บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1393 ไปโรงพยาบาลก่อน
เดินประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ลงเขาถึงศูนย์สั่งการสักที ฟางหวูกับหยวนชิงโจวยืนอยู่ที่ปากทางเข้า มองพวกเขาอยู่ไกลๆ ทั้งสองตื่นเต้นมาก คิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จจริงๆ
หยวนชิงโจวแทบจะหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาแม่ทันที “แม่ครับ เจอน้องแล้ว เจอน้องแล้วครับ!”
ปลายสายทางนั้นถึงกับมีเสียงอามิตาพุทธของแม่กลับมา
หลังจากวางสาย ทั้งสองอดกลั้นความตื่นเต้น ไม่ได้ยอมรับว่ารู้จักกันในทันที แต่รอให้พวกเขามาแล้ว ให้นักข่าวพวกนั้นถ่ายรูปก่อนจะถูกตำรวจท้องที่กันพวกเขาออกไป เมื่อทุกอย่างอยู่ในความสงบ หยวนชิงโจวก็มองน้องสาว ตาแดงเล็กน้อย ตื่นเต้นจนเสียงเปลี่ยน “เข้ามาแล้วค่อยว่ากัน ตรงนี้ลมแรง”
หยวนชิงหลิงน้ำตาคลอ พยักหน้าแรงๆ อู้อี้ในลำคอ พูดไม่ออก
ทั้งสี่เข้าศูนย์สั่งการ ตำรวจท้องที่เข้ามารายงานกับลู่หยางว่าอีกสองคนยังหาไม่พบ ลู่หยางมองหยวนชิงหลิง ประหลาดใจเล็กน้อย “ยังไงกัน? ไม่ได้…หลงด้วยกันเหรอ?”
ฟางหวูกลัวว่าเธอจะไม่รู้จักคนคนนี้ จึงรีบกระซิบข้างหูเธอว่า “ท่านนี้ก็คืออธิบดีลู่ คุณแม่ของพระชายาเฟิงอัน เธอสั่งให้ตำรวจท้องที่ขึ้นเขาไปหานักแสดงตัวประกอบฉากที่ขาดการติดต่อ…ก็พวกเธอนั่นแหละ”
หยวนชิงหลิงพลันเข้าใจ มองลู่หยางด้วยความซาบซึ้ง กำลังจะย่อตัวลงขอบคุณก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่เป่ยถัง เธอจึงรีบเปลี่ยนกิริยา ใช้ดวงตาที่แดงเล็กน้อยมองลู่หยาง “พวกเราเดินอยู่ในเขาตั้งนาน หาทางออกไม่เจอ ฉันกับปู่ห้าไม่ค่อยมีแรง ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เดินไม่ไหวแล้ว ปู่สิบแปดกับปู่หกก็เลยบอกว่าจะลงเขาไปตามหาคน สุดท้ายไปแล้วก็ไม่กลับมา อธิบดีลู่คะ พวกเขาไม่รู้ทาง ที่นี่อันตรายกับพวกเขามาก กรุณารีบส่งคนตามหาพวกเขาต่อด้วยค่ะ”
ลู่หยางใช้สายตาปลอบโยนมองหยวนชิงหลิง พยักหน้านิดหน่อยแล้วก็พูดกับหยางหรูไห่ที่อยู่ข้างๆ “หรูไห่ ไปดูซิ ถ้าหาเจอก็ให้คนพากลับมาทันที พวกเขาไม่รู้ทาง น่าจะไปไม่ไกล แล้วเขตชมวิวนี่ก็ถูกปิด แค่ไม่ออกจากบริเวณนี้ก็หาเจอได้ง่าย”
เมื่อนั้นหยวนชิงหลิงถึงเห็นว่าในศูนย์สั่งการยังมีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้านข้าง เธอแทบไม่ส่งเสียง ไม่พูด ถึงกับทำให้คนค่อยสังเกตเห็นการมีตัวตนของเธอยาก หยวนชิงหลิงมองหยางหรูไห่ แววตามีความซาบซึ้งที่ไม่ได้เอ่ย ขอร้องและวิงวอน “คุณหมอหยาง คุณช่วยฉันมาหลายครั้ง ยังไม่ได้พูดขอบคุณดีๆ ซักครั้งเลย น่าละอายจริงๆ”
หยางหรูไห่มองหยวนชิงหลิง ยิ้มนิดๆ “ดอกเตอร์หยวนไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกค่ะ พวกเราใจเชื่อมถึงกัน วันนี้ได้พบหน้าจริงๆ ซักที ไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่น่าจะไปไกล ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณค่ะ รบกวนคุณด้วย”
