บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1397 ก่อนผ่าตัด
ตั้งแต่หยวนชิงหลิงกระโดดลงทะเลสาบจิ้ง หยู่เหวินเห้าก็อยู่ตรงนั้นอยู่นาน นั่งอยู่ข้างทะเลสาบจิ้ง หัวใจราวกับถูกควักไปหมด ว่างเปล่า ไม่สมบูรณ์
เด็กๆ เฝ้าอยู่ข้างตัวเขา ซาลาเปาหลับไปแล้ว หลังจากตื่นขึ้นมาก็บอกว่าท่านแม่ยังไม่ถึง จากนั้นก็หลับไป
คำพูดนั้นทำให้หยู่เหวินเห้าแทบอยากกระโดดลงทะเลสาบจิ้ง เขาไม่กล้าคิดความเป็นไปได้อื่น ได้แต่คิดตลอดเวลาว่าพวกเขาโดยสวัสดิภาพ
อ๋องชินเฟิงอันและพระชายากลับสำนักเต๋าไปแล้ว แต่จะจากไปแล้วหรือไม่เขาก็ไม่รู้ แม่ทัพหลอกับสวีอีอยู่ที่ศาลาริมทะเลสาบเฝ้าพวกเขา พระชายารัชทายาทหายตัวไปในทะเลสาบพร้อมกับพวกไท่ซ่างหวง พวกเขาต่างรู้สึกแปลกและหวาดหวั่น พวกเขาต่างจากหยู่เหวินเห้า อย่างน้อยหยู่เหวินเห้าก็รู้ว่าที่นั่นมีอยู่จริง แต่พวกเขาแค่เห็นพวกพระชายารัชทายาทกระโดดลงไป แล้วก็หายตัวไปทั้งอย่างนั้น ความกระวนกระวายเริ่มจากที่พวกเขาหายตัวไป วนเวียนอยู่ในหัวสมองตลอด กลัวว่าพวกเขาจะจมอยู่ในนั้น
กระทั่งฟ้าสางแล้ว ซาลาเปาถึงตื่นขึ้นมา หยู่เหวินเห้ากอดเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยเลือดจับจ้องเขา ไม่กล้าถาม เพียงแต่รอด้วยความระส่ำระสาย
ซาลาเปากอดคอเขา พูดเสียงเบา “เจอท่านแม่แล้ว ท่านแม่ถึงแล้ว”
สูดลมหายใจลึก ราวกับเพิ่งรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ เขาเอามือปิดหน้าอยู่นานก็ไม่ปล่อย น้ำตาทะลักล้น วินาทีที่โล่งอก ความหวาดหวั่นและความหวาดกลัวทั้งหลายก็ผุดขึ้น ราวกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่เขา
เด็กๆ พลอยโล่งอก พากันกอดเขาและร้องไห้ตามเขา เด็กๆ ดีใจมาก เพราะรู้ว่าแม่ปลอดภัย แต่เมื่อเห็นพ่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็อดร้องไห้ตามไม่ได้
สวีอีกับแม่ทัพหลอเบือนหน้าไป น้ำตาร้อนยากจะอดกลั้น ทว่าหัวใจที่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มดวงนั้นกลับสู่ภาวะปกติเสียที
เพียงแต่เป่ยถังที่ไม่มีพระชายารัชทายาทมักให้รู้สึกขาดอะไรไป
หยวนชิงหลิงไปสถาบันวิจัยแล้ว แม่ของเธอไปเป็นเพื่อนด้วย ฟางหวูกับหยางหรูไห่รอเธออยู่ที่นั่น
หยางหรูไห่เตรียมล่วงหน้าแล้ว รอแต่เธอมา
หยวนชิงหลิงขอบคุณหยางหรูไห่อีกครั้ง หยางหรูไห่เห็นเธอตื่นตระหนกจึงพูดคุยกับเธอ ให้เธอผ่อนคลายอารมณ์ จากนั้นก็ให้กำลังใจเธออีก
“คุณเก่งมาก ตอนแรกฉันยังคิดว่าคุณจะเกิดความผิดพลาดในอุโมงค์เวลา โชคดีที่ไม่เป็นอย่างนั้นนะคะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยวนชิงหลิงก็รู้สึกงุนงง “ตอนที่จะออกมา พวกเราทั้งสามไม่เห็นจุดแดงหรือจุดเขียวอย่างที่คุณบอกเลยค่ะ ท่านโสวฝู่กลับเห็น แต่ตาเขาบอดนี่ แล้วทำไมถึงเป็นเขาที่เห็นล่ะคะ?”
