บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1373 สมดังใจปรารถนาของเจ้า
หยวนชิงหลิงเริ่มมีอาการมดลูกหดตัวรุนแรงขึ้น ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาก คนที่อยู่ในห้องไม่รู้ว่ามีแสงประหลาดข้างนอก ทุกคนต่างเฝ้ามองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างกังวลใจ
แต่เพียงชั่วพริบตาหนึ่ง มีแสงสว่างปรากฏวาบขึ้นตรงหน้าของทุกคน เพียงวูบเดียวแล้วแสงนั้นก็หายไป เหมือนกับเป็นแค่ภาพลวงตา ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน
ก่อนที่ทุกคนจะทันฟื้นคืนสติ อาการปวดท้องของหยวนชิงหลิงก็รุนแรงขึ้น ถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาเสียงหนึ่ง ทุกคนจึงรีบหันมาดูอาการนาง
คุณย่าจับมือนาง พูดปลอบใจเบา ๆ “ไม่ต้องกังวลนะ ย่าอยู่ที่นี่แล้ว แค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ ปรับการหายใจให้ดี หายใจเข้าออกตามการหดตัว หายใจเข้า ….. ”
เมื่อเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดนั้นดังขึ้น หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกเหมือนว่าหัวใจถูกยกขึ้นมาแขวนไว้กลางอากาศก็ไม่ปาน เอาหูไปแนบฟังที่ประตู รวบรวมกำลังภายในทั้งหมดเพื่อฟังเสียงจากข้างใน ร้อนอกร้อนใจจนเหงื่อออกชุ่ม
แค่ปลอดภัยก็พอ แค่ปลอดภัยก็พอ ในใจของเขาเอาแต่ท่องคำเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เด็ก ๆ ต่างมาชุมนุมกันรอบ ๆ ตัวเขา มาร่วมสวดภาวนาไปพร้อม ๆ กับเขาด้วย ต่างอธิษฐานด้วยจิตมุ่งมั่น ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ร้องขอแล้วว่าจะเป็นน้องชายหรือน้องสาว ขอแค่ให้ท่านแม่คลอดน้องออกมาได้อย่างปลอดภัยก็พอ
ตอนที่คลอดแฝดสอง หยวนชิงหลิงไม่ลำบากอะไรนัก เดิมคิดว่าพอคลอดท้องที่สามน่าจะง่ายกว่าแน่ ๆ แต่คาดไม่ถึงว่า ความเจ็บปวดกลับทวีความรุนแรงหนักขึ้นจนเริ่มจะรู้สึกทนไม่ไหว สองมือของนางจิกทึ้งผ้าห่มสุดแรง ได้ยินคำพูดของนางผดุงครรภ์กับคุณย่า จึงหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ พยายามผ่อนคลายลง บรรดาพี่และน้องสะใภ้ที่อยู่ในห้อง ต่างพากันส่งกำลังใจให้นางอย่างเงียบ ๆ
ในที่สุด ก่อนช่วงเปลี่ยนผ่านจากยามไห่ไปยามจื่อ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกดังแว่วออกมา แต่เสียงนั้นกลับดังเหมือนกับเสียงที่มาจากสวรรค์ ก้องสะท้อนไปมาอยู่ในหูของทุกคน
“ คลอดแล้ว คลอดแล้ว !” ทุกคนพูดด้วยความตื่นเต้นยินดี เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ก็พบว่าสีสันประหลาดตาบนท้องฟ้าเหล่านั้น ได้สลายหายไปเรียบร้อยแล้ว หลงเหลือเพียงสีแดงจาง ๆ ซึ่งค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย
หยู่เหวินเห้าคลายทั้งฝ่ามือที่จิกเกร็งทั้งหัวใจที่ตึงเครียดลงได้ในที่สุด ยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผากโดยไม่รู้ตัว รู้สึกแค่ว่าที่แผ่นหลังเปียกชุ่มไปทั้งผืน สองขาอ่อนแรง ในที่สุดก็คลอดเสียที
เสียงร้องนี้ดังมาก ก้องกังวานไปมา ในใจเขาคิดว่าคงจะเป็นลูกชายแน่ แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก แค่ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกก็พอแล้ว
“ฉี่หลอ ฉี่หลอ พระชายารัชทายาทเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาเคาะประตูถาม
ฉี่หลอตอบกลับออกมาจากข้างในเสียงหนึ่งว่า “รัชทายาทโปรดวางพระทัยเพคะ พระชายารัชทายาททรงสบายดี ท่านโปรดรอสักครู่ พวกเราเก็บกวาดเรียบร้อยก็จะเข้ามาได้แล้วเพคะ!”
