บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1396 กลับไปบอกท่านพ่อก่อน
หยวนชิงหลิงตะลึง มองเขายื่นหูฟังแพทย์มาให้อย่างจริงจัง เขาจับไว้แน่น นัยน์ตามองหมอที่อยู่ด้านข้างอย่างระแวง ราวกับเกรงว่าพวกเขาจะแย่งไปอีก
ดวงตาหยวนชิงหลิงร้อนผ่าว แม้จะลี้ภัย แต่ก็ไม่ลืมเธอ เธอรับหูฟังแพทย์มา “เหตุใดยังนึกถึงของสิ่งนี้ให้หม่อมฉันอีกเพคะ?”
ไท่ซ่างหวงกล่าว “ที่นี่ข้าไม่รู้จัก แล้วยังมีคนใส่ชุดไว้ทุกข์มากมายเช่นนั้น ข้าหวั่นใจ หยิบอันนี้แล้วจึงจะอุ่นใจ”
ชุดไว้ทุกข์? หยวนชิงหลิงมองด้านข้างตามสายตาเขา ข้างๆ มีหมอกับผู้ช่วยยืนอยู่ สวมเสื้อคลุมสีขาว…เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว
“ฉู่เสี่ยวอู่ล่ะ?” ไท่ซ่างหวงถามอีก
หยวนชิงหลิงเห็นเซียวเหยากงก็มามองด้วย สีหน้าพวกเขามีความกังวล จึงรีบเอ่ย “ไม่เป็นไรเพคะ วางพระทัยเถอะ เมื่อครู่ทำการตรวจและส่งไปห้องพักผู้ป่วยเพคะ รอการผ่าตัดวันพรุ่งนี้”
“เช่นนั้นพระองค์ก็ให้คนขังพวกเราไว้ด้วยกันสิพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวเหยากงประคองศีรษะเอ่ย
หยวนชิงหลิงมองพี่ชาย “จัดการได้ไหมคะ? พวกเขาแยกกันไม่ได้”
หยวนชิงโจวกล่าว “ได้ ฉันจะไปจัดการ โสวฝู่ค่อนข้างตื่นเต้น หลักๆ เพราะเขาไม่เข้าใจการผ่าตัด เดี๋ยวตอนโกนหัวให้เขาจะยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม ถ้ามีคนคุ้นเคยกับคนที่เชื่อถืออยู่ด้วยน่าจะดีขึ้นมาก”
เขาหันไปพูดกับหมอหู “เสี่ยวหู เดี๋ยวผมจัดการเองครับ คุณไปทำงานต่อเถอะ!”
“ได้!” หมอหูมองสองผู้เฒ่าอีกครั้ง ประหลาดใจอย่างหนัก ตอนรู้จักใหม่ๆ เป็นคนของกองถ่าย แต่ต่อมาพอฟังการสนทนาของพวกเขาแล้วก็เหมือนว่าไม่ใช่ การเรียกตัวเองกับการสนทนาไม่ผ่านการเติมแต่ง
ขณะที่ย้ายไปห้องผู้ป่วย หยวนชิงหลิงช่วยพวกเขาเก็บของ บนเตียงของเซียวเหยากงมีถุงใบหนึ่ง ใช้ถุงพลาสติกสีเหลืองใบใหญ่บรรจุ หนักๆ ตอนยกขึ้นมาหมอหูก็พูดขึ้นพลัน “ก้อนทองเหลืองพวกนี้หนักมาก ต้องประคองข้างล่างด้วยนะครับ ไม่งั้นถุงจะขาด”
ก้อนทองเหลือง? หยวนชิงหลิงแกะถุงออกด้วยความสงสัย จากนั้นก็จะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ ตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองหลวงมาเขาหมื่นพุทธ จากทะเลสาบจิ้งมาถึงที่นี่ เขาไม่เคยบอกว่าพกทองมาเยอะขนาดนี้
เนื่องจากเทคโนโลยีในการหลอมทองสมัยโบราณล้าหลัง ดังนั้นสีจึงดูคล้ายกับทองเหลืองในตอนนี้ สีค่อนข้างซีด มิน่าล่ะเขาถึงบอกว่าก้อนทองเหลือง
แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่มีคนจ้อง
หลังจากย้ายไปห้องพักผู้ป่วยแล้ว สามเฒ่าก็ได้พบกันอีกครั้ง ตื้นตันมาก ครั้นถามไถ่สวัสดิภาพแล้ว ต่างคนต่างก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตนประสบ
