บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1389 ถึงแล้วหรือ
เด็กๆ ก็เข้ามาห้อมล้อมด้วย ท่าทางตื่นตระหนก
หยวนชิงหลิงพยายามกลั้นน้ำตา ปลอบเสียงเบา “เจ้าวางใจ เราต้องกลับมาแน่ รอข้าก็พอ”
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าอีกประเดี๋ยวความรับผิดชอบนางต้องใหญ่หลวง จะเสียสติไม่ได้ เขาจึงพยายามกลั้นความเจ็บปวดอย่างหนัก กลั้นน้ำตา พยักหน้า เอ่ยด้วยเสียงตันจมูก “ได้ ระวังด้วย ข้าจะให้เปาเปาไปสื่อสารข่าวคราวกับเจ้าตลอด” ราวกับนางสามารถไปได้อย่างราบรื่น ไม่อยากคิดเหตุไม่คาดฝันอื่น
“ได้ ได้!” นางมองเขาอย่างเหม่อลอย สลักหน้าตาไว้ในดวงใจลึกๆ
“เอาล่ะ เตรียมตัวเถอะ!” อ๋องชินเฟิงอันเอ่ยขึ้น เขาที่ไร้อารมณ์มาตลอด บัดนี้ใบหน้ามีความเห็นใจเล็กน้อย
ทั้งสองค่อยๆ แยกจากกัน มองเขาและเด็กๆ สายตาหนึ่งอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ยืนอยู่ริมทะเลสาบ
วังน้ำวนอยู่ห่างจากริมทะเลสาบประมาณห้าเมตร เซียวเหยากงกับไท่ซ่างหวงกระโดดลงไปเองได้ แต่หยวนชิงหลิงกับโสวฝู่ต้องมีคนช่วย อีกทั้งเวลาที่พวกเขาทั้งสี่ลงทะเลสาบ ทางที่ดีที่สุดต้องควบคุมให้ห่างกันไม่ถึงหนึ่งวินาที สำหรับความห่างนี้ ลงทะเลสาบแล้วค่อยปรับ
“จำไว้ แปดสิบเอ็ดวินาทีเป็นทุกย่างก้าวของพวกเจ้า ต้องควบคุมเข้มให้หนึ่งก้าวอยู่ในระยะครึ่งเมตร ครึ่งเมตรก็เท่ากับแบบนี้…” อ๋องชินเฟิงอันเดินก้าวเท้า ก้าวออกไประยะหนึ่ง ทุกคนพากันมอง โสวฝู่มองไม่เห็น แต่ทุกคนจะจูงเขา
“พร้อมหรือยัง?” พระชายาถามทั้งสี่
ทั้งสี่สูดลมหายใจลึกแล้วพยักหน้า
พระชายาจึงเอ่ย “ดี โสวฝู่กับพระชายารัชทายาทลงไปก่อน ให้รัชทายาทพาไป เมื่อถึงแล้วรัชทายาทจะต้องปล่อยมือทันที และเจ้าต้องอยู่บนผิวน้ำ ห้ามแตะถูกน้ำเด็ดขาด เจ้าทำได้ไหม?”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า “ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ได้ เจ้าหก น้องสิบแปด พอรัชทายาทออกตัวไปแล้ว พวกเจ้าทั้งสองก็ตามไปทันที ลงน้ำพร้อมกันไม่ได้ ก็ต้องร่นระยะห่าง เข้าใจไหม?”
“เออ พวกเขาเข้าไปแล้วยังไม่ได้ต้อง รอเราก่อนไม่ได้หรือ?” เซียวเหยากงร้อนรนเล็กน้อย กลัวจะพลาด
“เข้าไปแล้วจะมีลมหมุนหรือวังน้ำวน ไม่แน่ว่าพวกเขาจะยืนได้นิ่ง หากเริ่มเดินแล้วทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม” อ๋องชินเฟิงอันเอ่ย
เซียวเหยากงพึมพำ “นี่มันเป็นอะไรกันแน่? เหตุใดจึงไปยากเช่นนี้? ทำทางเดียวไม่ได้หรืออย่างไร?”
