บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1363 แปลกประหลาด
เต๋ออี้กงกงได้ยินบทสนทนาระหว่างหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง จึงอดตกใจไม่ได้ “นี่…ยังมีคนต้องการทำร้ายพระนางอย่างนั้นรึ?”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “หลังจากกลับไปถึงวัง เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น ข้าจะทำการสืบสวนอย่างลับ ๆ!”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว!” เต๋ออี้กงกงตอบ สีหน้าซีดเผือด เป็นใครกันที่อยากจะทำร้ายหวงกุ้ยเฟย? ในวังหลัง ใครกันที่เกลียดหวงกุ้ยเฟยมากถึงขนาดนี้?
หยู่เหวินเห้าจับมือหยวนชิงหลิง ฝ่ามือของนางเย็นเฉียบและเปียกชื้น ถ้ามีคนลงมือทำร้ายนางจริง ๆ ลูกของฮู่เฟยยังรักษาไว้ไม่ได้ อีกทั้งร่างกายของหวงกุ้ยเฟยก็ยังแข็งแรงไม่เท่าฮู่เฟยอีกด้วย เช่นนั้นผลที่ตามมา…..
นางไม่กล้าคิดให้ลึกไปกว่านี้รู้สึกแค่ว่าทั่วร่างเย็นเฉียบเหมือนถูกแช่อยู่ในน้ำแข็ง นางรู้ดีว่าเด็กคนนี้มีความหมายอย่างไรต่อหวงกุ้ยเฟย นางละทิ้งทุกสิ่ง ยอมถอยกลับไปอยู่ตำหนักฉางเหมิน วางความหวังทั้งหมดไว้กับเด็กคนนี้ที่กำลังจะเกิดมา หากเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นกับเด็ก นั่นเท่ากับว่ามันคือการคร่าชีวิตนางไปด้วยอย่างแท้จริง
ทวยเทพบนสวรรค์คงจะไม่โหดร้ายถึงเพียงนี้หรอกกระมัง? ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีลูก นางยังพอจะพูดโน้มน้าวใจตัวเองได้ แต่เมื่อถึงตอนที่นางยอมแพ้ไปแล้ว กลับตั้งท้องขึ้นมาได้ในที่สุด แต่กลับต้องมาสูญเสียไปอีก นี่ไม่สู้ไม่เคยมีมาแต่แรกเลยเสียยังจะดีกว่า
เมื่อมาถึงวัง ทั้งคู่ก็ตรงไปที่ตำหนักฉางเหมิน ทั้งฮ่องเต้หมิงหยวนและฮู่เฟยก็ล้วนมากันแล้ว ร่างกายของฮู่เฟยยังค่อนข้างอ่อนแอ แต่นางยืนกรานว่าจะขอมาด้วย หมิงเต้หมิงหยวนก็ไม่อาจหยุดนางได้ จึงทำได้เพียงมาเป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ นางไปด้วย
ตอนที่หยวนชิงหลิงมาถึง ฮู่เฟยก็แสดงท่าทางโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด รีบลุกขึ้นทันทีแล้วเข้าไปจับมือหยวนชิงหลิง พลางพูดอย่างกังวลว่า”พระชายารัชทายาทรีบเข้าไปเร็วเข้า พี่หญิงมีอาการปวดท้องอยู่นานมากแล้ว”
หยวนชิงหลิงมองใบหน้าที่เป็นกังวลของนาง แล้วพูดว่า “ได้ ท่านหญิงโปรดวางใจ”
นางค้อมกายถวายบังคมฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนก็มีสีพระพักตร์ที่ฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ในใจของพระองค์เรียกว่าพังทลายไปเกือบครึ่งแล้ว เพราะเด็กยังไม่ครบกำหนดคลอด ยังห่างจากเวลาที่กำหนดอีกนานพอสมควร และไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนทั่วไป หรือในวังก็ตามแต่ ถ้าเด็กอายุครรภ์ยังไม่ครบแปดเดือน ก็ล้วนยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ พระองค์เตรียมทำใจให้พร้อมรับข่าวร้ายไว้แล้ว แต่ก็ยังเกิดความรู้สึกโศกเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เอ่ยอย่างสลดใจว่า “ไปเถอะ รีบเข้าไป!”
