บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1385 เสียดายที่กลับไปไม่ได้
เมื่อกลับถึงจวน ในจวนมีคนมามากแล้ว วันนี้พอเช้ามาทังหยางก็ส่งคนไปส่งจดหมายตามจวนต่างๆ บอกว่าวันนี้พระชายารัชทายาทจะจัดงานเลี้ยงเชิญทุกคนมา เพราะนางจะออกจากบ้านระยะหนึ่ง
ข่าวนี้กะทันหันมาก ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ย่อมมากันหมด แม้แต่จิ้งเหอจวิ้นจู่ก็ทิ้งลูกรีบมาเช่นกัน
ท่านอ๋องและพระชายาทุกคน ใต้เท้าเหลิ่ง หงเย่ ท่านชายสี่พร้อมภรรยา เสี้ยวหงเฉินกับลู่หยวน กู้ซือพร้อมภรรยา แม่ทันหลู่หม่างกับพี่ซูหลงก็มาด้วย
ทังหยางยังส่งคนไปส่งจดหมายทางจวนเจ้าพระยาจิ้ง ดังนั้นฮูหยินใหญ่ของจวนเจ้าพระยาจิ้งก็มาเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่กังวลมาก เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้ากลับมาก็รีบถามก่อน “เกิดอะไรขึ้นหรือ? เจ้าจะไปไหน?”
หยวนชิงหลิงเข้ามาอยู่ข้างท่านย่า เห็นทุกคนใช้สายตากังวลมองนางแล้วก็พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา เอ่ย “ข้าไปครั้งนี้ ไม่แน่ว่าจะหนึ่งเดือน หรือครึ่งปี แต่ไม่มีอันตราย พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าแค่ไปรักษาท่านโสวฝู่เป็นเพื่อนเขาเท่านั้น รักษาหายแล้วก็กลับมาเอง”
ฮูหยินเหยามองนางพลางถาม “ไปรักษาที่ใด? เจ้ารักษาท่านโสวฝู่ไม่ได้หรือ?”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “อาการท่านโสวฝู่หนักเกินไป ตอนนี้ตาบอดอีกครั้ง ข้าจนปัญญาแล้ว ได้แต่ขอให้อาจารย์ข้าออกโรง”
“อาจารย์เจ้า?” ฮูหยินใหญ่ถามด้วยความประหลาดใจ ที่จริงเรื่องที่หลานสาวรู้เรื่องการแพทย์ นางก็รู้สึกชอบกลมาตลอด แต่สิ่งที่คนแก่ศรัทธามีมากมาย มักคิดว่ามีปาฏิหาริย์บางอย่าง เป็นสวรรค์ประทานมา เมื่อก่อนไม่เคยถามมาก บัดนี้เมื่อได้ยินนางเอ่ยขึ้นจึงต้องถามสักหน่อย
“ท่านอาจารย์อยู่ในที่ที่ค่อนข้างลึกลับห่างไกล นอกจากข้า เขาก็ไม่พบผู้อื่นง่ายๆ ดังนั้นข้าต้องพาท่านโสวฝู่ไปเองถึงจะให้ท่านอาจารย์ออกหน้าช่วยเขาได้” หยวนชิงหลิงกล่าว แต่กลับต้องเลื่อมใสตัวเอง คำพูดไร้สาระเช่นนี้ แต่นางกลับกล่าวได้เป็นจริงเป็นจังมาก
นางลุกขึ้นยืน มองนัยน์ตาทุกคนที่ไม่ค่อยเชื่อแถมยังเป็นห่วง หัวเราะเอ่ย “อย่างไรกัน? ข้ามิใช่ไปแล้วจะไม่กลับมา วันนี้ที่เรียกทุกคนมา หลักๆ เพราะอยากพบปะทุกคนก่อนออกเดินทาง ไม่เช่นนั้นไปทั้งอย่างนั้น บางทีครึ่งปี หนึ่งปีให้หลังถึงจะกลับ จะทำให้ทุกคนคิดถึงข้า”
“ต้องไปนานเช่นนี้เลยหรือ? งั้นเด็กๆ จะทำอย่างไร?” หรงเยว่เอ่ย
“เด็กๆ เรียบร้อยดี ในจวนมีคนดูแล” หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย
แต่หรงเยว่กลับเอ่ย “ถ้าเจ้าไปหนึ่งปีแล้วถึงกลับ เช่นนั้นเสี่ยวกวาจื่อก็ครบขวบแล้วนะสิ”
หยวนชิงหลิงปวดใจทันที น้ำตาเกือบไหล รีบเงยหน้าขึ้น พยายามยิ้ม “นี่ไม่พอดีหรือ? ข้าจะได้ไม่ต้องลำบากเลี้ยงลูก”
หรงเยว่ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นี่ไม่เหมือนคำพูดที่ออกมาจากปากเจ้า แต่กลับเหมือนคำพูดที่ออกมาจากปากอะซี่”
อะซี่ฟังอยู่ข้างๆ ไม่ยอมขึ้นมา “อะไรคือเหมือนคำพูดข้าฮะ? ข้ามิพูดเช่นนี้หรอก ข้าชอบเลี้ยงเด็กจะตาย”
“เจ้าโกหก สองสามวันก่อนเจ้าเพิ่งบ่น บอกว่าเลี้ยงเด็กเหนื่อยมาก แถมไม่วางใจให้แม่นมเลี้ยงอีก” หรงเยว่พูดเปิดโปงนาง
อะซี่ต่อล้อต่อเถียงกับหรงเยว่ ทำบรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา ทุกคนจึงลืมข้อข้องใจไป หยวนชิงหลิงแอบโล่งอก
แต่หงเย่จ้องนางอยู่ตลอด ที่จริงตั้งแต่นางบอกว่าจะพาโสวฝู่ไปรักษา แล้วยังหาอาจารย์อะไรนั่นอีก เขาก็รู้ว่าที่ที่นางต้องไปเป็นที่ไหน และรู้ว่านางกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายแน่ แต่มีคนมากมายอยู่ตรงนี้ จึงไม่เหมาะที่เขาจะถาม
รอจนหยวนชิงหลิงหมุนตัวออกไปแล้วเขาก็รีบตามทันที บีบให้นางไปอยู่ข้างล่างทางเดินถาม “ทรงจะพาโสวฝู่ไปรักษาที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? กลับไปที่โลกของพวกท่านใช่หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงเห็นใบหน้าร้อนรนของเขาแล้ว ใจก็เต้นตุบตับ เจ้าคงไม่ใช่ว่าอยากตามไปด้วยกระมัง?
“ทรงตรัสสิพ่ะย่ะค่ะ!” หงเย่เร่งถาม
หยวนชิงหลิงเอ่ย “ใช่แล้วจะทำไม? ไม่ใช่แล้วจะทำไม?”
“พากระหม่อมไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หงเย่จ้องนาง
“เสียสติแล้วหรืออย่างไร?” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
หงเย่เอ่ย “ทรงทราบว่ากระหม่อมรอโอกาสนี้มานานมากแล้ว กระหม่อมต้องไปให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยเสียงเคือง “ท่านไปจะมีประโยชน์อะไร? มิใช่เพิ่มความวุ่นวายหรือ? ข้าจะบอกท่านตามตรง เราไปครั้งนี้จะรอดกลับมาหรือไม่ก็ไม่รู้ ท่านจะไปตายกับเราหรือ? อย่าหาเรื่องได้ไหม? ข้ารู้ว่าท่านห่วงเรื่องของลิง แต่ถ้าข้ากลับไปได้ ข้าจะช่วยท่านตรวจสอบ ดูว่าเขายังมีจิตหลงเหลือหรือไม่ ถ้าช่วยเขาได้ ข้าต้องพยายามสุดความสามารถแน่”
หงเย่จ้องนาง “หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? รอดกลับมาหรือไม่ก็ไม่รู้หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? พวกท่านเสด็จไปครั้งนี้อันตรายมากหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หยวนชิงหลิงทรมานใจมากอยู่แล้ว อยู่ข้างในฝืนทำหน้าตายิ้มแย้ม บัดนี้จิตใจเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่จะพังทลาย ดวงตาเจือสีแดง “หากไม่อันตราย แล้วข้าจะเชิญทุกคนมาทำไม? หงเย่ วันนี้ข้าแค่อยากอำลากับทุกคนดีๆ ท่านอย่าก่อกวนข้า ข้ากลัวว่าใจตัวเองจะแตกสลาย”
