บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1398 การผ่าตัดทุกด้าน
หลังจากตรวจเสร็จ ฟางหวูก็พาหยวนชิงหลิงไปดูสมองของลิง
เวลานี้สมองถูกเธอแช่แข็งอยู่ในกล่องกระจก แช่ตามอุณหภูมิในห้องเย็นเหมือนตอนนั้น ไม่ต่างสักนิด
กล่องกระจกเสียบสายหลายเส้น เชื่อมกับเครื่องตรวจคลื่นสมองและเครื่องวัดอุณหภูมิที่อยู่ด้านนอก
สมองนี้เป็นสีแดงสด ขนาดประมาณฝ่ามือ จากลักษณะและขนาด เห็นได้ว่าสมองเมื่อก่อนหน้านั้นของลิงวิวัฒนาการก้าวหน้าอยู่บ้าง
ฟางหวูหันกลับมายื่นกระดาษให้เธอ “นี่เป็นภาพวิเคราะห์ข้อมูลของมัน ดูแล้วเหมือนอะไรคะ?”
หยวนชิงหลิงมองภาพในกระดาษ เหมือนรูปภูเขา ครั้นแล้วเธอก็ผงะ “กระดูกมนุษย์หมาป่า?”
“ใช่กระดูกมนุษย์หมาป่าเหรอคะ?” ฟางหวูถาม
“ไม่แน่ใจค่ะ ฉันไม่เคยไปกระดูกมนุษย์หมาป่า แค่รู้สึกว่า…” หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็รู้สึกว่าการคาดเดานี้อาจเชื่อถือไม่ได้ เพราะเป็นแค่ภาพภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น ภูเขามีลักษณะคล้ายๆ กัน และเธอก็ไม่เคยไปกระดูกมนุษย์หมาป่า “งั้นนอกจากนี้ยังได้อะไรอีกไหมคะ?”
“ยังไม่มี เรื่องนี้เอาไว้ก่อน จัดการเรื่องของคุณแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ” ฟางหวูกล่าว
หยวนชิงหลิงมองภาพนั้น จดจำภาพนั้นในใจ คิดว่ากลับไปแล้วจะวาดลักษณะแบบนี้ให้หงเย่หรือฮุ่ยเทียนดู หากเป็นกระดูกมนุษย์หมาป่าจริง บางที…เรื่องของลิงก็อาจมีทางช่วย
การผ่าตัดนี้เป็นความลับขั้นสุดยอด ฟางหวูติดต่อกับเบื้องบนแล้ว สองสามวันนี้จะไม่มีใครมาสถาบันวิจัย และลู่หยางยังนำกำลังคนมาเฝ้าด้วยตนเองอีก
ตอนที่พวกเขาเข้ามา หยวนชิงหลิงเห็นคนหนึ่งในนั้นคุ้นหน้ามาก แต่ทรงผมไม่เหมือน บุคลิกก็ไม่ค่อยเหมือน ไม่รอให้เอ่ยถาม คนคนนั้นก็เข้ามาเรียกเธอก่อน “แม่ลูกศิษย์ผม ผมเอง จำไม่ได้แล้วเหรอ?”
“ฉีฮั่ว?” หยวนชิงหลิงเบิกตาโพลง มองชายคนนี้ที่ทรงผมราบหยาบกร้าน ทันใดนั้นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คุณเป็นคนที่นี่เหรอคะ?”
“แปลกมากเหรอ?” ฉีฮั่วโอบหญิงที่อยู่ข้างๆ “จะแนะนำให้รู้จักนะ นี่เยว่เอ๋อภรรยาผม!”
เยว่เอ๋อสวยมาก หน้าตาไม่ด้อยไปกว่าหรงเยว่เลย แต่ที่ดูดีมากกว่าก็คือบุคลิกของเธอ ดูใสสะอาดบริสุทธิ์ ละมุนน่ารักจับใจ น่าเกรงขามแต่สำรวม แค่ยิ้มนิดๆ ก็ราวกับบัวหิมะคลี่บานท่ามกลางความเคร่งขรึม ให้คนต้องกลั้นลมหายใจจดจ้อง แทบละสายตาไม่ได้
“ดอกเตอร์หยวน!” เยว่เอ๋อเรียกทีหนึ่ง ครั้นแล้วหยวนชิงหลิงจึงดึงสติกลับมา รีบตอบไป “สวัสดีค่ะเยว่เอ๋อ!”
