บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1402 การผ่าตัดสำเร็จ
ศาสตราจารย์หยวนพยักหน้า แต่หน้าผากเริ่มมีเหงื่อผุดแล้ว “เติบโตข้างการของพวกเรา”
“ก็เท่ากับว่า ในขณะเดียวกันนางได้เติบโตในจวนเจ้าพระยาจิ้งและข้างกายของพวกเจ้า? ใช่หรือไม่?” ไท่ซ่างหวงมองดูเขาแล้วกล่าว
ศาสตราจารย์หยวนปาดเหงื่อ “เอ่อ…….ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ละมั้งครับ”
เขาเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับการอวดฉลาดของตัวเองแล้ว มิน่าล่ะลูกสาวถึงไม่พูด ที่แท้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่าเรื่องนี้จะง่ายมาก แต่อีกฝ่ายก็หลงประเด็นได้ง่าย และเขาก็มักถูกอีกฝ่ายทำให้หลงประเด็นอย่างง่ายดาย
เขาลองกลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง “อันที่จริงไม่ใช่คนเดียวกัน ที่เติบโตอยู่ในจวนเจ้าพระยาจิ้ง คือหยวนชิงหลิง ที่เติบโตอยู่ข้างกายของพวกเรา คือ…….”
“คืออะไร?” ทั้งสองคนมองดูเขา ทำไมพูดไปพูดมาก็ชะงักแล้วล่ะ?
ศาสตราจารย์หยวนกล่าวอย่างจนปัญญา“ก็คือหยวนชิงหลิง แต่ไม่ใช่หยวนชิงหลิงของจวนเจ้าพระยาจิ้ง”
“ดังนั้นเจ้าหมายความว่ามีหยวนชิงหลิงสองคน เช่นนั้นหยวนชิงหลิงคนไหนจึงจะเป็นพระชายารัชทายาท?”
ศาสตราจารย์หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ “เป็นทั้งสอง”
“ดังนั้นพระชายารัชทายาทมีสองคนหรือ?”
ศาสตราจารย์หยวนมองพวกเขาอย่างมึนงง พยักหน้าด้วยความลังเล
เซียวเหยากงและไท่ซ่างหวงมองเขาครู่หนึ่ง พยักหน้าพร้อมกัน “เข้าใจแล้ว!”
“เข้าใจแล้วเหรอ?”
“เข้าใจแล้ว!” ไท่ซ่างหวงมองเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าใจที่แท้บุตรชายของจูตี้นั้นสมองไม่ค่อยจะดีนัก
แต่ศาสตราจารย์กลับรู้สึกร้อนใจเล็กน้อยแล้ว “เข้าใจแล้วจริงๆเหรอ?” แต่ทำไมเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดให้เข้าใจล่ะ?
ไท่ซ่างหวงตบไหล่ของเขา “เรื่องนี้เข้าใจ ไม่งั้นพวกเรามาพูดเรื่องของเจ้ากับจูตี้จะดีซะกว่า เจ้าเป็นบุตรชายของจูตี้? นางไม่ใช่คนของแคว้นต้าซิง นางเป็นคนที่นี่ ต่อมานางออกจากบ้านเกิดเมืองนอนไปยังแคว้นต้าซิง เป็นเช่นนี้หรือ
ศาสตราจารย์หยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่ได้ผิด จึงพูดขึ้นว่า“ใช่ เป็นเช่นนี้!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!” ไท่ซ่างหวงพยักหน้า
ศาสตราจารย์หยวนรู้สึกผิดปกติ เรื่องนี้ไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ แต่ว่าสมองของเขาก็ถูกทำให้สับสนยุ่งเหยิงแล้ว เป็นเวลานานถึงจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดประโยคหนึ่ง “ที่ทำการผ่าตัดให้โสวฝู่คือลูกชายของผม เป็นลูกชายแท้ๆของผม ไม่ใช่หลานชายคนโตของจวนเจ้าพระยาจิ้ง”
“อ๋อ!” ครั้งถึงคราวเซียวเหยากงเปล่งเสียงแล้ว เขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อย “มิน่าล่ะเขาถึงไม่ได้เจ้าเล่ห์เหมือนเจ้าพระยาจิ้ง แต่กลับโง่เขลาเบาปัญญาเล็กน้อย ที่แท้ก็ล้วนเหมือนกับบิดาแท้ๆนี่เอง”
ศาสตราจารย์หยวนมองดูเซียวเหยากง โง่เขลาเบาปัญญาอะไรแล้วยังจะเหมือนบิดาอีก?
เขายอมแพ้แล้ว รอลูกสาวออกมาแล้วค่อยอธิบายดีกว่า อย่างไรซะก็มีชื่อเสียงของคุณแม่อยู่ อย่างน้อยในระยะเวลาสั้นๆนี้ก็ทำให้ทั้งสามท่านสงบลงได้ และสามารถทำให้พวกเขาเชื่อถือได้
ไม่นานโสวฝู่ก็ฟื้นแล้ว สะลึมสะลือ แต่เพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด
ไท่ซ่างหวงเฝ้าเขาอยู่ข้างๆ เห็นเขาเปล่งเสียงเบาๆออกมาคำหนึ่ง เอ่ยถาม“เจ็บไหม?”