หยางหรูไห่หัวเราะพลางอธิบาย “ฉันนำทางให้พวกคุณ ดูเหมือนจะเป็นลักษณะแสง แต่ที่จริงไม่ใช่แสงค่ะ เป็นจิตที่ชักนำจอตาของพวกคุณ แค่ละทิ้งแสงขาวที่พวกคุณเห็นก็จะรู้สึกได้ทันที แต่จิตใจพวกคุณตึงเครียดมากเกินไป แถมตลอดทางก็เห็นแสงมาเยอะ ตาลาย โสวฝู่ไม่ถูกสิ่งพวกนั้นรบกวน พอจิตเบนหาเขา เขาก็จับได้ทันที ”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง” เมื่อหยวนชิงหลิงฟังอีกฝ่ายพูดอย่างนี้แล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ครั้งนี้ที่กลับมาอย่างราบรื่นได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย ถ้าโสวฝู่ตาไม่บอดและถูกจุดแสงเข้ารบกวนได้ก็คงไม่เจอทางออก
การดลบันดาล ทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว การบาดเจ็บที่กะโหลดของโสวฝู่ กลับช่วยเธอในตอนท้ายสุด
หยางหรูไห่พูดคุยกับเธอนิดหน่อยแล้วก็เขาสู่เรื่องหลัก กล่าว “การปลูกถ่ายก้านสมองครั้งนี้มีความยากอยู่ แต่การผ่าตัดแบบนี้ฉันก็ทำมาหลายครั้งแล้ว สำเร็จหมด เพราะงั้นคุณไม่ต้องตื่นเต้น เชื่อพวกเรานะคะ”
หยวนชิงหลิงไม่มีความรู้ประเภทการผ่าตัดสักเท่าไร แต่รู้ว่าลำบากมาก กล่าว “งั้นทุกอย่างก็รบกวนคุณด้วยค่ะ”
“การผ่าตัดนี้ฉันรับผิดชอบเป็นหลัก แต่จะมีคนจำนวนหนึ่งมาช่วยเหมือนกัน พวกเขาเตรียมอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว” เธอหันกลับมาพูดกับฟางหวู “คุณช่วยเธอตรวจเบื้องต้นกับเตรียมก่อน การผ่าตัดจะเริ่มสามชั่วโมงให้หลังนี้ ระหว่างที่รอจะกินดื่มไม่ได้ หิวก็ทนเอา ตอนนี้เรามีงานช่วงแรกที่ต้องทำ ต้องเอาก้านสมองเดิมของเธอออกมาก่อน ใช้ยากระตุ้นการเชื่อมต่อของจิตแล้วเก็บในอุณหภูมิต่ำ เท่ากับการชัดดาวน์ เอาไว้ปลูกถ่ายสำเร็จแล้วค่อยเริ่มอีกครั้ง”
“ได้ค่ะ ฉันทำเอง!” ฟางหวูพูด
พอหยางหรูไห่เข้าไปแล้ว ฟางหวูก็ตรวจคลื่นสมองให้หยวนชิงหลิงก่อน
พอผลตรวจออกมา เธอก็ว่า “บางทีระยะอาจไกลไปหน่อย ตอนนี้อาการคุณไม่ถือว่าอันตรายมาก อยู่ได้อีกเดือนสองเดือน แต่จะยื้อต่อก็ไม่ได้ จัดการให้เสร็จๆ ไปจะได้วางใจนะคะ”
หยวนชิงหลิงมองภาพคลื่นสมอง กล่าว “ที่จริงพอฉันกลับมาที่นี่แล้วก็ไม่รู้สึกเวียนหัวอีกเลยค่ะ”
“เป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะการรับส่งระยะใกล้ ไม่ต้องผ่านมิติเวลาเป็นชั้นๆ” ฟางหวูหัวเราะพลางเอ่ย
หยวนชิงหลิงนั่งลง มองเธอ “ฟางหวู อุโมงค์เวลานี้ใช่รูหนอนหรือเปล่าคะ?”