“นิดหน่อยเท่านั้น!” หยางหรูไห่ยิ้มแล้วหมุนตัวออกไป
หยวนชิงหลิงมองเงาหลังเธอ โล่งใจนิดหน่อย ในใจเธอ หยางหรูไห่เป็นคนที่เหมือนกับเทพ เธอออกโรงเองน่าจะหาไท่ซ่างหวงกับเซียวเหยากงพบ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สนใจถามไถ่ทุกข์สุข ให้พี่ชายติดต่อโรงพยาบาลทันที ส่งโสวฝู่ไปตรวจก่อน พยายามให้พรุ่งนี้ได้ผ่าตัด
หยวนชิงโจวเห็นหยวนชิงหลิงร้อนใจ จึงโอบไหล่เธอแล้วปลอบ “วางใจเถอะ พ่อจัดการไว้แล้ว รอเธอพาคนมา ฉันจะส่งเขาไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ตรวจดูก่อน แต่เธอก็อยู่รอที่นี่นานไม่ได้นะ เธอต้องกลับสถาบันวิจัยที่อยู่เดิมกับฟางหวู”
ฟางหวูก็มองเธอด้วยความกังวลเช่นกัน กล่าว “เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้ว จะรอนานไม่ได้”
หยวนชิงหลิงเป็นห่วงไท่ซ่างหวงกับเซียวเหยากง กล่าว “ฉันจะรออยู่ที่นี่ก่อน เอาไว้พวกเขากลับมาแล้วค่อยไปด้วยกัน”
“ทางที่ดีก็อย่ารอเลย วางใจเถอะ หมอหยางต้องหาพวกเขาเจอ จัดการให้เรียบร้อยแน่ ลำบากขนาดนี้ยังกลับมาได้ จะเสียเวลาอยู่นี่ไม่ได้” ฟางหวูเตือน
โสวฝู่ฟังออกว่าในนี้ไม่มีคนอื่นแล้ว จึงกล่าว “พระชายารัชทายาท อาการป่วยของพระองค์ก็เร่งด่วนมาก ทรงเสด็จไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรออยู่ที่นี่”
“ไม่ได้ ท่านต้องไปโรงพยายามก่อน ท่านยังต้องผ่าตัดนะ” หยวนชิงหลิงหันไปมองทางโสวฝู่แล้วกล่าว
โสวฝู่ฟังคำพูดนี้แล้ว ใบหน้าก็เกิดความฉงนใจ ลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงถาม “ที่ทรงตรัสว่ารักษาโดยการผ่าตัด รักษาโดยการผ่าตัดมันเป็นอย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ? รักษาแล้ว กระหม่อมจะมองเห็น และจะไม่ตายหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ตอนแรกเขาไม่อยากมา แต่มาเป็นเพื่อนหยวนชิงหลิงเท่านั้น ตอนนี้ถึงฉุกคิดเรื่องการผ่าตัดอย่างจริงจัง
“เป็นไปได้สูง คุณโสวฝู่ คุณวางใจเถอะ!” หยวนชิงโจวตอบแทนหยวนชิงหลิง แล้วยังเสริมอีกประโยค “ผมเป็นหมอศัลย์ของคุณ ผมเคยผ่าตัดเคสประมาณนี้มาเยอะแล้ว แถมยังเป็นโรคที่ซับซ้อนกว่านี้อีก อัตราความสำเร็จสูงมาก คุณไม่ต้องกลัวครับ”
โสวฝู่นิ่งงันครู่หนึ่ง “ข้าไม่ได้กลัว เพียงแต่…”
“แค่หวังว่าไท่ซ่างหวงกับเซียวเหยากงจะอยู่กับคุณใช่ไหมครับ?” หยวนชิงโจวหัวเราะ เป็นหมอมาหลายปีขนาดนี้ เขาเข้าใจดีว่าคนที่กำลังจะผ่าตัดใหญ่พะวงเรื่องอะไรอยู่ หรือต้องการการพึ่งพิงทางจิตใจอะไร
โสวฝู่ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่เสริมอีกประโยคเรียบๆ “แค่อยากเห็นพวกเขาปลอดภัย”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาเป็นห่วงสองคนนั้น จึงกล่าว “แบบนี้แล้วกัน เราไม่ต้องรอแล้ว ข้าจะไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนท่าน ถ้าหมอหยางหาพวกเขาพบแล้ว ก็ให้พวกเขาพามาเจอกับพวกเราที่โรงพยาบาล ดีไหม?”
