บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1401 วุ่นวายโกลาหล
ก่อนที่ตำรวจจราจรจะมาถึง ก็ได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาว่า ผู้บาดเจ็บทั้งสองมีอาการประสาทหลอนเล็กน้อยหรือปานกลาง ดังนั้น เมื่อได้เห็นการแสดงออกของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจมาก แม้ พวกเขาจะคิดว่าอาการนี้ไม่ใช่อาการระดับปานกลาง อาจเป็นถึงกระทั่งอาการที่สาหัสที่สุด
ไถ่ถามชื่อและการงานก่อน เซียวเหยากงก็ทำตามคำกำชับของหยวนชิงหลิง ไม่รู้อะไรเลย แม้แต่ชื่อก็จำไม่ได้ พวกเขาบอกว่าเพียงแค่บอกว่าจำไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาหลักฐานอะไรมายืนยัน
คิ้วของตำรวจจราจรขมวดเข้าหากันหนักขึ้น แบบนั้นสิ่งที่ถามนี้ก็ไม่ได้มีความหมายมากนัก แม้แต่ชื่อตัวเองก็ยังจำไม่ได้ แล้วยังจำเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นได้หรือ?
ทว่า ขณะที่บรรยายลำดับการเกิดเรื่อง ก็กลับทั้งชัดเจนและ…….สับสน
ตำรวจจราจรจดคำหลักไว้เงียบๆ มีรถม้าที่ไม่มีม้าสองคันชนพวกเขาตามลำดับก่อนหลัง ขณะที่รถม้าคันแรกชน เอวเกือบหัก ขาก็เกือบหัก ตอนที่รถม้าคันที่สองชน เพราะใช้วิชาตัวเบา แต่วิชาตัวเบาไม่ได้แสดงออกมา ด้วยเหตุนี้ก็ยังถูกชนเข้าอีก ครั้งที่สองไม่ได้นับว่าเจ็บมาก แค่ตกใจจนไม่กล้าลุกขึ้น กลัวถูกรถม้าชนอีก
จากนั้นก็มีรถม้าที่ไม่มีม้าคันที่สามเข้ามาอีก มีคนชุดขาวหลายคน มีทั้งชายหญิง เอาพวกเขาหามขึ้นบนรถคันนั้น และเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธที่จู่โจมพิเศษ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่คุ้นเคยกับที่ทาง ไม่มีผู้สนับสนุนเบื้องหลังในสถานที่แห่งนี้ ไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว จึงถูกส่งตัวเข้ามาด้วยความลำบากเช่นนี้แล้ว ต่อมาถึงได้รู้ว่าเป็นการรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขา ก็น่าจะเป็นคนดี
หลังจากตำรวจจราจรได้จดบันทึกด้วยคำพูดที่ไม่สามารถอธิบายได้คำเดียว เอ่ยถาม“คนขับรถที่ชนพวกคุณบาดเจ็บก็พาพวกคุณมาส่งที่โรงพยาบาลด้วย แต่พวกเขาไม่ได้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พวกคุณก็จากไปแล้ว พวกเขาได้บอกพวกคุณหรือไม่ว่าพวกเขากลับไปเตรียมเงินแต่ไม่ใช่ว่าหนีไปแล้ว?”
“ไม่มี สองคนนั้นพูดพล่ามไม่หยุด ตามรถม้ามาตลอดทาง พูดเรื่องเพ้อเจ้อมากมาย อันที่จริงก็แค่สองคำ ไม่มีเงิน” เซียวเหยากงพูดพลางก็หยิบถุงกีบม้าทองคำออกมาจากด้านข้างถุงหนึ่ง กล่าวอย่างภูมิใจเล็กน้อย“พวกเขาไม่มีเงิน พวกเรามี ค่ายานี่เราสามารถจ่ายได้”
ตำรวจจราจรมองดูถุงกีบม้าทองคำ ก็อึ้งไปแล้ว “ให้พวกเราดูได้ไหม?”
“ดูก็สามารถดูได้” เซียวเหยากงให้พวกเขาดูด้วยความใจกว้าง อย่างไรก็เป็นคนของราชสำนัก เชื่อถือได้
ตำรวจจราจรหยิบถุงกีบม้าทองคำออกมาดู แม้จะไม่มีความสามารถในการทดสอบอย่างครบครัน แต่ว่า ของสิ่งนี้หนักมาก แล้วก็ดูเหมือนทองคำแท้ กลับกันเมื่อมองไปตรงตัวอักษรที่สลักด้านใต้ของกีบม้าทองคำ ทั้งสองคนก็ตะลึงเล็กน้อย คงไม่ใช่ของเก่าแก่หรอกนะ? งั้นก็มีค่ามากเชียว
กีบม้าทองคำสมบูรณ์แบบและไม่เคยถูกกัดกร่อนมาก่อน กระทั่งตัวอักษรที่สลักด้านใต้ก็ไม่ได้ถูกขูดขีดเสียหายมาก่อนเลย จะเป็นของที่ฝังไปพร้อมกับศพหรือไม่? พวกเขาสองคน จะเป็นโจรที่ขโมยของจากสุสานหรือไม่?