พระชายาหัวเราะพลางเอ่ย “เจ้าลิงนี่ ยังจะบ่นอีก เมื่อนี้ยามนี้ พวกเจ้าเข้าไปก็เป็นผลจากการช่วยเหลือของหลายๆ คนแล้ว หากมิใช่การช่วยเหลือของคนเหล่านี้ เวลานี้ไหนเลยจะเข้าไปได้ เข้าไปก็ต้องถูกทำให้กระจัดกระจาย”
นางหันไปเอ่ยกับหยวนชิงหลิง “เจ้าเคยเดินทางข้ามอุโมงค์เวลา เจ้าลืมครั้งนั้นไปเสีย เพราะครั้งนี้กับครั้งนั้นไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไทเฮาหลงเป็นคนส่ง ทุกอย่างนางควบคุมอยู่ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน บางปรากฏการณ์ คนไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นก็ถือว่าครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งใหม่ จดจำคำพูดเราให้ดี”
“เพคะ!” หยวนชิงหลิงรับคำด้วยใบหน้าจริงจัง
อ๋องชินเฟิงอันมองพระจันทร์คล้อยไปอยู่ตรงกลางแล้ว แสงจันทร์ราวกับจับไอหมอกชั้นหนึ่ง พระจันทร์ในน้ำขมุกขมัว งดงามเป็นที่สุด เขาหันไปเอ่ยกับหยู่เหวินเห้า “เอาล่ะ เริ่มได้!”
หยู่เหวินเห้าจูงมือโสวฝู่กับหยวนชิงหลิง หายใจเข้าลึกใช้พละกำลัง เหาะขึ้นราวกับอินทรีย์ หยวนชิงหลิงอยากหันไปมองเด็กๆ สักหน่อย แต่เกรงจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงไม่ได้หันไป และไม่กล้ากระทั่งจะมองเจ้าห้าด้วย มองวังน้ำวนที่อยู่เบื้องล่าง เมื่อหยู่เหวินเห้าปล่อยมือแล้ว นางก็รีบจูงมือโสวฝู่ลงสู่ทะเลสาบ
เมื่อพวกเขาลงน้ำแล้ว เซียวเหยากงกับไท่ซ่างหวงก็มุดเข้าไป ด่านหินแรกควบคุมได้ดี หลังจากพวกเขาลงน้ำแล้ว วังน้ำวันก็หมุนเร็ว และทุกอย่างก็หายไป
ภาพเบื้องหน้ามืดสนิท ยืนโซเซ มีกระแสน้ำโจมตีเข้ามา ทั้งสี่ยืนให้มั่น ทานกระแสน้ำ แต่กลับไม่รู้จะเดินไปทางไหน ครั้นแล้วเสียงของอ๋องชินเฟิงอันก็ดังมา “เดินตรงไป รีบเดิน ย่างก้าวต้องเสมอกัน นับวินาที!”
ทั้งสี่คุมสติ จูงมือเดินไปข้างหน้า หนึ่งก้าว สองก้าง หนึ่งวินาที สองวินาที มีแสงกะพริบอย่างรวดเร็วตรงหน้าราวกับเปลวเพลิง เมื่อแสงเหล่านั้นหายไปแล้ว ด้านหลังก็เป็นเส้นทางที่บิดเบี้ยว และกลายเป็นความมืดสนิทอีกครั้ง
หัวใจเต้นราวกับตีกลอง ไม่มีใครเอ่ยปากพูด เกรงจะเดินพลาด เกรงว่าจะนับผิด สี่มือจับกันแน่น กลัวว่าจะตกน้ำลงไป
เมื่อเดินได้สิบสามก้าวก็มีลมหมุนมา กระแสน้ำระลอกหนึ่งพุ่งมาจากใต้เท้า ด้านบน กระแสน้ำประหนึ่งมีด พัดจนเจ็บหน้า พวกเขาถูกพัดจนถอยหลังไปสองสามก้าว หยวนชิงหลิงลนลาน นับถอยหลังกลับ แต่ขณะที่นับย้อนกลับไปก็ตกกระใจ เพราะการถอยหลังเมื่อครู่ เป็นก้าวยาวขนาดไหน ตอนนี้ระยะห่างเหลืออีกเท่าไร
