บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1382 เตรียมการให้พร้อม
หยู่เหวินเห้าระทึก จับมือที่คล้องอยู่ที่เอวตัวเองแล้วค่อยๆหันตัวกลับไปมองนาน “วิกฤตอะไร?”
หยวนชิงหลิงมองใบหน้าที่ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวของเขา ตัดใจพูดออกไปไม่ได้จริงๆ แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดกับเขา ปิดบังไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นนางจึงอดกลั้นความเจ็บปวดในใจ พยายามใช้น้ำเสียงที่ธรรมดาเอ่ย “ซาลาเปาไปทางนั้นมารอบหนึ่ง บอกว่าสถาบันวิจัยไฟไหม้ ร่างเดิมของข้าละลายแล้ว ฉะนั้นข้าต้องรีบกลับไปรับการผ่าตัด ผ่าตัดให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อได้ อันตรายของการผ่าตัดนี้ ฟางหวูบอกว่าไม่มาก แต่ตอนที่ข้ากลับไปทางทะเลสาบจิ้ง บางทีอาจมี…ความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด”
ตั้งแต่นางเริ่มเอ่ยคำแรก หัวใจหยู่เหวินเห้าก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม กลั้นลมหายใจจนนางกล่าวจบ ริมฝีปากเขาสั่นระริก ความลนลานในดวงตาไร้ที่หลบซ่อน “เช่นนั้น…หากเจ้าไม่กลับไป จะเป็นอย่างไร?”
“สามวันให้หลัง” หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจลึก เสียงเริ่มสั่น “ข้าก็จะตาย”
หยู่เหวินเห้านิ่งงันครู่หนึ่ง เลือดบนใบหน้าเหือดหายไปในพริบตา มองนาง หายใจทีหนึ่งอย่างลำบาก “สามคำนี้ของเจ้า เหมือนกับมีดจริงๆ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ ขอแค่ข้ากลับไปรับการผ่าตัด ทุกอย่างก็จะดีเอง”
“ข้าจะไปกับเจ้า!” หยู่เหวินเห้าไม่คิดสักนิด เอ่ยขึ้นทันที
หยวนชิงหลิงมองเขา เอ่ยเสียงหนัก “เจ้าจะไปกับข้าไม่ได้ การกลับไปมีความเสี่ยงอยู่ เราเคยพูดกันแล้วว่าจะไม่เสี่ยงด้วยกัน ต้องมีคนหนึ่งที่ปลอดภัย เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ? โดยเฉพาะกวากวายังไม่ครบเดือน จะไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกายนางในเวลาเดียวกันได้อย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “ข้าจะให้เจ้าไปเสี่ยงคนเดียวไม่ได้ ข้าต้องไปกับเจ้า”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “เจ้าไปกับข้าแล้วจะลดความเสี่ยงได้งั้นหรือ? หากเราเกิดเรื่องทั้งคู่ ทิ้งเด็กๆ ทิ้งเป่ยถังไว้ เจ้าจะวางใจได้หรือ? เจ้าห้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาใช้อารมณ์ เป็นพ่อแม่คนแล้ว หลายๆ ครั้งก็ไม่อาจใช้อารมณ์ทำงานได้ เจ้าก็รู้ แถมพวกเรายังเคยตกลงกันไว้แล้ว จะไม่เสี่ยงพร้อมกัน เจ้าต้องยึดถือคำมั่น”
