บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1384 เอาตามนี้
ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี อยากเกลี้ยกล่อมแต่ก็ไม่รู้จะเอาข้อมูลอะไรมาพิสูจน์ความมั่นใจครั้งนี้ แต่หากไม่เกลี้ยกล่อม เช่นนั้นความหวังที่จะรอดสักนิดก็ไม่มีแล้ว จะทำใจได้อย่างไร?
เซียวเหยากงใช้ความเด็ดขาด เอ่ย “ไม่ต้องสนใจว่าเขาพูดอะไร เขาไม่ไป กระหม่อมก็จะมัดเขาไปพ่ะย่ะค่ะ พระชายารัชทายาท ท่านบอกแผนการครั้งนี้กับพวกเรา ต้องพาคนไปเท่าไร คนเหล่านี้ต้องถนัดอะไรบ้าง หนทางครั้งนี้ไกลแค่ไหน ต้องอยู่กี่วัน ไว้กระหม่อมเตรียมการพร้อมแล้วก็ออกเดินทางทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงมองเซียวเหยากง เอ่ยเสียงเบา “การไปครั้งนี้ ไม่ต้องพาคนไปหรอก เดิมข้าตัดสินใจว่าข้าจะไปกับท่านโสวฝู่สองคน ไม่พาคนอื่นไปทั้งนั้น”
“เช่นนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ไปกันสองคนจะเป็นไปได้อย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึงว่าทรงกำลังอยู่เดือน ทิ้งเด็กๆ ไม่ได้ และถึงจะทิ้งได้ แต่ทั้งเป่ยถังไม่มีผู้อื่นแล้วหรือ? ต้องให้พระองค์พาไปเสี่ยงอันตราย? ทรงเป็นวรยุทธ์หรือ? แม้แต่พระองค์เองก็ไม่อาจปกป้องได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหวังให้พระองค์ปกป้องเขา” เซียวเหยากงคัดค้านทันที
หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อน “ข้าจำเป็นต้องไป”
เมื่อไท่ซ่างหวงเห็นใบหน้ายิ้มเจื่อนและความจนใจของนาง จึงถามด้วยความฉงนใจ “ทำไมเจ้าต้องไป? ในเมื่อจะหลงทาง ก็แสดงว่าเจ้าไม่รู้ทาง เจ้าแค่วาดแผนที่ ข้าไปหาเองก็ได้ เจ้าไม่ต้องไป ยังไม่ครบเดือนก็จะทิ้งลูก มีที่ไหนทำกัน?”
เรื่องถึงขั้นนี้ หยวนชิงหลิงก็ไม่จำเป็นต้องปิดอีก สบตากับเจ้าห้าทีหนึ่ง เอ่ย “สาเหตุที่หม่อมฉันต้องไปให้ได้ ไม่ใช่เพราะหม่อมฉันรู้เส้นทางเพคะ แต่เพราะหากหม่อมฉันไม่ไป หม่อมฉันก็จะเหมือนกับท่านโสวฝู่ อยู่ได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้นเพคะ”
ไท่ซ่างหวงเปลี่ยนสีหน้าพลัน จ้องนางทันที ความตกใจและความเป็นห่วงแสดงออกจากดวงตาจนหมด “เจ้าเพ้อเจ้ออะไร? เจ้าเป็นอะไรกัน?”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาเป็นห่วง น้ำตาคลอ “ก่อนหน้านี้หม่อม…หม่อมฉันก็บาดเจ็บที่ศีรษะเพคะ อาการเหมือนกับท่านโสวฝู่ ในสมองมีเลือดคลั่ง กำจัดไม่ได้ กินยาก็ไม่ได้ผล ได้แต่ไปรับการรักษาที่นั่นเท่านั้นเพคะ ดังนั้นหม่อมฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาด ที่จะทิ้งลูกไปเสี่ยงภัย หม่อมฉันแค่ไม่มีทางเลือกเพคะ”
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าคลอดลูกอยู่ดีๆ ทำไมไปกระแทกศีรษะได้?” ไท่ซ่างหวงทั้งตกใจโมโหทั้งเป็นห่วง ถึงกับเอากระเป๋ายาสูบตีหยู่เหวินเห้า “เจ้าปกป้องชายาเจ้าอย่างไร? ทำไมให้นางกระแทกศีรษะได้?”