“เพคะ!” หยวนชิงหลิงหิ้วกล่องยา แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องโถงด้านในทันที
หมอหลวงนั่งอยู่หลังฉากบังลม คอยชี้แนะนางผดุงครรภ์ จิ้งกุ้ยเฟยกับหลู่เฟยรวมถึงสนมลี่ล้วนอยู่ข้างกายหวงกุ้ยเฟยกันหมด เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงมาถึงแล้ว จิ้งกุ้ยเฟยก็รีบปลอบโยนนางอย่างรวดเร็วว่า “น้องสาววางใจได้ พระชายารัชทายาทมาถึงแล้ว”
หวงกุ้ยเฟยนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของนางซีดเผือดไปหมดทั้งหน้าแล้ว ที่หน้าผากมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบ สีหน้าเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด เห็นได้ชัดว่าอาการเจ็บปวดของนางสาหัสมากแล้ว
หยวนชิงหลิงวางกล่องยาลง ก้าวขึ้นไปข้างหน้าจับมือหวงกุ้ยเฟย แล้วหันไปถามนางผดุงครรภ์ทันที “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
นางผดุงครรภ์สองคนก็มีเหงื่อออกมากเช่นกัน หลังจากได้ยินหยวนชิงหลิงถาม หนึ่งในนั้นก็เช็ดเหงื่อ สูดลมหายใจเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ทูลพระชายารัชทายาท หวงกุ้ยเฟยคลอดก่อนกำหนด น้ำเดิน ตำแหน่งทารกในครรภ์ผิดปกติ สถานการณ์ไม่ดีเลยเพคะ”
หยวนชิงหลิงหยิบหูฟังออกมา ฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ การเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ค่อนข้างอ่อนแอ น้ำคร่ำแตกเป็นเวลานานมากแล้ว แม้ว่านางจะนอนราบโดยตลอด แต่ปัจจัยเสี่ยงก็ยังค่อนข้างสูง ถ้ายังไม่คลอดออกมาอีก ก็น่ากลัวว่าเด็กอาจจะขาดอากาศหายใจจนตายในครรภ์ไปเสียก่อน
“ให้ยาช่วยเร่งคลอดแล้วหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถาม
“สองชามแล้วเพคะ แต่ปัญหาใหญ่ … คือตำแหน่งทารกในครรภ์ นี่ควรจะทำอย่างไรดีเพคะ?” นางผดุงครรภ์กังวลมากจนพูดจาติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด ขาทั้งสองข้างสั่นเทิ้มจนแทบยืนไม่อยู่
หวงกุ้ยเฟยจับมือของหยวนชิงหลิงไว้แน่น เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก กัดฟันฝืนใจพูดว่า “ช่วยลูกของข้าด้วย… ช่วยเด็ก… ไม่ต้องสนใจข้า”
หยวนชิงหลิงเห็นว่าริมฝีปากของนางถูกกัดจนแตกไปหมดแล้ว ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว ทั้งขาวซีดสลับกับเขียวคล้ำ หยวนชิงหลิงกัดฟัน พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า”รอไม่ได้แล้ว เปิดหน้าท้อง!”
หากยังรอต่อไป ไม่ต้องพูดถึงว่าตัวเด็กจะไม่รอด ตัวผู้ใหญ่เองก็จะไม่รอดไปด้วย!
นางเสียใจที่ไม่ได้ขอให้คุณย่ามาด้วย ตอนนี้จะไปหาคุณย่าก็ไม่ทันเสียแล้ว นางคว้ามือนางผดุงครรภ์แล้วพูดว่า “พวกเจ้าอยู่ช่วยข้าที่นี่ ส่วนคนอื่นที่เหลือ ออกไปให้หมด!”
เมื่อได้ยินว่าจะทำการผ่าตัดคลอด ทุกคนก็กลัวจนแข้งขาอ่อนแรง จิ้งกุ้ยเฟยถึงกับทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ริมฝีปากสั่นเทา “นี่… นี่จะไม่ทำให้นางเจ็บจนตายหรอกหรือ?”