“ไม่เจ็บ” เสียงของโสวฝู่แผ่วเบาเป็นอย่างมาก ท่าทางเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงสักนิด และมองไม่เห็นไท่ซ่างหวง อดที่จะผิดหวังไม่ได้ “ไม่ได้บอกว่า การผ่าตัดสำเร็จแล้วหรือ?”
ไท่ซ่างหวงกล่าวปลอบใจ“สำเร็จแล้วล่ะ หลายชายคนโตบอกว่าสำเร็จ”
“แต่ข้ายังมองไม่เห็นพวกท่าน” โสวฝู่ถอนใจเฮือกหนึ่ง
ไท่ซ่างหวงชะงักครู่หนึ่ง กล่าว“นี่อาจจะเกี่ยวกับที่เจ้ายังปิดตาอยู่”
โสวฝู่ตะลึง ยกมือขึ้นช้าๆคลำที่ดวงตา พันผ้าอยู่จริงๆด้วย เขาหัวเราะอย่างอ่อนล้าเล็กน้อย “อ๋อ!”
หลังจากยาชาหมดไป โสวฝู่ก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงทำได้เพียงเฝ้าอยู่เคียงข้างเขา ช่วยเหลืออะไรไม่ได้สักน้อย กังวลใจมาก และสงสารเป็นอย่างมาก
เวลานี้ หยวนชิงโจวก็มีความสำคัญอย่างยิ่งแล้ว การมาถึงของเขา จะบรรเทาอาการปวดของโสวฝู่ได้เสมอ เช่นการให้ยา เช่นการฉีดยาแก้ปวด หลังจากเขามาถึง อาการของโสวฝู่ก็จะดีขึ้น ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงจึงเปลี่ยนทัศนคติต่อเขา เปลี่ยนเป็นเชื่อใจเขามาก
หยวนชิงโจวบอกสถานการณ์ของโสวฝู่ต่อพวกเขา “ก้อนเลือดทั้งหมดรวมทั้งก้อนเลือดที่กดทับเส้นประสาทได้ขจัดออกหมดแล้ว ดวงตาของเขาจะมองเห็นอีกครั้ง จนถึงวันพรุ่งนี้ก็จะช่วยแกะผ้าพันดวงตาออกให้เขา ถึงเวลา เขาก็จะสามารถเห็นพวกท่านได้แล้วครับ”
ไท่ซ่างหวงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็วางใจในอาการของโสวฝู่ แต่เขากลับไม่วางใจหยวนชิงหลิง “พระชายารัชทายาทไปที่ไหนแล้ว? นางแอบไปผ่าตัดแล้วใช่หรือไม่? การผ่าตัดของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”
ไท่ซ่างหวงรู้ตัวเองดีว่าเป็นเช่นไร แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะผ่าตัด ก็จะปิดบังเขา ดังนั้นจึงถามเช่นนี้
หยวนชิงโจวพยักหน้า อันที่จริงเขาก็เป็นห่วงเช่นกัน เพราะว่า การผ่าตัดทำไปแล้วไม่เพียงแค่สิบสองชั่วโมงเท่านั้น จนถึงตอนนี้ ก็สิบห้าชั่วโมงแล้ว เขาโทรหาฟางหวู บอกว่ายังไม่ออกมา
“อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง?” ทั้งสามท่านเขาถามขึ้นพร้อมกัน
หยวนชิงโจวได้แต่ปลอบใจพวกเขา “ยังไม่รู้ครับ การผ่าตัดยังไม่เสร็จ การผ่าตัดของเธอค่อนข้างซับซ้อน คาดว่าคงไม่ได้เสร็จเร็วขนาดนี้ แต่พวกท่านทั้งสามก็วางใจได้ ผู้ที่ผ่าตัดให้เธอ ได้ชื่อว่าหมอเทวดา มีความสามารถมาก ที่พวกท่านสามารถมาได้ในครั้งนี้ ทั้งหมดก็อาศัยความช่วยเหลือจากเธอ”
“พระชายารัชทายาทก็ผ่าหัวสมองด้วยหรือ?” โสวฝู่เอ่ยถาม
“อืม เธอก็เหมือนกันครับ”
“เช่นนั้นคาดว่าก็ไม่เป็นไร ผ่าสมองก็ยังค่อนข้างปลอดภัย” หลังจากที่โสวฝู่ได้ผ่านประสบการณ์การผ่าตัดสมองมาเองแล้ว รู้สึกว่าเปิดสมองก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย
โดยปกติโสวฝู่เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายแขนงที่สุด เขาพูดเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงก็ต่างเชื่อถือ ฉะนั้นจึงไม่ได้กังวลเพียงนั้น
ภายในสถาบันวิจัย
การผ่าตัดของหยวนชิงหลิง ใช้เวลาดำเนินการถึงยี่สิบชั่วโมงเต็มๆจึงจะเสร็จสิ้น
เมื่อฟางหวูออกจากโรงพยาบาลก็มาเฝ้าทางนี้แล้ว เห็นหยางหรูไห่ออกมา เธอก็รู้สึกโล่งใจ
“เป็นยังไงบ้าง?” ฟางหวูเอ่ยถาม
หยางหรูไห่ถอดหน้ากากลง ปรากฏรอยยิ้มปลอบใจออกมา “การผ่าตัดราบรื่นมาก”
ฟางหวูโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง บอกคำหนึ่งว่าลำบากแล้ว จากนั้นก็ถามขึ้นทันที “หากว่าการผ่าตัดราบรื่น ทำไมถึงต้องนานขนาดนี้?”
