บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1405 ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
วันที่สองหลังการผ่าตัดของโสวฝู่ ก็สามารถแกะผ้าบนดวงตาออกได้แล้ว
อันที่จริงตัวเขาเองก็ค่อยๆรับรู้ได้ถึงแสงสว่างแล้ว
ในขณะที่หยวนชิงโจวมาบอกว่าจะช่วยโสวฝู่แกะออก ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงก็ขอร้องเรื่องบางอย่างกับเขา
ไท่ซ่างหวงกดเสียงต่ำกระซิบข้างหูเขาประโยคหนึ่ง หยวนชิงโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่……
แต่เป็นความต้องการของไท่ซ่างหวง ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ ได้ยินฟางหวูบอกว่า ตาเฒ่าท่านนี้ดื้อรั้นขึ้นมา เรื่องอะไรก็ไม่สนแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หลังจากช่วยทำตามคำขอร้องของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้ช่วยเปิดผ้าที่พันบนดวงตาโสวฝู่ออก
“ค่อยๆเปิดตาช้าๆ อย่าเพิ่งรีบร้อน เปิดช่องหนึ่งขึ้นก่อน ปรับตัวกับแสงสว่างสักหน่อยครับ” หยวนชิงโจวแนะนำเขาเบาๆ
โสวฝู่ค่อยๆลืมตาขึ้น แสงสว่างทิ่มแทงจนปวดตา รีบปิดตาลงอีกครั้ง หลังจากทำซ้ำไปมาไม่กี่ครั้ง ในที่สุดก็สามารถเบิกตากว้างได้แล้ว
ใบหน้าสองหน้าเบียดเสียดกันอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส
นัยน์ตาของเขาร้อนผ่าวทันที ตะลึงงันแล้ว “พวกท่าน……”
ไท่ซ่างหวงยื่นมือไปลูบหัวเล็กน้อย กล่าว“ให้ข้าโกนหัวล้าน ข้าไม่ยินดี แต่หากตัดสั้นสักหน่อยก็ทำได้ จึงทำเป็นเพื่อนเจ้าเช่นนี้ ดีหรือไม่ล่ะ? อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีพ่อไม่มีแม่แล้ว แม้ว่าจะตัดผมของลูก ก็ไม่เป็นไร”
เซียวเหยากงขยี้หัว “เช่นนี้สดชื่นมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายที่นี่ล้วนตัดผมสั้นกัน”
พวกเขาทั้งสองคนล้วนตัดผมทิ้งแล้ว ตัดเป็นหัวเรียบเหมือนหยวนชิงโจวเช่นนั้น สั้น ๆ แต่กลับดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
โสวฝู่เอื้อมมือออกไปหยิบท่อออกซิเจนออก ค่อยๆยิ้มให้พวกเขา “นี่ก็คือเรื่องที่พวกท่านไหว้วานหลานชายคนโตเมื่อครู่นี้หรือ? มิน่าล่ะข้าได้ยินเสียงซุบซิบซุบซิบ คิดไม่ถึงว่าจะตัดผมแล้ว”
“เป็นเพื่อนเจ้า!” เซียวเหยากงพูดอย่างซื่อตรง
หยวนชิงโจวเห็นฉากนี้ ค่อยๆถอยออกไปแล้ว
เข้าไปที่ห้องทำงานของศาสตราจารย์หยวน บอกอาการของโสวฝู่เล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถาม“คุณพ่อพูดกับพวกเขาเข้าใจแล้วหรือครับ? โลกที่นี่ กับเรื่องของน้องสาว”
ศาสตราจารย์หยวนปวดหัวเล็กน้อย “พวกเขาบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าพวกเขาไม่เข้าใจ”
จึงได้เอาคำพูดสนทนาบรรยายให้เขาฟังซ้ำอีกครั้ง จากนั้นกล่าวว่า“ไม่งั้น แกไปพูดกับพวกเขาอีกที?”