หวงกุ้ยเฟยกัดฟัน พูดขึ้นว่า “ข้าไม่กลัวเจ็บ ข้าไม่กลัวเจ็บ … ”
หยวนชิงหลิงตระเตรียมสถานที่อย่างรวดเร็ว หลู่เฟยบอกว่านางไม่กลัว สามารถอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเป็นลูกมือได้ ตอนที่อ๋องหวยล้มป่วย หลู่เฟยก็เป็นคนที่เฝ้าดูแลอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอด นางมีความอดทนและใจแข็งมากพอที่จะรับมือกับผู้ป่วย ดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงขอให้หลู่เฟยรั้งอยู่ในตำหนักเพื่อช่วยเป็นลูกมือ ส่วนคนที่เหลือให้ออกไป กระทั่งจิ้งกุ้ยเฟยก็ต้องออกไปด้วย
ที่ด้านนอก ฮ่องเต้หมิงหยวนกับฮู่เฟยได้ยินว่าจะทำการผ่าตัดคลอด ก็รู้สึกไม่สบายใจ ฮู่เฟยพูดทันทีว่าจะเข้ามาช่วย เดิมทีหยวนชิงหลิงก็ไม่อนุญาต แต่นางไม่สนใจคำทัดทาน ถึงกับบุกเข้ามาเองเลยตรง ๆ หยวนชิงหลิงรู้ดีว่านางเป็นห่วงและใส่ใจหวงกุ้ยเฟยมาก ปล่อยให้นางรออยู่ข้างนอก นางคงไม่อาจวางใจได้ จึงปล่อยให้นางเข้ามา
เต๋ออี้กงกงฉวยโอกาสนี้ร่วมมือสืบสวนกับเจ้าห้า ระหว่างที่อยู่ในตำหนักก็ไล่ถามคำถามไปทีละคน เจ้าห้าก็ดึงมู่หรูกงกงออกไปอย่างเงียบ ๆ แล้วถามว่า “น้ำแกงที่เสด็จพ่อสั่งให้ยกไปให้เสด็จแม่ ใครเป็นคนรับผิดชอบรึ?”
เมื่อมู่หรูกงกงได้ยินดังนั้น กลับมีท่าทางตกใจอย่างมาก “ส่งน้ำแกง? ฝ่าบาทไม่เคยมีรับสั่งให้ส่งน้ำแกงไปให้หวงกุ้ยเฟยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีรึ?”หยู่เหวินเห้าเลิกคิ้ว สรุปว่ามีคนแอบวางก้างชิ้นใหญ่ให้ติดคออยู่จริง ๆ เป็นใครกันแน่ที่ขวัญกล้าบังอาจขนาดนี้ ถึงขั้นใช้พระนามของเสด็จพ่อส่งน้ำแกงไปให้เสด็จแม่อย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวอาญา?
นี่ไม่ใช่น้ำแกงแน่ น่ากลัวว่าคงจะเป็นพิษเย็นเสียมากกว่า
แววตาของเขาเย็นเยียบ “เจ้าไปตรวจสอบที่พระตำหนักฉ่ายหมิงดูหน่อย ตรวจดูว่าสำรับอาหารของฮู่เฟย ใครเป็นคนรับผิดชอบ?”