หยู่เหวินเห้าทำได้เพียงปล่อยวางหัวใจตัวเองลงอย่างเต็มที่ หันหน้ากลับมารับคำกล่าวแสดงความยินดีจากพี่น้อง เมื่อใจเขาคลายความกังวลลงได้ ความยินดีก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว ผืนฟ้าทั้งผืนช่างมืดมิดและเงียบสงัด แสงประหลาดเมื่อครู่ เป็นเหมือนดั่งภาพลวงตาที่เกิดในห้วงฝันเพียงฉากหนึ่ง
สวีอีดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดว่า “เสียงร้องเมื่อครู่ดังมาก ดูเหมือนว่าคงจะเป็นเด็กผู้ชายแน่ ๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ เหมือนกันนั่นล่ะ เหมือนกัน ” จนถึงช่วงเวลานี้ หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าความหมกมุ่นก่อนหน้านี้ของเขา มันออกจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย เป็นลูกชายก็ดีเหมือนกันนั่นล่ะ
แฝดสามกับแฝดสองต่างหันมองหน้ากัน แอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เด็กๆ ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะมีน้องสาวมาโดยตลอด
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ประตูก็เปิดออก แม่นมฉีกับฉี่หลอเดินออกมา ยิ้มแย้มยินดีพลางหันไปพูดกับหยู่เหวินเห้าว่า “ขอยินดีความยินดีกับรัชทายาทด้วยเพคะ ท่านได้กลายเป็นพ่อคนอีกแล้ว!”
หัวใจของหยู่เหวินเห้าเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานานมากแล้ว หันกลับไปเรียกทังหยางให้มอบรางวัล จากนั้นก็สาวเท้าก้าวเข้าไปเร็วจี๋ด้วยอาการแทบอดใจรอไม่ไหว มีแฝดสามกับแฝดสองเดินตามหลังมาติด ๆ
เมื่อบรรดาพี่น้องสะใภ้เห็นเขาเข้ามา ทุกคนก็ยิ้มแย้มพลางกล่าวแสดงความยินดี จากนั้นจึงเดินออกไป ปล่อยให้พวกเขาครอบครัวมีเวลาส่วนตัว จะได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่
คาวเลือดในห้องคลอดถูกทำความสะอาดไปหมดแล้ว หยวนชิงหลิงนอนอยู่บนเตียง มีท่าทางเหนื่อยล้า สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย มองดูเด็กน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน เด็กน้อยถูกห่อด้วยผ้าห่อตัว หยุดร้องไห้แล้ว ตาปิดสนิทกำลังนอนหลับอยู่
หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว จับมือนางแล้วจูบเบา ๆ ที่หน้าผาก ไม่ทันคำนึงถึงคนอื่นที่อยู่ด้วยตรงนั้น ก็โน้มตัวเข้าไปกอดนางไว้ แล้วถามว่า “เจ้าหยวน รู้สึกอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บอยู่หรือไม่?”
เสียงของหยวนชิงหลิงแหบพร่าเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย “ไม่เป็นไร ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่”
หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้น ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของนาง มืออีกข้างประสานนิ้วมือกับนางแนบแน่น จ้องมองนาง พลางพูดด้วยความรักใคร่เป็นห่วงว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “รีบไปดูลูกเถอะ”
หยู่เหวินเห้านั่งอยู่บนขอบเตียง ยื่นมือออกไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แฝดสามกับแฝดสองต่างก็รุมล้อมเข้ามาที่ขอบเตียงด้วย หลังจากทักทายถามไถ่อาการท่านแม่แล้ว จึงพากันไปดูน้องพร้อม ๆ กับท่านพ่อ
เด็กน้อยที่เดิมทีดวงตาปิดสนิทนอนหลับอยู่ ณ. ชั่วขณะที่หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปอุ้มขึ้นมา กลับค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เด็กน้อยที่ครบเดือนคลอด มีดวงตาคิ้วคางที่ชัดเจน ใบหน้างดงามโดดเด่น เรียกได้ว่าโดดเด่นกว่าเมื่อครั้งที่แฝดสามกับแฝดสองเกิดเสียอีก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ดำขลับกลิ้งหมุนมองไปมาได้แล้ว ดูไม่เหมือนเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่เลย อีกทั้งส่วนลึกของดวงตา ยังดูเหมือนมีประกายแสงแวววาวสายหนึ่ง ไหลวนอยู่ในดวงตาสีดำขลับคู่นั้นอีกด้วย
หัวใจของหยู่เหวินเห้าพลันอุ่นวาบ ความรู้สึกเอ็นดูรักใคร่ก่อเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เขาพูดเบา ๆ ว่า “ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่หลายฝูน้อยของพ่อ แต่พ่อก็จะรักเจ้ามากไม่แพ้กัน”
หยวนชิงหลิงยิ้มน้อย ๆ “ทำไมจะไม่ใช่หลายฝูน้อยล่ะ? *(หลายฝู หมายความว่าสามารถสื่อความหมายถึงลูกสาวตัวน้อยที่นำโชคดีมาให้พ่อแม่ได้ ที่จีนส่วนมากจะใช้เรียกชื่อหมา) นางเป็นเด็กผู้หญิงนะ ไม่มีใครบอกเจ้าเลยรึ?”