หยู่เหวินเห้าปวดใจและหวาดหวั่น “เจ้าหยวน ข้าจะเห็นเจ้าไปเสี่ยงอยู่คนเดียวต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ข้าไม่อาจจินตนาการการได้แต่รอฟังข่าวเจ้าอยู่ที่นี่”
“ข้าต้องไม่เป็นไรแน่ เจ้าต้องเชื่อในจุดนี้” หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างแน่วแน่ “ยังจำตอนที่เจ้าไปออกรบได้ไหม? ตอนนั้นข้าก็ไม่วางใจ ข้าอยากไปด้วยแค่ไหน แต่ข้าไปก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ แล้วยังต้องทิ้งเด็กๆ ข้าได้แต่เกลี้ยกล่อมตัวเอง อยู่ที่บ้านรอเจ้ากลับมา ตอนนี้ เราเปลี่ยนสถานะกัน และครั้งนี้ข้ายังไม่อันตรายเท่ากับเจ้าที่ไปสนามรบ มีคนมากมายที่จะช่วยข้า และถึงจะอันตราย เจ้าแฝดสองก็ไม่อยู่เฉยอยู่แล้ว เจ้ารู้ความเก่งกาจของพวกเขาดี ใช่ไหม? พวกเขาเคยช่วยพวกเรา เจ้าต้องเชื่อในข้ากับพวกเขาถึงจะถูก”
หยู่เหวินเห้ามองนาง ดวงตาแดงมากขึ้น ชีวิตนี้ช่วงเวลาที่เขาหมดหนทางและรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ที่สุด ก็คือตอนที่นางเผชิญกันอันตรายหลายครั้ง เขาช่วยอะไรไม่ได้เลย เขาปกป้องผู้คนได้มากมาย แต่กลับปกป้องนางไม่ได้
น้ำตาร้อนระอุไหลลงอาบแก้ม เอ่ยอย่างเจ็บปวด “ข้าจะยืนมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ข้าจะเอาแต่รอเจ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่ได้”
หยวนชิงหลิงเงียบ ได้แต่กอดเขาแน่น เขาจะมีสติ เขาต้องมีสติ เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับลูก หลายปีมานี้เขาเรียนรู้ได้ดีมาก เขาเป็นพ่อที่ผ่านเกณฑ์มาก ดังนั้นขณะที่เด็กๆ สูญเสียแม่ เขาต้องไม่ทำให้พวกเขาต้องเสียพ่อไปอีกแน่
การกลับยุคปัจจุบัน ที่จริงนางก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ แต่นี่ดีกว่าที่นางคิดไว้ ตอนนั้นนางไม่เคยคิดว่าจะมีวิธีแก้ไข นางปฏิเสธการขอร้องศึกษาผลิตยาชนิดนี้ของฟางหวูกับหงเย่ ตอนนั้นนางคิดไว้แล้ว ว่าหากนางต้องตายจริง เช่นนั้นนางก็ตายอย่างสงบเถอะ วันเวลาที่มาเป่ยถัง เดิมก็ได้กำไรกลับคืนมาแล้ว หากมีเทพยดาจริงก็ถือเป็นของขวัญจากฟากฟ้าแล้วกัน
เมื่อผ่านความเจ็บปวดที่โหดร้ายไปแล้ว หยู่เหวินเห้าก็ค่อยๆ เริ่มยอมรับจริงๆ และได้สติกลับมา หยวนชิงหลิงรู้ว่ายากนักที่เขาจะทำได้เช่นนี้ ดังนั้นนางจะร้องไห้ไม่ได้ จะเสียความมั่นใจไม่ได้ เพราะสำหรับเขาแล้วเป็นขอบข่ายที่ไม่รู้จัก เขาไม่มีความรู้ ความมั่นใจเพียงหนึ่งเดียวของเขา มาจากความสุขุมและความเชื่อมั่นของนาง