ฟางหวูเห็นสีหน้าประหลาดใจของพวกเขา จึงคว้ากลับมา กล่าวว่า“นี่เป็นอุปกรณ์การแสดงของกองละคร”
แต่ตำรวจจราจรกลับรู้สึกว่าไม่เหมือนอุปกรณ์การแสดง อุปกรณ์การแสดงของกองถ่ายนั้นทำขึ้นตบตาและไม่ได้ประณีต แต่กีบม้าทองคำเหล่านี้ดูเหมือนทองโบราณที่ไม่ได้ผ่านการขัดเงาหลายครั้งมาก่อน
“อุปกรณ์การแสดงอะไร? เป็นของข้า ทองคำของข้า” เซียวเหยากงไม่เชื่อใจฟางหวูเป็นอย่างมาก บอกให้นางเอากลับมา
ต้องเชื่อฟางหวู เชื่อถือเจ้าหน้าที่ราชการยังจะดีซะกว่า
“ผู้เฒ่า ทองคำนี้คุณเอามาจากที่ไหน?” ตำรวจจราจรเอ่ยถาม
ที่มาของทองคำนี้ อธิบายไปเกือบครึ่งชั่วโมง เซียวเหยากงยืนกรานว่าเป็นของตัวเอง แรกเริ่มฟางหวูยังกระวนกระวายเล็กน้อย แต่ เห็นว่าสามารถถ่วงเวลาได้ ก็ไม่ได้สนใจแล้ว
ในที่สุด โทรศัพท์ก็ดังแล้ว หยวนชิงโจวโทรศัพท์ออกมา น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและความดีใจ “การผ่าตัดสำเร็จแล้ว จะส่งกลับไปที่ห้องผู้ป่วยเดี๋ยวนี้”
ฟางหวูวางสายโทรศัพท์ กล่าวกับตำรวจจราจรทั้งสอง“พวกคุณถามไปก่อน ฉันยังมีธุระต้องทำ ต้องไปจัดการก่อนแล้ว”
พูดจบ เธอหมุนตัวแล้วออก ประเดี๋ยวโสวฝู่ก็จะต้องถูกส่งกลับมาแล้ว เธอไม่สามารถอยู่ตรงนี้แบกรับอารมณ์ของทั้งสองท่านนี้ได้ ต้องแวบแล้ว
ในการสอบถามของตำรวจจราจร บุคลากรทางการแพทย์และหยวนชิงโจวก็ส่งโสวฝู่กลับไปที่ห้องผู้ป่วยพร้อมกัน
และจนเวลานี้เอง ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงถึงได้รู้ว่าโสวฝู่ไปเปิดหัวสมองของตัวเอง เดือดดาลจนควันออกหู ไท่ซ่างหวงคว้าคอเสื้อของหยวนชิงโจวไว้จะชกเข้าไป ตำรวจจราจรรีบกั้นออกไป ในใจรู้สึกเหนื่อยล้ามากจริงๆ พวกเขาแค่มาสืบคดีการจราจร แล้วจะรับมือกับคดีโจรขโมยของที่สุสานและรับมือกับการทะเลาะกันในโรงพยาบาลได้อย่างไร?