หยู่เหวินเห้าถึงกับผงะ เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แน่วแน่ของนาง ความสุขอันยิ่งใหญ่พลันหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของหยู่เหวินเห้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าปรากฏแววปีติยินดี เช่นเดียวกับแฝดสามและแฝดสอง รีบปรับมุมสายตาลง มองดูเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างพินิจ ” เป็นเด็กผู้หญิงจริง ๆ น่ะรึ จริง ๆ นะ?”
“นี่ปลอมกันได้ด้วยรึ?” ย่าหยวนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม วางห่อผ้าประคบร้อนลงบนหน้าท้องของหยวนชิงหลิง หยอกล้อหลานเขยอย่างเบิกบานใจ “เด็กที่หน้าตางดงามโดดเด่นเช่นนี้ มองแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้วล่ะว่าเป็นเด็กผู้หญิง”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!” หยู่เหวินเห้ายิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกไปถึงใบหู ยินดีปรีดาอย่างยิ่ง อุ้มเด็กน้อยที่น้ำหนักตัวเบาดังปุยนุ่น แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนหนักราวพัน ๆ ชั่ง ความรับผิดชอบนี้หนักหนากว่าการมีลูกชายมากนัก
ตอนนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่า ที่เมื่อครู่นี้เขาคิดว่ามีลูกชายก็ดีเหมือน ๆ กันนั้น ก็เป็นแค่คำพูดปลอบใจตัวเอง เขาตั้งตารอคอยที่จะมีลูกสาวจริง ๆ และเวลานี้ ความฝันของเขาก็เป็นจริงแล้ว
“ ข้าอยากดูน้องสาว ข้าอยากดูน้องสาว!” เด็ก ๆ ต่างแย่งกันเข้ามาดูน้องสาว ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายสดใสพากันจับจ้องไปที่น้องสาวที่น่ารักน่าชัง ช่างงดงามนัก งดงามมากจริง ๆ นี่คือน้องสาวล่ะ
แม่นมฉีเดินนำแม่นมเข้ามาในห้อง ค้อมกายคำนับพลางพูดว่า “รัชทายาท ได้เวลาให้จวิ้นจู่น้อยดื่มนมครั้งแรกแล้วเพคะ”
แม่นมได้รับการคัดเลือกโดยแม่นมฉี มาพักอยู่ในจวนได้ราว ๆ ครึ่งเดือนแล้ว ทั้งอาหารการกินการดื่ม แม่นมฉีล้วนคัดเลือกเองอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจระมัดระวังอย่างมาก
หยู่เหวินเห้ายากจะตัดใจวางหนูน้อยลง ชีวิตน้อย ๆ นี้ที่เพิ่งมาถึง กลับเข้ามายึดครองหัวใจทั้งดวงจนเขาไม่อาจปล่อยวางได้ ในหัวใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ซาบซึ้งประทับใจ เพียงพริบตาที่ยื่นส่งเด็กน้อยให้แม่นม เขาก็ถึงกับน้ำตาไหล จมูกแสบร้อนไปหมด
เขามองดูแม่นมอุ้มเด็กน้อยเดินที่หลังฉากบังลม สายตาของเขามองตามไป สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ค่อยหันมามองหยวนชิงหลิง “เจ้าหยวน เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!”
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ว่ารู้สึกขอบคุณ หรือว่าซาบซึ้งมากแค่ไหน แต่เป็นความรู้สึกที่เรียกได้ว่าทุกอย่างมันช่างสมบูรณ์ มันสมบูรณ์แบบมาก ๆ แล้ว
หยวนชิงหลิงหัวเราะ ปล่อยให้เขาจับมือนางไว้อย่างแนบแน่น “นางงดงามมากจริง ๆ”
“ใช่ งดงามมากจริง ๆ!” หยู่เหวินเห้าปัดปอยผมที่เคลียข้างแก้มของนางเบา ๆ ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผาก ดวงตา แล้วพูดด้วยความรักใคร่ทะนุถนอมว่า “ข้าจะรักพวกเจ้าไปตลอดชีวิต รักไปตลอดชีวิตของข้าเลย!”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ ดวงตาแดงเรื่อ พูดเบา ๆ ว่า “ข้าก็ด้วย ข้าก็จะรักพวกเจ้าไปตลอดชีวิต!”
ทั้งคู่จ้องมองกันอย่างหวานซึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองแฝดสามกับแฝดสอง ในใจเกิดความเชื่อมั่นว่าครอบครัวพวกเขาแปดคน จะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้นไม่นาน แม่นมก็อุ้มเด็กน้อยออกมา ยิ้มพลางค้อมกายคำนับ “จวิ้นจู่น้อยดื่มนมไปหลายคำเลยเพคะ กินเก่งดีจริง ๆ”
หยู่เหวินเห้ารีบเข้าไปอุ้มนางมา แล้วนำมาวางไว้ข้าง ๆ หยวนชิงหลิง ทุกคนในครอบครัวจ้องมองไปที่สมาชิกใหม่ที่เพิ่งเกิด รู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนา