บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1395 เจอแล้ว
เมื่อส่งทั้งสองไปตรวจแล้ว หมอก็เอาทองแห้วให้พยาบาล “เก็บให้พวกเขาก่อนนะครับ ไว้ค่อยคืนให้พวกเขา”
พยาบาลถือในมือ รู้สึกหนักมาก ประมาณก็หนักสิบตำลึงจริงๆ ประหลาดใจขึ้นมาทันทีเดี๋ยวนี้อุปกรณ์ในกองถ่ายทำเหมือนจริงขนาดนี้เลยเหรอ?
แต่ดูจากสีแล้วเหมือนจะไม่ใช่ทองบริสุทธิ์
พยาบาลคิดแล้วจึงกล่าว “ฉันจะให้หัวหน้าดูหน่อยแล้วกัน ถ้าเป็นของจริงหายไปนี่แย่เลยค่ะ”
เธอหมุนตัวออกไป
เซียวเหยากงกับไท่ซ่างหวงถูกเข็นไปที่ห้อง CT แสกนไท่ซ่างหวงนึกที่เมื่อครู่บอกชื่อและฐานะของตัวเองกับพวกเขา อาจเป็นภัยได้ ดังนั้นจึงกำชับกับเซียวเหยากง “หากพวกเขาถามอีก เจ้าก็อย่าบอกชื่อกับฐานะของตัวเอง บอกว่าจำอะไรไม่ได้แล้วก็พอ เอาไว้ไม่มีคนจับตามองมาก เราค่อยแอบหนีไป ต้องรีบขึ้นเขา พวกเขาคงหนาวตายอยู่บนเขาแล้ว”
เซียวเหยากงกระซิบ “หลักๆ ไม่รู้ว่าวรยุทธ์คนพวกนี้เป็นอย่างไรบ้าง ไม่แน่ว่าเราจะชนะ”
“ถึงว่านะสิ ดูลาดเลาก่อน จะเสี่ยงบุกเข้าไปไม่ได้ อย่างไรก็ไม่คุ้นคนคุ้นหนทาง หากเกิดเหตุจริงก็ไม่มีคนอารักขา” ไท่ซ่างหวงชี้แนะเป็นอย่างๆ
“ได้ ไม่สร้างเรื่องให้พระชายารัชทายาท จำได้” เซียวเหยากงเอ่ย
หลังจากปิดประตู พยาบาลก็ถามว่าในตัวพวกเขามีโลหะหรือไม่ ให้เอาออกให้หมด
เซียวเหยากงจึงเริ่มล้วงจากแขนเสื้อ หนึ่งก้อน สองก้อน สามก้อน สี่ก้อน ห้าก้อน…
ไท่ซ่างหวงมองตาค้าง “เจ้าก็ไม่รู้จักหนักนะ”
“ไม่มีเงิน ไปไหนก็ลำบาก ท่านอยู่ในวังนาน ไม่รู้สภาพความเป็นจริงโลกภายนอก ข้าเอาทองมาด้วย อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้อง” เซียวเหยากงเอ่ย
พยาบาลกับผู้ช่วยในห้อง CTแสกนมองจนอ้าปากตาโต ทองแท้เหรอเนี่ย?
ผู้ช่วยเก็บให้พวกเขา ให้พวกเขาเข้าไปอีกครั้ง ทำ CTแสกน ในสมองราวกับทำสงคราม ทันใดนั้นก็อื้ออึง ผู้ช่วยพยาบาลสองสามคนเข้ามากดไว้ พวกเขาถึงทำ CTแสกนจนเสร็จดีๆ
เพียงแต่ออกแรงไปยกหนึ่ง ไท่ซ่างหวงจึงอาเจียนออกมา หัวสมองมึนงง หมดกำลังไปทันที
เซียวเหยากงไม่เป็นอะไรมาก เวียนศีรษะนิดหน่อยเท่านั้น
หลังจากเข็นกลับไปแล้ว ครึ่งชั่วโมงให้หลังก็ได้ผลลัพธ์ สมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน หมอที่ห้องฉุกเฉินจึงแจ้งให้คนของแผนกสมองภายนอกลงมารับเรื่อง แล้วถึงส่งตัวยุ่งสองคนนี้ไป
พวกเขาเพิ่งถูกเข็นไป หยวนชิงโจวกับหยวนชิงหลิงก็เข็นโสวฝู่ลงมาตรวจ
หยวนชิงหลิงเปลี่ยนชุดแล้ว เพราะระหว่างทางกลับมา หยวนชิงโจวได้โทรศัพท์หาแม่ แม่จึงซื้อทันที
“ลุงครับ เดี๋ยวลุงไม่ต้องกลัวนะคะ ผมจะเข้าไปเป็นเพื่อนลุง เข้าไปแล้ว ลุงก็นอนที่…”
“กลิ่นน้องสิบแปด!” โสวฝู่แทรกการพูดของหยวนชิงโจว หูตั้ง หันหน้าใจจดใจจ่อ “น้องสิบแปดอยู่ที่นี่”
หยวนชิงโจวชะงัก “น้องสิบแปดอะไรครับ?”
หยวนชิงหลิงรีบถาม “ท่านวางใจเถอะ เอาไว้ทางนั้นมีข่าวแล้ว ข้าจะไปรับพวกเขาทันที หมอหยางต้องหาพวกเขาพบแน่ ไม่ต้องห่วง ตรวจร่างกายก่อนเถอะ”
โสวฝู่ร้อนรน “แต่กระหม่อมได้กลิ่นน้องสิบแปดพ่ะย่ะค่ะ กลิ่นการบูร เขาชอบเอามารมเสื้อผ้าที่สุด ร่างกายเขาชอบดึงดูดแมลง ก็เลยใช้เม็ดการบูร”
หยวนชิงหลิงได้กลิ่นแต่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ รู้ว่าเขาเอาแต่คิดถึงไท่ซ่างหวงกับเซียวเหยากง ถ้าทำให้เขาสงบใจไม่ได้ก็จะไม่ยอมเชื่อฟัง จึงกล่าว “ได้ ข้าจะออกไปหาดู ให้พี่ชายข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านตรวจร่างกายก่อน เอาไว้ตรวจเสร็จแล้วเราค่อยขึ้นห้องพักผู้ป่วย”
“รบกวนพระชายารัชทายาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โสวฝู่โล่งอก รู้ว่าพระชายารัชทายาทจะไม่ขอไปทีกับเขา
หมอในห้องCTแสกนมองผ่านกระจกแวบหนึ่ง หัวเราะพลางส่ายหน้า ทำไมวันนี้ถึงมีคนถ่ายละครมาหาหมอเยอะแยะได้?
เมื่อเห็นโสวฝู่เข้าไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็ออกมาโทรศัพท์หาฟางหวู ถามเธอว่าทางนี้มีข่าวแล้วหรือยัง
ฟางหวูก็โทรศัพท์ไปอีกทอด แต่หยางหรูไห่กลับบอกว่าไม่พอ ฟางหวูไม่กล้าบอกหยวนชิงหลิง บอกแต่ยังหาอยู่ ภูเขาลูกนี้ใหญ่เกินไป คงต้องรออีกชั่วโมงสองชั่วโมง
ตอนนี้หยวนชิงหลิงก็เริ่มเป็นกังวลแล้ว คงไม่เกิดเรื่องกระมัง?
เมื่อทำCTแสกนเสร็จ ไม่รอผลก็ขึ้นห้องพักผู้ป่วย ศาสตราจารย์หยวนเตรียมห้องเดี่ยวไว้ให้โสวฝู่
โสวฝู่กลับมาไม่ถึงสิบนาที ศาสตราจารย์หยวนก็เอารายงานการตรวจมา พูดกับหยวนชิงหลิงและโสวฝู่ว่า “เหมือนกับที่ลูกคาดการณ์ไว้ กะโหลกมีเลือดออก ลิ่มเลือดกดเส้นประสาทเลยทำให้ตาบอด ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าเส้นประสาทจะตาย แต่ถ้ารอต่อไปก็คงไม่ดี ต้องผ่าตัดให้เร็ว เป็นพรุ่งนี้เลยแล้วกัน”
หยวนชิงโจวมองฟิล์ม พยักหน้า “ครับ พ่อครับ การผ่าตัดพรุ่งนี้ผมทำเองแล้วกัน ไม่ซับซ้อน”
“ได้ มอบให้ลูกทำ!” ศาสตราจารย์หยวนมองโสวฝู่ เขาเคยได้ยินซาเลาเปากับเจ้าห้าพูดถึง เป็นโสวฝู่ขุนนางสำคัญของเป่ยถัย อุทิศทั้งชีวิตเพื่อเป่ยถัง เป็นขุนนางซื่อสัตย์ ศาสตราจารย์หยวนเคารพนับถือคนแบบนี้
เพิ่งถามสารทุกข์สุกดิบไปนิดหน่อย ก็ได้ยินโสวฝู่พูดอีก “ได้กลิ่นแล้ว เป็นน้องสิบแปด พระชายารัชทายาท ทรงรีบไปดูเถอะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขามากันแล้ว”
หยวนชิงหลิงเพิ่งผลักประตูก็เห็นพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดกับหยวนชิงโจว “หมอหยวนคะ มีคนไข้สองคนส่งมาจากห้องฉุกเฉิน ส่งไปที่เตียงห้าสิบหก ห้าสิบเจ็ด หมอหูบอกให้หมอไปดูหน่อยค่ะ คนไข้สองคนนี้สมองถูกกระทบกระเทือน อาเจียนสองครั้งแล้ว แต่ไม่ยอมอยู่เฉยเลย ไปนู่นไปนี่อยู่เรื่อย”
“ผมไปดูเองครับ” หยวนชิงโจวกล่าว
พยาบาลมองโสวฝู่แวบหนึ่ง หัวเราะ “บังเอิญจริงๆ คนไข้เตียงห้าสิบหก ห้าสิบเจ็ดสองคนนั้นก็เหมือนกับคนนี้เลยค่ะ ใส่ชุดละคร หนึ่งในนั้นยังขโมยหูฟังแพทย์ของหมอเฉินด้วยแน่ะ ยังไงก็ไม่ยอมคืน แทบทำพยาบาลห้องฉุกเฉินโกรธจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
หยวนชิงหลิงตะลึงงัน ผลักประตูสาวเท้ายาววิ่งไปทันที
เธอวิ่งไปที่ห้อง 507 มองหาเตียงห้าสิบหก ห้าสิบเจ็ด จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป เห็นหมอสองสามคนกับพยาบาลอีกหลายคนกำลังกดสองคนนั้น นี่ไม่ใช่สองคนนั้นหรือ? ไม่ใช่ปู่สองคนนั้นที่ออกไปหาทางออกหรือ?
“ปู่หก ปู่สิบแปด!” ใบหน้าหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยความดีใจ ตะโกนออกไป
ทั้งสองที่กำลังดิ้นอยู่หยุดการเคลื่อนไหว มองไปทางปากประตูพร้อมกัน หลังจากทำท่าตะลึงงันแล้ว เซียวเหยากงตะโกนออกไปด้วยความดีใจ “พระชายารัชทายาท!”
“ฉู่เสี่ยวอู่ล่ะ?” ไท่ซ่างหวงถามทันที
หยวนชิงหลิงรีบเดินเข้าไป มองทั้งสอง “ทำไมพวกท่านถึงมาโรงพยาบาลได้? บาดเจ็บหรือ?”
ศีรษะไท่ซ่างหวงถลอกนิดหน่อย เมื่อครู่ตอนที่อยู่แผนกฉุกเฉิน หมอได้ล้างแผลให้แล้ว ดังนั้นบนบาดแผลที่หน้าผากจึงยังมีคราบน้ำยาฆ่าเชื้อสีเหลืองอยู่
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปประคองไหล่เขา ดูว่ามีแผลภายนอกอื่นหรือไม่ แล้วถึงวางใจ
“ถูกรถม้าชนพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเหยากงเอ่ย
“สวรรค์ ไม่บาดเจ็บที่อื่นกระมัง?” หยวนชิงหลิงรีบถามหมอ “พวกเขามีปัญหาอะไรไหมคะ? บาดเจ็บตรงไหน?”
หมอหูมองหยวนชิงหลิง “คุณเป็นญาติเหรอครับ?”
“ค่ะ เป็นปู่ของฉันเอง!” หยวนชิงหลิงรีบพูด
หยวนชิงโจวก็เข้ามาด้วย เห็นว่าเป็นสองคนนั้นจริงๆ พลอยยกภูเขาออกจากอก ถามหมอหู “เป็นยังไงบ้างครับ?”
หมอหูตอบ “คนไข้ที่เรียกตัวเองว่า…ข้า ห้องฉุกเฉินประเมินว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนครับ เอกซเรย์แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ คิดว่าปัญหาไม่ใหญ่ สำหรับคนนั้น ก็เคยมีอาการคลื่นไส้เวียนหัว ขาขวากระดูกร้าว ต้องใส่เฝือก เอาไว้อาการสมองกระเทือนหายไปแล้วก็ส่งต่อไปแผนกกระดูกได้ครับ!”
หยวนชิงหลิงขยับเข้าดมตัวของเซียวเหยากง มีกลิ่นการบูรจางๆ จมูกของโสวฝู่เป็นจมูกสุนัขหรือยังไง? กลิ่นเจือจางขนาดนี้ยังได้กลิ่นอีก
“ฉู่เสี่ยวอู่ล่ะ?” ไท่ซ่างหวงถามอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ล้วงหูฟังแพทย์ออกมาจากหน้าอก “นี่ใช่ของเจ้าหรือไม่?”