ไม่มีแบบอย่างให้อ้างอิง พวกเขาได้แต่เดินต่อ จากนั้นเสียงซาลาเปาก็ดังมา “ท่านแม่ ยังเหลืออีกเจ็ดสิบหกวินาที เดินตามย่างก้าวเมื่อกี้ ยังเหลืออีกเจ็ดสิบหกวินาที”
หยวนชิงหลิงตั้งมั่น รีบเริ่มนับจากวินาทีที่เจ็ดสิบหก แต่จากนั้นก็ได้ยินเสียงอ๋องชินเฟิงอันอีก “ไม่ถูก ส่งข้อมูลผิด อย่างน้อยคลาดเคลื่อนไปสองวินาที เจ้าฟังข้า ตอนนี้เริ่มนับเจ็ดสิบสี่วินาที แต่เจ้าได้ยินเสียงข้าแล้ว เริ่มนับจากวินาทีที่เจ็บสิบสอง”
หยวนชิงหลิงรีบปรับอีก มีตัวเลขแล้วความลนลานในใจก็ลดลง เริ่มค่อยๆ สงบใจ สมองราวกับกลายเป็นเครื่องคิดเลขขั้นสูง เรื่องคิดเลขนี้ปรากฏวินาที ความเร็วในการขึ้นหน้า ระยะนับถอยหลัง แรงต้นลมหมุน การย้อนของเวลา
นางรู้ว่าฟางหวูกำลังช่วยนาง นางไม่กล้าเผอเรอ ไม่กล้าฟุ้งซ่าน จิตใจทั้งหมดอยู่กับการคำนวณ เมื่อพบกระแสต้าน ก็นับถอยหลัง แล้วเริ่มนับถอยหลังอีก เป็นเช่นนี้สามสี่ครั้งแล้วนางก็จับหลักได้
ก้าวที่สิบแปด ก้าวที่สิบเก้า ก้าวที่ยี่สิบ…ก้าวที่ห้าสิบหก ก้าวที่เจ็ดสิบ…ใกล้จะถึงช่วงท้ายแล้ว แต่ก่อนจะถึงเสียงของอ๋องชินเฟิงอันก็ดังมาอีก “ทางออกเริ่มบิดเบี้ยว คลาดเคลื่อนไปก่อนหลังสองวินาที ตอนออกไปต้องจับจังหวะให้ดี หยางหรูไห่จะนำทางให้พวกเจ้า พวกเจ้าพยายามมองความผิดปกติรอบข้าง บางทีอาจเป็นจุดแดงหรือจุดเขียว”
หัวใจของทั้งสี่เต้นเร็วขึ้น รีบสังเกตแวดล้อมที่เห็น เมินแสงขาว แต่หาจุดแดงหรือจุดเขียวแทน
แปดสิบเอ็ดวินาทีแล้ว เบื้องหน้าไม่มีจุดแดงหรือจุดเขียว แต่กลับมีแสงขาว ต้องออกไปแล้วใช่หรือไม่?
หยวนชิงหลิงว้าวุ่นใจหนัก แต่จะปล่อยให้แตกตื่นไม่ได้ เพราะแสงขาวนั้นเริ่มเคลื่อนไปด้านหลังแล้ว ด้วยความรีบร้อนและว้าวุ่น “ออกไป!”
“ไม่ มีแสงสีเขียว หน้าสองก้าว!” ทันใดนั้นโสวฝู่กลับพูดขึ้น
แต่ทั้งสามมองไปแล้วกลับไม่พบแสงเขียว เห็นเพียงจุดขาวที่อยู่บนความมืด แสงขาวนั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย กระจายเป็นจุดสามสี่สุด จากนั้นก็กลายเป็นลักษณะวังวนเล็กๆ
โสวฝู่เอ่ยขึ้นพลัน พลางลากทั้งสามไปตรงหน้า ทั้งสามได้แต่ตามเขาไป แต่พอขึ้นหน้าไปสองก้าว ตรงนี้แม้แต่แสงขาวก็ไม่มีแล้ว วังน้ำวนก็หายไป โสวฝู่ชะโงกศีรษะเข้าไป จากนั้นก็รู้สึกว่ามีแรงดึงดูดพยายามกระชากเขา พอดิ้น ทั้งสี่ก็รู้สึกสะดุดกลางอากาศ ใต้เท้าโล่ง ตุบเสียงหนึ่ง ล้มอยู่กับพื้น
มืดสนิท
แต่จากนั้นก็ค่อยๆ เห็นแสงจันทร์มืด และมีดาวกะพริบที่เห็นไม่ชัด เริ่มชัดขึ้นช้าๆ
ที่นี่เป็นภูเขา แปลกตามาก
หยวนชิงหลิงมองรอบๆ ทีหนึ่ง ตื่นตระหนก ที่นี่ที่ไหน? เวลาถูกหรือไม่? ใช่เวลาที่นางต้องการกลับไปหรือ?