หยู่เหวินเห้าปวดใจนัก ถูกตีไปทีหนึ่ง คุกเข่าลง น้ำตาทะลัก สะอื้นเอ่ย “หม่อมฉันไม่ดีเองพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ได้ปกป้องนางให้ดี ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงเห็นท่าทางหลั่งน้ำตาของเขาแล้วถึงรู้ว่าเขาต้องเป็นผู้ที่เสียใจที่สุดแน่ เพียงแต่ไม่สามารถรับได้ในทันที มองหยวนชิงหลิง “เช่นนี้จริงหรือ? แต่ข้าเห็นเจ้าดีอยู่เลยนี่ ไม่เป็นอะไรเลย ทำไมถึงอีกแค่ไม่กี่วันแล้วล่ะ?”
หยวนชิงหลิงเห็นท่าทางเป็นห่วงร้อนใจของไท่ซ่างหวงแล้ว ความทรมานและความเศร้าก็เต็มอก เอ่ย “มิกล้าปิดพระองค์เพคะ เป็นเช่นนี้จริง เรื่องอุบัติเหตุโทษผู้ได้มิได้”
โสวฝู่เอ่ยเสียงเบา “เช่นนั้นก็ไปเถอะ หากมีความหวังก็ไป กระหม่อมจะไปเป็นเพื่อนพระชายารัชทายาทเองพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเอ่ยกับไท่ซ่างหวง “พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องไป ข้าไปเป็นเพื่อนพระชายารัชทายาทก็พอ เอาตามนี้แหละ”
จิตใจไท่ซ่างหวงทั้งวุ่นวายทั้งร้อนรน “พูดพล่อยๆ ข้าต้องไปด้วยแน่”
เซียวเหยากงตะลึงงันครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ข้าก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว เรื่องนี้ ไม่มีต่อรองอีก”
โสวฝู่ตึงเครียด “ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พระชายารัชทายาทไปเป็นเพื่อนข้าก็พอ พวกเจ้าไปกันทำไม? ไปเพิ่มความวุ่นวายหรือ? ไปไม่ได้!”
เซียวเหยากงยิ้มเยาะ “น้อยหน่อยเถอะ ฉู่เสี่ยวอู่ เรื่องนี้เอาเจ้าว่าไม่ได้ เจ้ามันไอ้แก่ตาบอด ต้องทำตามการจัดการของพวกเราเท่านั้น เอาตามนี้แหละ”
โสวฝู่เดือดจัด ตบโต๊ะ “น้องสิบแปด เจ้าอย่าหาเรื่องนะ เราสามคนจะไปจากเป่ยถังพร้อมกันได้อย่างไร ถึงเจ้ากับข้าจะไปได้ เจ้าหกก็ไปไม่ได้ หากเขาเกิดเรื่อง ทั้งเป่ยถังจะสั่นคลอนเพียงไร เจ้าไม่เข้าใจหรือ? ต้องให้ข้าจัดการเจ้าให้ได้ใช่ไหม?”
เซียวเหยากงเชอะ “เจ้าดูแลเป่ยถังมาหลายสิบปี ข้าก็ดูแลมาหลายสิบปี เจ้าหกยิ่งดูแลมาหลายสิบปี อย่างไรพวกเราก็ต้องตาย จะจากพวกเราไปไม่ได้หรือ? เจ้าอย่าพูดมาก ออกไปให้เสี่ยวสี่ช่วยเจ้าเก็บของ ออกเดินทางเร็วหน่อย เรื่องนี้ห้ามแย้งอีก!”
“ไม่ได้ ไปไม่ได้!” โสวฝู่ก็แข็งกร้าวเช่นกัน นั่งนิ่งไม่ขยับ
เซียวเหยากงเดือดพลุ “ตาแก่นี่ หัวแข็งจริง”
ไท่ซ่างหวงเอ่ยเรียบ “ไม่ต้องทะเลาะกันอีก ข้าตัดสินใจแล้ว ครั้งนี้พวกเราทั้งสามจะร่วมเป็นร่วมตาย ใครก็ไม่ทิ้งกัน หากพบกับอันตรายจริง เราทั้งสามก็ตายด้วยกัน”
“ไม่ได้!” โสวฝู่รีบทุบมือ “คุ้มหรือ? มันไม่คุ้มกัน ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าไปด้วย”
“อย่าหลงตัวเองเลย ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนเจ้า เราไปเป็นเพื่อนพระชายารัชทายาทต่างหาก” เซียวเหยากงเอ่ย
หยวนชิงหลิงอ้าปากตาค้างมองพวกเขาทะเลาะกัน อย่างไรกันนี่? ตอนนี้ต้องพาคนเยอะแยะอย่างนี้ไปหรือ? ทำไมไม่ถามนางล่ะ?