“คุณก็บอกกับพวกเขาไปโดยตรงว่าน้องสาวยืมร่างคนตายเพื่อฟื้นคืนชีพก็ได้แล้วไม่ใช่หรือครับ?” หยวนชิงโจวกล่าว
ศาสตราจารย์หยวนโบกมือ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“นี่ไม่ใช่ว่าหยอกล้อทำเหมือนพวกเขาเป็นคนโง่หรือ? ถ้าไม่อย่างงั้นแกก็ไม่ต้องบอกพวกเขา หรือไม่อย่างงั้นก็พูดให้เข้าใจให้เรียบร้อยไปเลย พวกเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งเป่ยถัง ทั้งความฉลาดหลักแหลมและการวางแผนล้วนเหนือกว่าผู้อื่นมาก บอกเรื่องนี้กับพวกเขา คือต้องการบอกความจริงต่อพวกเขา ไม่ได้ต้องการคิดวิธีหลอกลวงพวกเขา หากเพียงเพื่อหลอกพวกเขา ข้ออ้างมีมากมาย จะต้องอ้างการยืมร่างคนตายเพื่อฟื้นคืนชีพที่เพ้อเจ้อขนาดนี้มาเป็นข้ออ้างทำไม? แกใช้วิธีการพูดแบบนี้ไปหลอกพวกเขา อย่างแรกไม่ต้องพูดถึงว่าหลอกได้หรือไม่ แม้ว่าจะสามารถหลอกได้ ก็เป็นการไม่เคารพพวกเขาอย่างใหญ่หลวง”
หยวนชิงโจวรู้ว่าคุณพ่อมีเหตุผลมีหลักการ และรู้ว่าเขาเคารพสามผู้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของพวกเขาทั้งสามคน ครั้งก่อนน้องสาวกลับมาก็พูดไว้ไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะไท่ซ่างหวง น้องสาวอยู่ทางนั้นก็คงจะตายไปนานแล้ว
เขากล่าว“อย่าโมโห ผมแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น รอให้อาการของโสวฝู่ดีหน่อย ตอนนั้นคาดว่าน้องสาวก็คงฟื้นขึ้นมาแล้ว บอกให้น้องสาวอธิบายกับพวกเขาแล้วกันครับ”
“ก็ได้ ยังไงซะตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนั้น ก็เอาอย่างนี้ก่อนเถอะ” ศาสตราจารย์หยวนกล่าว
เขาชะงักแล้ว แล้วกล่าวอีก“ผมให้คุณป้าที่โรงหารต้มซุปไว้บ้างแล้ว ประเดี๋ยวคุณพ่อเอาเข้าไปให้พวกเขาด้วยตัวเอง โสวฝู่ไม่ควรกินชั่วคราว แต่ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงสามารถกินได้ ดูแลให้มากๆหน่อย เป็นเจ้าบ้านที่ดีให้สุดความสามารถนะครับ”
“ได้เลย!” หยวนชิงโจว พูดจบ แล้วก็หมุนตัวออกไป
อาการของหยวนชิงหลิงยังคงอยู่ในการสังเกตอาการอยู่ ยายับยั้งมีผลแล้ว สามารถยับยั้งเซลล์สมองที่แบ่งแยกและเกิดใหม่อย่างต่อเนื่องได้
หยางหรูไห่โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หลังจากการผ่าตัดสำเร็จ ก็กลัวว่ายายับยั้งจะไม่ได้ผล จากความถี่ในการแบ่งแยกต่อไปเรื่อยๆที่เคยพบก่อนหน้านี้ ไม่ต้องใช้เวลานานเธอก็จะปรากฏอาการแบบตอนที่ฉีดยาอีกครั้ง ถึงเวลา กลัวเพียงแค่จะไม่รู้ว่าจะต้องควบคุมร่างกายแบบไหนอีกถึงจะมีชีวิตต่อไปได้
เธอเริ่มลดปริมาณยา ทำให้เธอสามารถฟื้นขึ้นมาภายในสิบสองชั่วโมงอย่างช้าๆได้
บาดแผลในสมองของเธอหายสนิทดีแล้ว ขณะที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นไปไม่นาน บาดแผลของเธอก็หายไปแล้ว แม้แต่รอยแดงจางๆก็ไม่เหลือไว้
บาดแผลทั้งหมดที่ร่างกายของเธอเคยได้รับก่อนหน้านี้ ก็หายวับไปหมด แม้แต่รอยสิวรอยเดียวก็เหลือ หน้าตาสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณขาวผ่องใส ราวกับคนที่เกิดใหม่เช่นนั้น อีกทั้ง รูปร่างหน้าตาของเธอ ก็ค่อยๆคล้ายคลึงกับใบหน้าเดิมของเธอเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่า ยีนของร่างกายตัวเองนั้นปรับแก้ได้อย่างดีและสมบูรณ์แบบมาก