เซียวเหยากงเอ่ยขึ้นอย่างสมจริงสมจัง “เราข้ามเขาไปหลายลูกติดกัน พอถึงเชิงเขา ตรงนั้นเยี่ยมยอดจริงๆ มีถนนหลวงสายหนึ่ง กว้างมาก ถนนหลวงสายนั้นช่างหรูหรา สองข้างทางแขวนตะเกียงสว่างมาก ลมแรงขนาดนั้น กลับไม่ดับ เห็นชัดว่าโคมไฟนั้นต้องดีเยี่ยมแน่ เรากำลังคิดจะหาคน แต่บนถนนหลวงก็มีรถม้าคันหนึ่ง…บางทีอาจมิใช่รถม้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เห็นม้า รถคันนั้นเร็วมาก ชนพวกเรากระเด็นไปเลย ชนจนเอวเจ้าหกแทบหัก สุดท้ายยังไม่ทันลุกขึ้นก็มีรถอีกคันชนมาอีก ดีที่ครั้งนี้เห็นก่อน เดินกำลังคุ้มกาย มิเช่นนั้นชีวิตไอ้แก่เจ้าหกต้องทิ้งอยู่ที่นี้แล้วเป็นแน่”
โสวฝู่ฟังจนกลัวตัวสั่น “ไยเจ้าไม่อารักขาเล่า? จากนั้นล่ะ? ต่อมามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เซียวเหยากงกลืนน้ำลายลงอึก ย้อนคิดแล้วก็ช่างหวาดกลัว “พอถูกชนครั้งที่สองก็ไม่กล้าลุกขึ้นแล้ว เกรงว่าจะถูกชนอีก ภายหลังคนกุมบังเหียนสองคนนั้นก็เรียกรถคันใหญ่มา รถคันนั้นก็เยี่ยมยอดไปแล้ว ด้านนอกนั่งได้อย่างน้อยสิบคน แต่เข้าไปแล้วกลับเล็ก หลักๆ เพราะข้างในวางสิ่งของมาก พวกเขาก็เยอะเกินไป ทั้งยังเอาเจ้าที่ส่องแสงได้มาด้วยอีก ไอ้ที่ส่องแสงพวกนั้นส่องได้ไกลมาก เราไม่รู้เบื้องหลังอีกฝ่าย ก็เลยไม่กล้าประมือ ตอนหลังพวกเขาก็ลากเรามาที่นี่นี่แหละ”
หยวนชิงหลิงฟังอยู่ด้านข้าง เอ่ยถาม “เช่นนั้นคนคุมบังเหียนที่ส่งพวกท่านมาเล่า? พวกเขาชนพวกท่านแล้ว เหตุได้ไม่อยู่เป็นเพื่อนพวกท่านล่ะ?”
“หนีไปแล้วแน่” เซียวเหยากงฮึดฮัด
หยวนชิงโจวหัวเราะพลางกล่าวอยู่ด้านข้าง “วางใจเถอะครับ หนีไปไม่ได้หรอก พวกเขาเคยมาโรงพยาบาล กล้องวงจรปิดจับภาพไว้แล้ว หมอทางห้องฉุกเฉินคงแจ้งความแล้วล่ะ”
“แจ้งความ? นั่นมิใช่ต้องสอบสวนเหรอ?” หยวนชิงหลิงตะลึง รีบมองไท่ซ่างหวงกับเซียวเหยากง พวกเขาทั้งสองไม่มีบัตรประชาชน เป็นคนเถื่อน ที่สำคัญที่สุดก็คือ การพูดของพวกเขาไม่เข้ากับที่นี่เลย ถึงตอนนั้นพูดไปไม่กี่คำก็ต้องถูกจับได้
“พวกเราบอกว่าตกใจหนัก ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เซียวเหยากงรู้จักเปลี่ยนตามสถานการณ์มาก
หยวนชิงหลิงยกนิ้วหัวแม่มือ “ใช่ พูดเช่นนี้แหละ!”
ถึงอย่างไรกล้องวงจรปิดจับภาพสองคนนั้นได้ ตำรวจต้องตามตัวพวกเขาเจอได้แน่
ฟางหวูทางนั้นโทรศัพท์มาหาหยวนชิงหลิง ให้เธอกลับสถาบันวิจัย เวลาไม่มากแล้ว เรื่องของเธอก็สำคัญมากเหมือนกัน
เดิมทีหยวนชิงหลิงอยากรอให้โสวฝู่ผ่าตัดเสร็จก่อน แต่ฟางหวูไม่เห็นด้วย การผ่าเร็วเป็นดี อีกอย่างการผ่าตัดของโสวฝู่ก็ไม่ค่อยอันตรายด้วย ไม่ต้องให้เธอเฝ้า
แม่หยวนชิงหลินก็โทรศัพท์มาเหมือนกัน บอกให้เธอกลับบ้านมาก่อน เปาเปามาแล้ว
หยวนชิงหลิงปวดใจทันที เจ้าห้ายังรอฟังข่าวอยู่แน่ะ ต้องให้เขารู้ว่าพวกเขาปลอดภัยดีเร็วๆ
เธอจึงกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็ขับรถของพี่ชายกลับบ้านทันที
ครั้นหยวนชิงหลิงไปแล้ว ไท่ซ่างหวงก็ถามหยวนชิงโจว “นางเป็นอะไรกับเจ้ากันแน่?”