ทั้งสองเตรียมการเรื่องถัดจากนี้ เช้าตรู่วันพรุ่งไปพูดเรื่องนี้กับโสวฝู่ก่อน ได้รับการเห็นชอบจากเขาแล้ว กลางวันกลับมาก็นัดหมายญาติมิตรของนางให้มารวมตัวกันที่จวน ไม่ต้องบอกพวกนางว่าเรื่องอะไร บอกเพียงว่านางจะจากเมืองหลวงระยะหนึ่ง หากนางกลับมาไม่ได้ เช่นนั้นนี่ก็จะเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย เมื่อพบปะกันแล้ว ช่วงค่ำก็เริ่มออกเดินทางไปทะเลสาบจิ้ง
เรื่องนี้จะปิดบังเด็กๆ ไม่ได้เช่นกัน แต่ถึงไม่พูด เด็กๆ ก็รู้ ดังนั้นช่วงที่ไปทะเลสาบจิ้ง นางหวังว่าเด็กๆ จะไปด้วย อย่างน้อยระหว่างทาง พวกเขาทั้งครอบครัวก็ยังได้อยู่พร้อมหน้า
เมื่อเตรียมการเสร็จ หัวใจของหยู่เหวินเห้าก็ราวกับถูกล้วงเอาไปหมด เจ็บจนแทบชา
เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดว่าเขาต้องใช้ทุกวินาทีอยู่กับเจ้าหยวน เขากลัวมากจริงๆ ว่าเวลาที่เหลือให้พวกเขาจะมีเพียงเท่านี้แล้ว
เมื่อซาลาเปาตื่นมา ก็พาทังหยวน ข้าวเหนียวและแฝดสองมา เด็กๆ รู้ว่าแสงในสมองของแม่ใกล้จะดับแล้ว แฝดสองอายุน้อยหน่อย แต่ที่จริงพวกเขารู้ความมาก นอกจากน้องฟีนิกซ์ที่ยังเด็กเกินไป ทุกคนต่างอยู่เฝ้าแม่
“บอกท่านน้าแล้ว ท่านน้าบอกว่าเขาจะช่วยเป็นศัลยแพทย์ให้ท่านโสวฝู่เอง ขอแค่ท่านกับท่านโสวฝู่ไปได้ราบรื่น เขาบอกว่าช่วยท่านโสวฝู่ได้แน่” ซาลาเปาตาแดงพลางเอ่ย
หยวนชิงหลิงกลั้นน้ำตา กุมมือซาลาเปา พยักหน้าเอ่ยเสียงแหบ “ดี ดี!”
“ท่านแม่!” เด็กๆ ยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ศีรษะทั้งห้าเบียดเข้ามาข้างตัวนาง ยื่นมือกอดนาง ติดนาง
หยู่เหวินเห้าเบือนหน้าไปอีกทาง ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจเขาแทบสลาย
เขารู้ ว่าทิ้งพวกเขาไปไม่ได้จริงๆ แค้นตนนักที่มีสติเช่นนี้
หยวนชิงหลิงพยายามปรับอารมณ์ พยายามเค้นรอยยิ้มซีดออกมา แต่กลับทำให้ดวงตาแดงขึ้นชัด นางกุมมือของเด็กๆ เข้าไว้ด้วยกัน สองมือหุ้มไว้ มองหยู่เหวินเห้า “เอาล่ะ เราอย่าทำอย่างนี้เลย ข้ามิใช่ว่าไปแล้วไม่กลับสักหน่อย ข้าต้องกลับมาได้แน่ เปาเปา เจ้าบอกท่านพ่อ บอกน้องสิ ฟางหวูกับท่านน้ามิใช่เคยบอกหรือ ว่าพวกเขามั่นใจมาก”
ซาลาเปาให้ความร่วมมือพูด “เคยพูด พวกเขาบอกว่าจะไปหาท่านอาจารย์ท่านหนึ่งที่ชื่อโล่เฉิน ท่านอาจารย์ท่านนั้นเก่งมาก เขามีลูกสาวคนหนึ่ง เก่งมากเหมือนกัน ก็คือเสด็จย่าทวดอันเฟิง”
หยู่เหวินเห้ามองเขา เวลานี้ทุกคำที่ซาลาเปาเอ่ย ต่อให้เกี่ยวข้องกับทางนั้น เขาก็เห็นเป็นสำคัญ แม้แต่สีหน้าหนึ่ง เขาก็ต้องจับให้ได้
ต้องพูดเลยว่าคำพูดนี้ทำให้เขาสบายใจได้อย่างไม่มีเหตุผลประมาณหนึ่ง เพราะพระชายาเฟิงอันผู้นี้ แต่เดิมก็มีเรื่องเล่าอยู่บ้าง นางเป็นเทพหญิงอันดับหนึ่งของเป่ยถัง
บิดาของนางก็น่าจะเก่งกาจเช่นกันกระมัง?