เซลล์สมองของเธอยังคงปรากฏสภาวะการเสื่อมสภาพและตายไป แต่ว่า หลังจากตายไปแล้วก็สามารถรักษาตัวเองและฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ยายับยั้งยังจำเป็นต้องเว้นระยะหนึ่งแล้วจึงใช้ เช่นนี้จึงจะไม่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย
หยางหรูไห่อดทอดถอนใจไม่ได้ ตอนนั้นยาชนิดนี้ที่เธอคิดค้นวิจัย ทรงพลังมากจริงๆ อีกทั้ง ตอนที่เธอฉีดยาตัวเอง ไม่ได้แน่ใจในปริมาณ จึงได้ปรากฏผลออกมาเป็นแบบนี้ เหมือนเจ้าลิงเช่นนี้ก็ดีกว่ามาก อย่างน้อย เวลาไม่กี่ปีสมองสามารถเกิดใหม่ขึ้นมาได้ชุดหนึ่ง ไม่นับว่าเร็ว
สมองของเจ้าลิง เธอก็ใช้สารยับยั้งเหมือนกัน อีกทั้ง เธอก็กำลังมองหาตัวพาหะที่เหมาะสมอยู่
หลังจากค่อยๆลดปริมาณยาทิ้งไป ทีแรกคิดว่าต้องใช้เวลาสิบสองชั่วโมงจึงจะฟื้น แต่ว่า ไม่ถึงหกชั่วโมง เธอก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว
ราวกับความฝันความฝันหนึ่ง ขณะที่ฟื้นขึ้นมา มีอาการใจหวิวชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่นานก็ตระหนักได้ว่าตัวเองผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว
“ฟื้นแล้วเหรอ?” หยางหรูไห่ยืนอยู่หน้าเตียง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มสดใส
หยวนชิงหลิงมองดูเธอ ยื่นมือไปลูบศีรษะของตัวเองโดยจิตใต้สำนึก นางยิ้มเจื่อนๆ “ล้านแล้ว”
“ไม่เป็นไร ใส่วิกผม อีกไม่นานก็งอกออกมาแล้ว” หยางหรูไห่ปลอบใจ
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ใช่แล้ว”
เธอมองดูหยางหรูไห่ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณนะคะ”
“หน้าที่ของหมอ” หยางหรูไห่มองดูเธอ “ความทรงจำยังอยู่ทั้งหมดเหรอ? นึกขึ้นมาได้แล้ว?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วกล่าว“นอกจากเรื่องราวช่วงที่ทำการผ่าตัด ที่เหลือ ก็จำได้หมดค่ะ”
หยางหรูไห่อ๋อเสียงหนึ่ง “นี่กลับเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เดิมทีคิดว่า จะมีความทรงจำส่วนหนึ่งขาดหายไป ต้องค่อยๆฟื้นฟู ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างของเธอดีมาก ร่างกายรู้สึกยังไงบ้าง?”
หยวนชิงหลิงยกผ้าห่มออก ลุกขึ้นนั่งช้าๆ ขยับเขยื้อนมือทั้งสองข้างและคอ “ไม่มีความผิดปกติใดๆเลยค่ะ!”
“นอกจากนี้ล่ะ?” หยางหรูไห่ถามอีกครั้ง
“พลังเต็มเปี่ยม ลักษณะไม่เหมือนเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จสักนิดเลยค่ะ” หยวนชิงหลิงกล่าว
“งั้นเธอรู้ว่าเพราะอะไรรึเปล่า? ในสมองกระจ่างแจ้งต่อสาเหตุนี้หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงชะงักครู่หนึ่ง พยักหน้าช้าๆ “รู้ค่ะ”
หยางหรูไห่ยิ้มเล็กน้อย “งั้นก็ดีมาก ก็ไม่จำเป็นต้องให้ฉันพูดมากแล้ว เธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว!”
หลังจากที่หยวนชิงหลิงลงจากเตียง ยืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้น หยางหรูไห่ชี้ไปที่ตู้ข้างประตู ด้านบนวางห่อของไว้ห่อหนึ่ง “บนตู้ แม่ของเธอส่งเสื้อผ้าและรองเท้ามาให้เธอ!”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือออกไป ห่อนั้นก็ลอยเข้ามาแล้ว นางคว้าไว้อย่างมั่นคง
“เธอต้องค่อยๆควบคุมความสามารถชนิดนี้อย่างช้าๆ เหมือนลูกๆของเธอเช่นนั้น จำเป็นต้องควบคุมให้คล่องแคล่ว” หยางหรูไห่บอก
“ฉันรู้ค่ะ!” หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนความฝันเช่นนั้น เต็มไปด้วยความรู้สึกลวงตา เดินเข้าไปเอาห่อของกลับไปวางบนตู้ แล้วใช้มือหยิบอย่างปกติอีกครั้ง
หยางหรูไห่ก็หัวเราะแล้ว