“มีอาการที่แปลกประหลาดเล็กน้อย กำลังรอสังเกตอาการพอดี!” หยางหรูไห่นั่งลง ฟางหวูยกแก้วน้ำขึ้น เห็นคนสองสามคนทยอยกันออกมา คนเหล่านี้สวมหน้ากากปิดหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง เพราะสวมเสื้อคลุมผ่าตัด บนศีรษะก็สวมหมวกผ่าตัด แม้กระทั่งชายและหญิงก็ล้วนแยกไม่ออก
หลังจากที่คนเหล่านี้ออกมา หยางหรูไห่ก็ยืนขึ้นกล่าวขอบคุณรอบหนึ่ง แล้วส่งออกจากประตูไป ไม่ได้พูดอะไรกับฟางหวู
หลังจากที่หยางหรูไห่ส่งพวกเขาไป ก็กลับมาอธิบายความสงสัยกับฟางหวู “สิ่งที่น่าสนใจคือตอนที่เพิ่งปลูกถ่ายเข้าไป อะไรก็ไม่ได้ทำ สมองก็ทำงานเอง และยาชาหมดฤทธิ์ คนก็ฟื้น แปลกประหลาดมากใช่ไหม? ที่รู้ ตอนแรกฉันเคยได้แช่แข็งสมองของเธอ ต้องการให้ฉันฉีดยาให้เธออีกครั้ง จากนั้นขจัดออกผ่านกระบวนการปฏิกิริยาการขับไล่ จึงสามารถทำงานได้เหมือนสมองปกติ ก่อนที่จะเย็บแผล ฉันใช้กล้องโทรทรรศน์ดูเซลล์สมองของเธอเริ่มแตกหน่อและเกิดใหม่ไม่หยุด แต่หลังจากเอาเนื้อเยื่อเล็กๆออกมา ก็ไม่พบการแบ่งแยก หรือพูดว่า ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น”
“มหัศจรรย์ขนาดนี้เชียว?” ฟางหวูตะลึงเล็กน้อย
“ใช่แล้ว แต่ว่า ก็ไม่ได้แปลกนะ คุณอย่าลืมว่า เธอเคยฉีดยามาก่อน และสิ่งที่เธอฉีดไม่ได้เหมือนกับของเจ้าลิง เพราะบวกกับการปรับปรุงมาก่อน ยานี้คือทำสำเร็จ เพียงแค่ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นตรงไหน ถึงได้ทำให้เกิดการเสียชีวิต แต่ก็จากที่เสียชีวิตแล้วก็ยังสามารถควบคุมร่างกายต่างมิติได้ จากจุดนี้ก็สามารถมองออกได้ว่าไม่ธรรมดา”
“งั้นตอนนี้เธอได้สติแล้ว?” ฟางหวูเอ่ยถาม
“ไม่ ความรวดเร็วในการแบ่งแยกและเกิดขึ้นเป็นต่อไปเช่นนี้ สวนทางกันไม่ได้? ดังนั้นฉันใช้ยาชนิดหนึ่งที่ฉันได้ค้นคว้าวิจัยเพื่อควบคุมDHAของสมองของเธอ ทำให้การเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทเกิดการแตกออกตรงกลาง เท่ากับทำให้สมองอยู่ในสถานการณ์ขัดข้อง จากนั้นฉันจะทยอยให้ยากับเธอในการรักษาบำบัดกับเธอสามระยะ ควบคุมการแบ่งแยกต่อไปของเซลล์สมอง หรือจะบอกว่าทำให้ช้าลง เพราะว่าฉันพยายามที่จะฆ่าเซลล์สมองบางส่วนของเธอ แต่พบว่าหลังจากที่ฆ่าตายแล้วจะฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทำได้เพียงควบคุมการแบ่งแยกและเกิดใหม่เท่านั้น ให้นางรักษาสภาพไว้……อีกทั้งหรือดีกว่าตอนนี้หน่อย”