“เป็นน้องสาวผมครับ!” หยวนชิงโจวหัวเราะพลางกล่าว เมื่อเห็นสีหน้างงงันของไท่ซ่างหวงแล้วก็พูด “คุณอย่าเพิ่งถามเลยครับ เรื่องนี้เธอต้องอธิบายกับพวกคุณให้ชัดเจนแน่ ตอนนี้ พวกคุณทั้งสามเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เธอก็รับการรักษาอยู่อีกที่หนึ่ง พวกคุณต้องหายแน่ เอาไว้หายแล้วก็กลับเป่ยถังด้วยกันได้แล้ว”
ไท่ซ่างหวงจ้องเขาอยู่นาน ทันใดนั้นก็เอ่ย “เจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง? หลานชายคนโตของเจ้าพระยาจิ้ง?”
เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าห้าบาดเจ็บในสนามรบ ระหว่างทางที่อารักขากลับ พระชายารัชทายาทกับลูกพี่ลูกน้องคนนั้นได้ช่วยกันรักษาให้เจ้าห้า เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไท่ซ่างหวงเพิ่งรู้ส่วนหนึ่งในภายกลัง ก่อนหน้านั้นไม่เคยเอ่ยถึง บัดนี้เมื่อเขาพูดขึ้นมา เขาจึงปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้
“ใช่ครับ ใช่!” หยวนชิงโจวไม่ปฏิเสธ
ทั้งสามต่างงุนงงเล็กน้อย หลานชายคนโตของเจ้าพระยาจิ้งมาที่นี่ได้อย่างไร?
ยุ่งจริง!
หยวนชิงโจวให้พวกเขาพูดทักทายกันก่อน ให้กำลังใจโสวฝู่ เพราะใกล้จะต้องผ่าตัดใหญ่แล้ว จำเป็นต้องผ่อนคลายอารมณ์ตื่นตระหนก
หยวนชิงหลิงกลับถึงบ้าน แม่กับเปาเปาก็รออยู่ที่บ้านแล้ว ครั้นเปิดประตูเข้าไป เปาเปาก็โผเข้ากอดทันที เด็กที่ไม่ร้องไห้ง่ายๆ แต่ขณะที่กอดเธอกลับปล่อยโฮออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลพราก ทั้งน้อยใจทั้งว้าวุ่น ร้องไห้ไปก็พูดไป “ท่านทำพวกเราตกใจหมดเลย ยังคิดว่าพวกท่านจะไม่ถึง ท่านพ่อตกใจจนพูดไม่เป็นแล้ว”
หยวนชิงหลิงปวดใจราวกับมีดเฉือน เจ้าห้าต้องเป็นห่วงแย่แน่ เธออดกลั้นความเจ็บปวดกอบใบหน้าของซาลาเปา เช็ดน้ำตาให้เขา แล้วหอมแก้มเขาอีกหลายฟอด สะอื้นเอ่ย “เปาเปาเป็นเด็กดี ไม่ร้องไห้ ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบกลับไปบอกท่านพ่อ ให้เขาวางใจ เรามาถึงอย่างปลอดภัย เอาไว้เรารักษาหายแล้วก็กลับไปหาเขาได้แล้ว”
ซาลาเปาหยุดร้องไห้ เอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ “ข้าจะมาหาท่านแม่อีก แต่ข้าต้องกลับไปก่อน ข้าต้องบอกท่านพ่อ ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง”
“ได้ เด็กดี!” หยวนชิงหลิงกล่าวเสียงแหบ กอดเขาอีกครู่หนึ่งแล้วจึงปล่อย กล่าว “”เจ้ากลับไปเถอะ ดูแลน้องๆ ให้ดี อย่าทำท่านพ่อโมโห รู้ไหม?
“ทราบแล้ว!” ซาลาเปารับคำเสียงอู้อี้ มองเธออย่างอาลัยอาวรณ์ทีหนึ่ง แล้วจึงหันตัวขึ้นตึกไป