ไม่รอให้โสวฝู่เอ่ยปาก หยวนชิงโจวก็พูดขึ้นพลัน “เอาตามนี้แหละ”
เขาไปเตรียมรถทันที หลังจากขอบคุณลู่หยางและกำชับนิดหน่อยแล้วก็ขับรถจากไป
โสวฝู่มองไม่เห็นทาง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถอะไร แต่เขารู้สึกได้ถึงความเร็ว จึงอดตะลึงเป็นไม่ได้ นี่มันรถม้าอะไรกัน? ถึงกับวิ่งได้เร็วเพียงนี้ หากวิ่งเช่นนี้ต่อ วันหนึ่งมิใช่พันลี้หรือ?
แต่พอเสียงแตรรถดังขึ้น โสวฝู่ก็สะดุ้ง นี่มิใช่รถม้า นี่สยบสัตว์เทพชนิดใดมาลากรถให้พวกเขากัน?
ดีที่แคว้นนี้มิเคยจดจ้องเป่ยถัง มิเช่นนั้นเป่ยถังต้องมีศัตรูตัวฉกาจเพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่!
เมื่อถึงโรงพยาบาล ศาสตราจารย์หยวนกับแม่หยวนชิงหลินก็รออยู่ที่ปากประตูโรงพยาบาลแล้ว ก่อนหยวนชิงโจวจะออกรถได้โทรศัพท์หาพวกเขา ให้พวกเขารออยู่ที่โรงพยาบาล
เมื่อเห็นลูกชายเลี้ยวมา แม่หยวนชิงหลินก็แอบเช็ดน้ำตา การจากกันครั้งที่แล้ว กลัวแต่จะไม่มีโอกาสได้พบอีก คิดถึงทุกทิวาราตรี เมื่อรู้ว่าหยวนชิงหลิงตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูกสาว ก็เสียดายที่อยู่ข้างกายไม่ได้ ตอนนี้กลับมาอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือเป็นกรรมกันแน่ แต่ก็ช่างมันเถอะ แค่อยากกอดเธอแน่นๆ เท่านั้น
ครั้นจอดรถ ฟางหวูก็ประคองโสวฝู่ลงจากรถม้า ให้หยวนชิงหลิงได้เจอกับพ่อแม่
ไม่สนว่าปากประตูโรงพยาบาลจะมีคนผ่านไปผ่านมา เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นนัยน์ตาพ่อแม่มีความยินดีปนเศร้าแล้วก็ปวดใจทันที รีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ น้ำตาทำให้ดวงตาพร่าเบลออย่างรวดเร็ว มองหน้าพ่อไม่ชัด ในน้ำเสียงแหบแห้งมีความทุกข์ “พ่อคะ แม่คะ หนูขอโทษ ทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”
แม่หยวนชิงหลินกอดกลับ ตบหลังหยวนชิงหลิงเบาๆ ครั้งนี้แม่หยวนชิงหลินแสดงออกได้เข้มแข็งมาก ย้อนกลับมาปลอบ “ไม่เป็นไรหรอก เชื่อแม่ ต้องไม่เป็นไรแน่ การผ่าตัดของลูกกับใต้เท้าโสวฝู่ต้องสำเร็จแน่!”