกับอาหารให้มากขึ้นสักหน่อย แต่อาการปวดท้องจะมีอาการปวดเป็นครั้งคราว ”
หยวนชิงหลิงเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว ทำไมถึงได้ปวดท้องอีก? ก่อนหน้านี้ฮู่เฟยก็เคยปวดท้องแบบนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้นางสนใจอะไรได้ไม่มากนัก ยึดตามวันนี้ เด็กในท้องของหวงกุ้ยเฟยคนนี้ก็ยังไม่ครบแปดเดือนด้วยซ้ำ กลับจะคลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว ร่างกายของแม่ไม่แข็งแรง เด็กก็มีท่าทีว่าจะคลอดก่อนกำหนด นี่ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกกังวลใจขึ้นมาไม่น้อย
ไม่เพียงแต่หยวนชิงหลิงที่รู้สึกสงสัย พอหยู่เหวินเห้าได้ฟัง ก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน เขาไม่ใส่ใจกับกฎเกณฑ์ใด ๆ เรียกเต๋ออี้กงกงเข้ามาในรถม้าตรง ๆ แล้วถามอย่างละเอียดว่า “หลังจากไปที่ตำหนักฉางเหมินแล้ว หวงกุ้ยเฟยถึงเริ่มมีอาการปวดท้องใช่หรือไม่?”
“ทูลรัชทายาท เป็นเช่นนั้นจริงพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีอาการปวดท้องมาก่อนเลย ”
เต๋ออี้กงกงตอบ
“เช่นนั้นที่ผ่านมา ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอาหาร?”
“แม่นมหวูเป็นคนดูแลพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยก็ดูอยู่ด้วย ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกินใด ๆ แม้แต่วัตถุดิบที่ใช้ ข้าน้อยก็เป็นคนไปเลือกเองที่ครัวหลวง แล้วจากนั้นถึงค่อยนำกลับมาที่ครัวเล็กเพื่อปรุงอาหาร”
“แล้วตอนนี้ล่ะ? ยังเป็นเจ้าสองคนที่เฝ้าจับตาดูอยู่หรือไม่?”
เต๋ออี้กงกงตอบว่า “ทูลรัชทายาท ล้วนเป็นข้าน้อยกับแม่นมหวูที่เฝ้าจับตาอยู่ แต่วัตถุดิบที่นำมาปรุงไม่ได้คัดเลือกด้วยตัวเอง เป็นคนของครัวหลวงส่งมาให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ นอกจากของเหล่านี้ ยังได้กินอะไรอื่นอีกหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถาม
เต๋ออี้กงกงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ไม่มีอะไรอื่น นอกจากน้ำแกงที่ฝ่าบาททรงรับสั่งให้คนนำมาให้ทุกวัน เดิมทีพระนางก็ไม่ได้ดื่ม แต่เพราะรับสั่งฮ่องเต้ศักดิ์สิทธิ์ยากจะขัดขืน อีกทั้งพระนางก็คาดหวังให้ครรภ์มังกรนี้สมบูรณ์แข็งแรง ด้วยเหตุนี้ หลังจากผลักไสไปได้สองสามวัน พระนางก็ทรงดื่มพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าหันไปมองหยวนชิงหลิง แล้วพูดว่า “น้ำแกงที่เสด็จพ่อส่งมาไม่มีทางมีปัญหาแน่”
“ แต่ก็ยากจะรับประกันได้ว่า จะไม่มีใครเล่นลูกไม้ต่ำช้าอะไรในน้ำแกง เพราะถึงอย่างไรน้ำแกงนี้ก็ไม่ใช่เสด็จพ่อลงมือปรุงตัวองค์เอง” หยวนชิงหลิงเริ่มขบคิดทฤษฎีความน่าจะเป็นขึ้นมา เรื่องนี้มันก็แปลกมากจริง ๆ เมื่อตอนที่ฮู่เฟยจะแท้ง แม้ว่าจะเป็นเพราะเจ้าสิบถูกชนจนได้รับความกระทบกระเทือน แต่เอาเข้าจริง ก่อนหน้านั้นนางเองก็เคยได้ยินฮู่เฟยบ่นว่าปวดท้อง ๆ มาตลอดจริง ๆ
มาตอนนี้หวงกุ้ยเฟยก็ปวดท้อง ทั้งยังจะคลอดก่อนกำหนดอีก มันจะมีความบังเอิญเช่นนี้อยู่จริง ๆ น่ะหรือ?