ถึงสุดท้าย แม้จะต่อยพี่ชายของหยวนชิงหลิงไม่สำเร็จ แต่เขาอยู่ด้านหน้าของไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากง ความน่าเชื่อถือมลายหายไปโดยสิ้นเชิง เหมือนดังฟางหวู ก็ถูกขึ้นบัญชีดำไปด้วยกันแล้ว
บวกกับหลังจากที่โสวฝู่ผ่าตัดแล้ว ยังไม่ฟื้น แม้ว่าจะยังมีลมหายใจ แต่บนร่างกายเสียบสิ่งของไว้มากมาย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็น่ากลัว ไท่ซ่างหวงยืนกรานต้องการจะพาโสวฝู่จากไป อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้
สุดท้ายจนปัญญาแล้วจริงๆ เชิญศาสตราจารย์หยวนเข้ามา อย่างไรก็เป็นคนแก่ที่อายุมากหน่อยผู้หนึ่ง บวกกับศาสตราจารย์หยวนถือรูปของคุณย่าหยวนออกมา บอกพวกเขาทั้งสองคนว่า เขาเป็นลูกชายของหญิงชราในรูปท่านนี้ จึงทำให้ไท่ซ่างหวงใจเย็นลง
ไท่ซ่างหวงถือรูปแล้วมองดูอยู่นาน แม้ว่าเสื้อผ้าจะไม่เหมือนกัน ทรงผมก็ไม่เหมือนกัน แต่ดูลักษณะแล้วก็เหมือนกัน
“เจ้าเป็นลูกชายของจูตี้? แต่จูตี้ไม่ใช่คนของแคว้นต้าซิงหรือ? ที่นี่ของพวกเจ้าคือแคว้นต้าซิงหรือ?” ไท่ซ่างหวงถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แคว้นต้าซิงครับ ความจริงแม่ของผมก็ไม่ใช่คนของแคว้นต้าซิง เดิมทีนางเป็นคนที่นี่” ศาสตราจารย์หยวนเห็นว่าพวกเขาเริ่มสงบสติอารมณ์ลง จึงกล่าว“เรื่องนี้น่ะ เดิมทีก็ยากที่จะอธิบายให้พวกท่านฟังอย่างละเอียด อย่างไรเสียรอจนเสี่ยวหลิงเอ่อผ่าตัดเสร็จ พวกท่านก็กลับไปกันแล้ว จะไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก แต่ว่า ได้ยินทางนั้นบอกว่า หลังจากที่เธอผ่าตัดเสร็จแล้ว ยังต้องอยู่ที่สถาบันวิจัยอีกสิบห้าวัน สิบห้าวันหลังจากนั้น ไม่แน่อาจจะยังไม่หายดี เพราะฉะนั้น พวกท่านทั้งสามคนจะต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยสองถึงสามเดือน ผมคิดว่าก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังอีก งั้นก็พูดเลยละกัน”
เซียวเหยากงและไท่ซ่างหวงมองดูเขาด้วยสีหน้างุนงงทันที “เช่นนั้นเจ้าก็พูดมาสิ”
ศาสตราจารย์หยวนกล่าว“จูตี้ที่ท่านพูดถึงเป็นคุณแม่ของผม และผมก็เป็นพ่อของพระชายารัชทายาทหยวนชิงหลิงที่พวกท่านรู้จัก เป็นพ่อแท้ๆ…….”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เซียวเหยากงก็สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ “เจ้าจะบอกว่า เจ้ามีชู้กับนางหวงหรือ?”
“นางหวงเป็นใคร?” ตอนนี้ถึงคราวศาสตราจารย์หยวนงงงันแล้ว
“ก็คือฮูหยินเจ้าพระยาจิ้งไงล่ะ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นพ่อแท้ๆของพระชายารัชทายาท เช่นนั้นก็หมายความว่าพระชายารัชทายาทก็คือเจ้าและนางหวงเป็นผู้ให้กำเนิดหรือ? เช่นนั้นเจ้าพระยาจิ้งก็ถูกสวมเขาแล้วน่ะสิ?” เซียวเหยากงตกใจจนปากอ้าตาค้างแล้ว
ศาสตราจารย์หยวนตะลึงงัน “ไม่ใช่ ไม่ใช่ความหมายนี้ นางหวงก็ไม่ใช่แม่ของเสี่ยวหลิงเอ่อ แม่ของเธอคือภรรยาของผม”
เซียวเหยากงสบตากับไท่ซ่างหวงแวบหนึ่ง ทั้งสองล้วนรู้สึกว่าในดวงตาของฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง อะไรกับอะไรกัน?
ไท่ซ่างหวงลองวิเคราะห์เล็กน้อย “เจ้าจะบอกว่า เจ้าพระยาจิ้งสามีภรรยาไม่ใช่ท่านพ่อท่านแม่แท้ของหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงเป็นลูกสาวแท้ๆของเจ้าและภรรยา เช่นนั้นก็หมายความว่า หยวนชิงหลิงถูกพวกเจ้าทอดทิ้งจากนั้นก็ถูกเจ้าพระยาจิ้งสามีภรรยาเก็บไปเลี้ยงงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้ทอดทิ้งนาง ตั้งแต่เด็กพวกเราก็รักและทะนุถนอมนางเป็นที่สุด ให้การอบรมสั่งสอน เลี้ยงดูมาตลอดจนเรียนจบและไปทำงาน”
เซียวเหยากงกล่าวว่า“แต่พระชายารัชทายาทเติบโตในจวนของเจ้าพระยาจิ้ง หรือความหมายที่เจ้าจะบอกคือพระชายารัชทายาทไม่ได้เติบโตมาในจวนเจ้าพระยาจิ้งหรือ?”
ศาสตราจารย์หยวนคิดครู่หนึ่ง “พระชายารัชทายาทเติบโตที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง อันนี้ไม่ผิด…….”
“แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่า นางเติบโตมาข้างกายของพวกเจ้า?”