มู่หรูกงกงพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอกพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีอาหารของฮู่เฟยมีแม่นมยู่เป็นคนรับผิดชอบ แต่หลังจากที่แม่นมยู่ถูกฮู่เฟยขับออกจากวัง ก็เปลี่ยนแม่นมหลานที่รับผิดชอบแทน แม่นมหลานเดิมทีเคยรับใช้ฮองเฮาอยู่ ต่อมาฮองเฮาถูกกักบริเวณ จึงไม่ต้องการคนติดตามรับใช้ข้างกายมากมายนัก ฝ่าบาททรงเห็นว่านางค่อนข้างปลอดภัย จึงส่งนางไปที่พระตำหนักฉ่ายหมิงเพื่อคอยรับใช้ดูแลฮู่เฟยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปหากู้ซือ ให้ร่วมมือกับหัวหน้างานภายในของพวกเจ้า ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ตรวจดูว่าอาหารของฮู่เฟยกับเสด็จแม่ มีอะไรที่เหมือนกันบ้าง” หยู่เหวินเห้าออกคำสั่ง
มู่หรูกงกงรู้ทันทีว่าต้องมีปัญหา จึงไม่ถามอะไรมาก รีบไปทำตามคำสั่งทันที
เรื่องนี้ เขาไม่ได้ทูลรายงานต่อฮ่องเต้หมิงหยวน ทำได้เพียงรอผลการสืบสวนเท่านั้น
ฮ่องเต้หมิงหยวนประทับนั่งอยู่ข้างนอกด้วยสีพระพักตร์ที่ตึงเครียด จ้องมองไปที่ประตูไม้แกะสลักอย่างหวั่นวิตก เสียงใด ๆ ที่ลอดออกมาจากข้างใน ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านได้แล้ว
ผู้หญิงที่ติดตามเขามานานกว่ายี่สิบปี ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน เขาจะเมินเฉยไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไรล่ะ? การอยู่เคียงข้างกันเป็นความคุ้นเคยอย่างหนึ่ง ที่สามารถซึมลึกเข้าสู่ไขกระดูกได้ เขาล่วงเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ความรักอาจซึมลึกอยู่ในใจ แต่จะไม่ซึมลึกอยู่ในกระดูก แค่คิดว่าหวงกุ้ยเฟยอาจต้องตายเพราะคลอดลูก เขาก็รู้สึกตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากอันตรายที่ฮู่เฟยเคยได้พบในตอนนั้น ในเวลานั้น เขารู้สึกกังวลและห่วงใย แต่ในครั้งนี้ เขารู้สึกกลัวจริง ๆ กลัวจนถึงขั้นที่ว่าปลายนิ้วสั่นสะท้านขึ้นมาน้อย ๆ เลยทีเดียว
ในสภาวะที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ การผ่าตัดคลอด อย่างไรก็เป็นอันตรายอยู่มาก
หยวนชิงหลิงช่วยฆ่าเชื้อและฉีดพ่นแอลกอฮอล์ให้คนในตำหนัก บนเตียงรวมถึงบริเวณโดยรอบก็พ่นฆ่าเชื้อจนทั่ว นี่เป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำได้
ถุงมือและหน้ากากมีพร้อมหมดแล้ว หลังจากฆ่าเชื้ออุปกรณ์แล้ว ก็เริ่มเตรียมวางยาสลบ
ก่อนวางยาสลบ หยวนชิงหลิงปลอบใจนางเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด เจ้าเองก็ต้องพยายามเข้านะ พวกเราไม่สามารถยอมแพ้ได้ เข้าใจหรือไม่?”
“ได้ !ได้!” หวงกุ้ยเฟยเกือบจะพูดไม่ออก แข็งใจตอบรับประโยคหนึ่ง แล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ
หยวนชิงหลิงให้นางนอนตะแคง เริ่มวางยาสลบ การดมยาสลบสำหรับการผ่าตัดคลอดมีความเฉพาะเจาะจงมาก ท่อเข็มยาวทั้งยังหนามาก ต้องเจาะผ่านชั้นไขมันใต้ผิวหนังไปถึงบริเวณที่กำหนดผ่านช่องว่างของกระดูกสันหลัง สำหรับผู้หญิงที่จะคลอดลูก หากคลอดได้อย่างราบรื่นก็จะเป็นการดีที่สุด ในส่วนการดมยาสลบสำหรับผ่าตัดคลอด อาจส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก ถึงขั้นมีผลข้างเคียงตามมาภายหลังได้อีกด้วย
แม้ว่าหลู่เฟยจะเคยเห็นเข็มฉีดยามาแล้ว เพราะเมื่อก่อนอ๋องหวยมักจะต้องแขวนเข็มฉีดยาเพื่อให้น้ำเกลือตลอด แต่ตอนนี้ เมื่อได้มาเห็นเข็มที่หนาและยาวขนาดนี้ สอดจากด้านหลังทะลุเนื้อเข้าไป นางก็ยังอดรู้สึกหวาดกลัวจนขนพองสยองเกล้าไม่ได้