เมื่อมองสองสามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้าคู่นี้แล้ว เยว่เอ๋อที่ตัวเล็กน่ารักเคียงข้างอยู่กับฉีฮั่วที่สูงใหญ่กำยำ กลับทำให้รู้สึกเหมือนโฉมงามกับอสูร
หยางหรูไห่โทรศัพท์ออกมาจากห้องผ่าตัด ให้ฟางหวูเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หยวนชิงหลิงข้างนอกก่อน วางยาสลบนอกห้องผ่าตัดก่อนแล้วค่อนเข็นเข้ามา หรือก็หมายถึงไม่ให้หยวนชิงหลิงได้เห็นทุกอย่างในห้องผ่าตัด
หยวนชิงหลิงกระซิบถามฟางหวู “ทำไมต้องวางยาสลบก่อนแล้วค่อยเข็นเข้าไปด้วยล่ะคะ?”
ฟางหวูกระซิบตอบ “ฉันได้ยินหมอหยางบอกว่าข้างในมีอารยธรรมเทคโนโลยีที่ไม่ใช่ของยุคนี้ค่ะ แล้วคุณก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่แผนกวิจัยด้วย ไม่เหมาะที่จะเห็น”
“อ้อค่ะ!” หยวนชิงหลิงพยักหน้า
เปลี่ยนชุดผ่าตัด นอนอยู่บนเตียง ปริมาณของยาสลบหยางหรูไห่เตรียมไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะวางยา ฟางหวูกล่าว “ต้องใช้เวลาประมาณสิบสองชั่วโมงในการผ่าตัด แต่หลังจากปลูกถ่ายสำเร็จแล้ว คุณต้องอยู่ในสถาบันวิจัยซักสี่ห้าวัน วางใจนะคะ ความทรงจำทั้งหมดของคุณจะยังอยู่ เพราะจะเอาฮิปโปแคมปัสในสมองคุณตอนนี้เข้ารวมกับฮิปโปแคมปัส ของคุณก่อนหน้านี้ เซลล์ประสาทจะกระตุ้นเครือข่ายหน่วยความจำใหม่ เก็บความทรงจำทั้งหมดของคุณไว้ แค่ต้องการกระบวนกับเวลาเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงทึ่ง “รวมฮิปโปแคมปัสทั้งสองเข้าด้วยกัน? ทำได้ด้วยเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ!” ฟางหวูยิ้ม “เชื่อพวกเธอนะคะ ผ่อนคลาย อย่าตื่นตระหนก”
หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกอยู่บ้าง ที่เธอกังวลก็คือการขาดหายของความทรงจำ จับมือฟางหวูพลัน “ความทรงจำของฉันจะไม่หายไปจริงเหรอคะ? แล้วนานเท่าไรถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม?”
“ประมาณสิบห้าวันค่ะ สมองของคุณมียาที่ฉีดเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้ เพราะงั้นถึงเราจะไม่ทำอะไร แต่ขอแค่ปลูกถ่ายสำเร็จ ความทรงจำทั้งหมดของคุณก็จะค่อยๆ กลับมารวมตัวกัน ถึงขนาดว่ารายละเอียดเรื่องเล็กน้อยตอนเด็กๆ ที่คุณอาจลืมไปแล้ว แต่ตอนนี้คุณก็จะจำได้ตลอดชีวิต”
เมื่อนั้นหยวนชิงหลิงจึงวางใจ หากไม่มีความทรงจำ เธอก็จะจำสามีกับลูกไม่ได้ จำทุกคนในเป่ยถังไม่ได้ อย่างนั้นแล้วจะหัวใจแตกสลายขนาดไหน?