นางมองไท่ซ่างหวงเอ่ย “การไปครั้งนี้ไม่ต้องไปมากคนเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันกับท่านโสวฝู่ไป…”
ไท่ซ่างหวงถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง “เจ้ารีบหุบปากไปเลย ไม่ต้องให้เจ้าตัดสินใจ!”
คำพูดนี้ออกมา หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี นี่…นางต้องพาพวกเขาทั้งสามไปหรือ? เช่นนั้นความรับผิดชอบนางก็หนักหนาเอาการเลยทีเดียว
โสวฝู่เห็นท่าทางจะขัดทั้งสองไม่ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจหนัก “พวกเจ้าจะไป เสี่ยวสี่ก็ต้องตามไปด้วยแน่ ให้นางตามข้าไปเสี่ยงภัยได้อย่างไร? เฮ้อ พวกเจ้าเชื่อข้าเถอะ ไม่ต้องไป ได้ไหม?”
“ไม่ได้! เจ้าไม่อยากให้เสี่ยวสี่ไป เช่นนั้นก็ไม่ต้องบอกนางว่าการเดินทางของพวกเราครั้งนี้มีอันตรายสิ บอกแค่ว่าพระชายารัชทายาทจะพาเจ้าไปรักษา พวกเราตามไปอารักขา ให้นางกลับจวนอ๋องไปดูแลเด็กๆ” เซียวเหยากงเอ่ย
“บอกแล้วว่าไม่ได้…”
ไท่ซ่างหวงหงุดหงิดเอ่ย “เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันอีก เอาตามนี้”
“แต่…”
“หุบปาก!” ไท่ซ่างหวงถลึงตาใส่เขาอีก จากนั้นก็มองหยวนชิงหลิง “ออกเดินทางเมื่อไร?”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “เดิมคิดจะเดินทางคืนนี้เพคะ”
“เช่นนั้นก็ออกเดินทางคืนนี้ อย่างอื่นไม่ต้องพูด คืนนี้ปลายยามโหย่ว เจอกันที่ประตูเมือง!” ไท่ซ่างหวงโบกมือ ตัดสินใจเด็ดขาด
เขาไล่หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงไป ให้พวกเขากลับไปเก็บสัมภาระ มอบหมายงานและเตรียมการให้เรียบร้อย
ระหว่างทางที่กลับ หยวนชิงหลิงทรมานใจมาก นางพิงอยู่ในอ้อมอกของหยู่เหวินเห้า น้ำตาที่ขนตา “เดิมทีท่านโสวฝู่ไม่ยอมไป แต่พอได้ยินว่าข้าเกิดเรื่อง เขาก็บอกว่าจะไป ข้ารู้ว่าเขาทำเพื่อข้า เจ้าห้า หากข้าพาพวกเขากลับมาไม่ได้จริง ข้าคิดว่า แม้ตายก็ตายตาไม่หลับ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้แล้วก็เนื้อตัวก็ราวกับไร้วิญญาณ เพราะนางพาพวกเขากลับมาไม่ได้ ก็หมายถึงนางกลับมาไม่ได้เช่นกัน
เขาเคยบอกว่าจะมีความสุขหน่อย แต่ทำไม่ได้จริงๆ
กอดนางแน่น หัวสมองรำลึกทุกเรื่องราวที่อยู่ด้วยกันหลายปีนี้ เขาจะไม่เจ็บใจได้อย่างไร? เขายังไม่เคยให้นางได้อยู่อย่างสงบสุขสักวัน
อดกลั้นน้ำตาร้อน เอ่ยเสียงแหบ “รับปากข้า ลำบากอย่างไรก็ต้องอดทน อย่ายอมแพ้ ต้องกลับมาอยู่ข้างกายข้าให้ได้นะ”
“ได้ ข้ารับปาก!” หยวนชิงหลิงรับคำด้วยจิตใจที่เร่าร้อนว้าวุ่น ทะลักอารมณ์เศร้าที่ต้องพลัดพราก บีบจนหัวใจนางเจ็บ