หงเย่มองนางชะงักงัน “ในเมื่ออันตราย แล้วเหตุใดต้องเสด็จไปให้ได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเจ็บปวด “เพราะไม่มีหนทางอื่น หากข้าไม่ไป ข้าก็อยู่ต่อไม่ได้ ข้าก็เหมือนกับลิง ลิงจะตาย ข้าก็จะตาย”
หงเย่ลนลานทันที มองใบหน้าที่คล้ายคลึงมารดามาก “ทรง…ทรงจะมีอันเป็นไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “เพราะข้าไม่อยากตาย ถึงต้องลองเสี่ยงสักครั้ง ฉะนั้นครั้งนี้ข้าพาท่านไปไม่ได้ จุดประสงค์ของท่านแรงกล้าเกินไป ข้าเกรงว่าท่านจะทำเสียเรื่อง อีกอย่าง มันไม่จำเป็นเลย ท่านรออีกสักสองสามเดือน สองสามเดือนให้หลังหากท่านอยากไปจริง ท่านก็ไปหาเจ้าห้า เขาจะมีวิธี”
หงเย่มองนาง ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “ได้ หม่อมฉันทราบแล้ว เราจะรอท่านกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงมองเขา รั้งน้ำตาไม่อยู่ “ขอบคุณ”
หยู่เหวินเห้าเดินออกมา เห็นทั้งสองคุยกันอยู่ด้านล่างทางเดิน จึงรีบสาวเท้าเข้ามา “มีอะไรหรือ?”
หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา “ไม่มีอะไร ข้าจะไปอุ้มเสี่ยวกวาจื่อออกมา”
ว่าแล้วนางก็หมุนตัวเดินไป
หยู่เหวินเห้ามองหงเย่ เขาเข้าใจความยึดมั่นของหงเย่ดี หงเย่คงมองจุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเจ้าหยวนออก ดังนั้นจึงตอแยให้เจ้าหยวนพาเขาไปด้วย
เขาเอ่ย “อย่าตื้อนาง นางทุกข์ใจมากพออยู่แล้ว”
หงเย่พยักหน้า แล้วมองเขาพลางถามอีก “ทรงเสด็จไปด้วยไม่ได้กระมังพ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่!” หยู่เหวินเห้าตอบเงียบๆ
หงเย่ยิ้มขม “ภาระอยู่ที่บ่า เป็นมนุษย์บางครั้งก็ทุกข์หนัก”
เขาหันหลังไป ถอนหายใจทีหนึ่ง “หากพระชายาเสด็จกลับมาไม่ได้จริง ต่อไปพระองค์ต้องเสียพระทัยแน่พ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆ พิงเสากลมที่ทางเดิน แล้วหลับตาช้าๆ หยดน้ำตาไหลลง แค่เสียใจหรือ? หากนางกลับมาไม่ได้ ชีวิตนี้เขาอยู่ต่อจะมีความหมายอะไร?
หงเย่มองท้องฟ้าในวสันตฤดูแรก มีเมฆดำปกคลุมเป็นชั้นๆ พิรุณในฤดูใบไม้ผลิจะมาในไม่ช้านี้ ชั้นเมฆที่ราวกับตะกั่วกดทับจนทำให้หายใจไม่ออก
เมื่อไรมนุษย์จะรู้สักทีว่าความเรียบง่ายของตนก็คือความสุข? จะรู้ก็ต่อเมื่อใกล้จะสูญเสียหรือสูญเสียใครไปแล้ว
แต่นั่นก็ไม่อาจกลับไปถนอมเวลาที่ล่วงเลย