ฟางหวูหัวเราะ “ค่ะ ใช่แล้ว อุโมงค์เวลาก็คือรูหนอนที่พวกคุณพูดนั่นแหละ ทุกทางเข้ามิติเวลาจะถูกดูดอยู่ในนั้นหมด รูหนอนไปได้ทุกมิติเวลา อดีต อนาคต แค่จับจุดได้ ก็ไปที่ที่คุณอยากไปได้ แต่รูหนอนก็ได้รับผลกระทบจากจักรวาล สนามแม่เหล็กกับพลังงานต่างๆ ง่ายมากเหมือนกัน กระทบแค่นิดเดียวก็จะกลายเป็นความคลาดเคลื่อนร้อยปีพันปี อย่างลมหมุนกับการบิดเบี้ยวของเวลาที่คุณกลับมาครั้งนี้ ทำให้กฎเกณฑ์หมุนกลับ เกิดความคลาดเคลื่อนมาก”
“มีรูนอนจริงๆ ด้วย!” หยวนชิงหลิงสะท้อนใจพูด การสืบหาจักรวาลของมนุษย์ไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ
“มีทฤษฎีรูหนอนจำนวนมากที่ถูกพูดถึงแล้วนะคะ แค่ไม่มีการวิจัยมากกว่าเดิมเท่านั้น หรือก็พูดได้ว่าคนที่หลงเข้ารูหนอนไม่ใช่คนที่วิจัยด้านนี้ ก็เลยคิดว่าเป็นความอัศจรรย์ คุณก็น่าจะทราบ จักรวาลมีพลังมหาศาล พลังพวกนี้พวกเรามองไม่เห็น แต่ก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีบางคนสามารถควบคุมพลังส่วนหนึ่งได้ และคนพวกนี้พวกเราก็มักเรียกว่าเทพ”
หยวนชิงหลิงฟังเธอพูดแบบได้อรรถรส อดหัวเราะพูดไม่ได้ “ดูท่าคุณคงหันมาวิจัยด้านนี้แล้วสินะคะ”
“ก็ใช่นะสิคะ ตอนนี้ฉันสนใจวัตถุพลังงานทุกอย่างในตอนนี้ แล้วยังคิดจะวิจัยสสารมืดด้วยค่ะ” ดวงตาฟางหวูเปี่ยมไปด้วยความรักในวิทยาศาสตร์ ราวกับหาทิศทางใหม่ เป้าหมายใหม่ มีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม
“ทิ้งการวิจัยยากระตุ้นสมองแล้วเหรอคะ?” หยวนชิงหลิงถาม
ฟางหวูเก็บสาย คิดครู่หนึ่ง “ที่จริงก็ไม่ถือว่าทิ้งค่ะ ฉันแค่คิดว่าการวิจัยและพัฒนาสมอง นอกจากจะใช้ยาแล้วยังมีวิธีอื่นอีก ยืมพลังจักรวาลมาใช้หน่อย ทำให้สมองของเราพัฒนาได้ไร้ขีดจำกัดได้ สุดท้ายก็จะบรรจบกับผลลัพธ์ยาที่วิจัยพัฒนา ”
เธอชะงักครู่หนึ่ง กล่าว “การค้นหาวัตถุพลังงานแบบนี้เป็นเรื่องที่ลำบากอย่างยิ่งยวด คนที่ทุ่มเทวิจัยด้านนี้มีไม่มาก แถมแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ได้อะไรด้วย พวกที่จับจุดได้ก็เป็นคนชั้นยอดที่ไม่ยอมแพ้ทั้งนั้น อย่างพวกหยางหรูไห่ ฉันคิดว่าที่จริงก็จับจุดวัตถุพลังชนิดนี้ได้แล้ว แต่พวกเขาไม่เอามาเพิ่มความทะเยอทะยานของตัวเอง แต่ใช้พลังพวกนี้ช่วยเหลือคนลับๆ แทน”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ได้ค่ะ หวังว่าคุณจะสำเร็จนะคะ”
สำหรับเรื่องนี้ จู่ๆ หยวนชิงหลิงก็พบว่าตนไม่มีสิทธิ์พูดให้มาก