ยาสลบเข้าสู่ร่างกาย ไม่นานหยวนชิงหลิงก็หลับตาลง
ก่อนที่ฟางหวูจะเข็นหยวนชิงหลิงเข้าไปได้โทรศัพท์หาแม่ของหยวนชิงหลิง บอกว่าการผ่าตัดจะเริ่มเดี๋ยวนี้แล้ว
แม่ของหยวนชิงหลิงมาที่นี่ไม่ได้ หยางหรูไห่ห้ามหมอพยาบาลที่นี่เข้าชม ด้วยความจนใจแม่ของหยวนชิงหลิงจึงได้แต่รออยู่ข้างนอก
ฉีฮั่วช่วยฟางหวูเข็นหยวนชิงหลิงเข้าห้องผ่าตัด มอบเธอให้กับหยางหรูไห่ จากนั้นทั้งสองก็ออกมา เดิมทีฟางหวูเข้าไปได้ แต่ในโรงพยาบาลยังมีชายชราสามคนอยู่ เธอต้องคอยรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นทางนั้น เพราะตอนนี้เธอเป็นคนเดียวที่พวกเขาคุ้นเคยในโลกนี้
ถึงพวกเขาจะไม่รู้จักเธอแล้วก็ตาม
ส่วนโรงพยาบาลทางนั้น ขาของเซียวเหยากงใส่เฝือกแล้ว ต้องดามเอาไว้ ดังนั้นเขาที่ชอบกระโดดโลดเต้นจึงลงพื้นไม่ได้อีก นอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง
สมองไท่ซ่างหวงถูกกระทบกระเทือนเล็กน้อย หลังจากให้ยา อาการเวียนศีรษะก็เบาลง ไม่อาเจียน แต่ยังต้องรอดูอาการอีก ส่วนการผ่าตัดของโสวฝู่ก็อยู่ระหว่างการเตรียมการ
หยวนชิงโจวรู้ว่าแม่รออยู่นอกสถาบันวิจัยจึงโทรศัพท์มาเกลี้ยกล่อม แต่แม่ก็ไม่ยอมไป จิตใจเธอหวั่นวิตก หยวนชิงโจวกลัวว่าเธอจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงว่า “แม่กลับบ้านก่อนเถอะครับ เปาเปาคงจะมาอีก ถ้าเขามาแล้วบ้านไม่มีคนอยู่ก็จะออกไปข้างนอก ทางนั้นต้องร้อนใจมากแน่ๆ”
แม่หยวนชิงหลินนึกถึงหลานคนโต จึงได้แต่ทำตาม ขับรถกลับบ้านไปรอก่อน แต่พอกลับถึงเปาเปาก็มาจริงๆ ก็ถือว่ามีคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่ถึงกับกังวลอยู่คนเดียว
เรื่องที่หยวนชิงหลิงผ่าตัดไม่ได้บอกกับทางไท่ซ่างหวง เกรงว่าพวกเขาจะเป็นห่วง บอกแค่ว่าตอนนี้เธอไปจัดการธุระ รอโสวฝู่ผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เธอถึงจะเริ่มผ่าตัด
ก่อนที่จะผ่าตัดโสวฝู่ก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา เมื่อเห็นหยวนชิงโจวถือกรรไกรกับปัตตาเลี่ยนก็ถาม “เจ้าบอกว่าการผ่าตัดนี้คือการผ่ากะโหลกของข้า แล้วเอาลิ่มเลือดในหัวข้าออกมา หมายความว่าเช่นนี้หรือ?”
“ครับ หมายความว่าอย่างนี้แหละครับ!” หยวนชิงโจวพยักหน้า
“เช่น…เช่นนั้นหัวข้าเปิดออกแล้วยังจะไม่ตายหรือ?”
“ก็ต้องไม่ตายสิครับ เอาไว้เอาลิ่มเลือดออกมาแล้วก็เย็บครับ”
โสวฝู่ลังเลครู่หนึ่ง “เย็บ? ใช้เข็มกับด้ายหรือ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ!” หยวนชิงโจวหัวเราะ “ไม่ต้องตื่นเต้นนะครับ เชื่อผม ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
โสวฝู่หน้าซีดเล็กน้อย “ใช้เข็มกับด้ายเย็บ หากข้าเคลื่อนไหวมากหน่อย เช่นนั้นด้ายมิต้องขาดอีกหรือ? เฉกเช่นเดียวกับเสื้อผ้า หากออกแรงกระชาก ด้ายก็จะขาด”
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ? แค่เย็บแค่ชั่วคราวเท่านั้น บาดแผลจะสมานเองครับ”
“เนื้อสมานได้ แต่กระดูกจะสมานอย่างไรเล่า? กระดูกศีรษะเปิดออกแล้ว จะติดกันอีกได้อย่างไร” โสวฝู่รู้สึกว่าการผ่าตัดนี้ทารุณยิ่งนัก