บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1408 ศึกษาพิจารณา
ทั้งสามคนนั่งตัวตรงด้วยท่าทางที่จริงจัง ดวงตาคู่จับจ้องไปที่หยวนชิงหลิงอย่างพร้อมเพรียง รอการไขข้อสงสัยของนางเงียบๆ
หยวนชิงหลิงกล่าว“ขณะที่ข้าพูด แม้ว่าพวกท่านจะมีคำถาม ก็อย่าเพิ่งขัดจังหวะข้าก่อน รอให้ข้าพูดจบ แล้วพวกท่านค่อยถาม ดีหรือไม่?”
“ได้ เจ้าพูด!” ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน เซียวเหยากงเอื้อมมือไปห่อศีรษะโสวฝู่ให้กระชับขึ้นหน่อย ไม่ให้ลมพัด ทำเสร็จก็หันหน้าไปพูดกับหยวนชิงหลิงว่า“ท่านก็พูดมา ที่พวกเราไม่เข้าใจก็จะจำไว้ก่อน ประเดี๋ยวรอท่านพูดเสร็จแล้วค่อยถาม”
หยวนชิงหลิงเริ่มพูด“ข้าเป็นคนในยุคนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำงานทางด้านการวิจัยยาในการรักษาทางการแพทย์……”
หยวนชิงหลิงพูดประโยคแรก พวกเขาก็ตะลึงทันทีแล้ว ต้องการจะถาม แต่หยวนชิงหลิงใช้สายตาบอกใบ้เล็กน้อย พวกเขาก็ต้องกลืนความสงสัยลงไป มองดูนางให้นางพูดต่อไป
“ข้าในตอนเริ่มแรก เหมือนคนหลายๆคนในอาชีพเดียวกัน มุ่งเน้นการพัฒนายาสำหรับอาการป่วย แต่ว่า หลังจากนั้นข้าก็ค่อยๆมีความสนใจการพัฒนาของสมอง มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าสมองของมนุษย์มีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด และที่พวกเราสามารถใช้ได้นั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น ตอนนั้นข้าคิดว่า ถ้าเราสามารถพัฒนายาชนิดหนึ่งขึ้นมาเป็นกุญแจดอกหนึ่งได้ เปิดประตูแห่งศักยภาพที่พวกเราซ่อนไว้ จะเป็นไปได้หรือไม่? ถ้าเป็นไปได้ เช่นนั้นสิ่งที่มนุษย์เราสามารถทำได้จริงๆแล้วก็มากมายยิ่งนัก บังเอิญ เถ้าแก่ท่านหนึ่งที่ได้ศึกษาค้นคว้าทางด้านชีววิทยาด้านยาและการรักษาทางด้านเดียวกับข้าก็มาหาข้า เสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุดให้ข้า ให้ข้ามุ่งมั่นตั้งใจศึกษาค้นคว้ายาชนิดนี้ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการสร้างกุญแจในการเปิดการทำงานของสมองดอกนี้ กระบวนการนี่ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยแล้ว ยากลำบากเป็นที่สุด แต่ การค้นคว้าวิจัยของข้าค่อยๆมีผลความสำเร็จ ข้าเริ่มจากทำการทดลองบนตัวลิง การทดลองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ขาดไปเพียงนิดเดียว ข้าปรับปรุงต่อไป……. ตอนนั้นข้าตื่นเต้นหลงใหลจนเหมือนคนสติแตกชนิดหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะกระโดดข้ามการทดลองบนตัวสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีมันสมองใหญ่…….เจ้าลิง แล้วฉีดยาชนิดนี้ให้ตัวเองโดยตรง นี่ก็เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ร่างกายของข้ารับไม่ไหวกับความทรงอำนาจของยาชนิดนี้ เข้าสู่สภาวะหลับใหล ประจวบเหมาะกับเวลานี้ หยวนชิงหลิงบุตรสาวของเจ้าพระยาจิ้งในเป่ยถังกับข้าที่ถูกกั้นไว้ด้วยมิติเวลาฆ่าตัวตาย สนามแม่เหล็กของนางและข้าเหมือนกัน จึงได้ใช้ความคิดควบคุมและยืมร่างของนาง ใช้ชีวิตอยู่ในเป่ยถังต่อไป ดังนั้น ข้ากับหยวนชิงหลิงในเป่ยถังดูแล้วจึงเหมือนคนคนเดียวกัน แต่ในความเป็นจริง ข้าไม่ใช่นาง”
“แต่ขณะที่พวกเรากลับมา ผ่านอุโมงค์แปดสิบเอ็ดวินาทีนั่น พวกเราเรียกว่าอุโมงค์เวลา แต่ความจริงแล้วเรียกว่ารูหนอน ในรูหนอนนี้พวกเราสามารถไปทุกที่ที่อยากไปได้ เพียงแค่พิกัดถูกต้อง เช่นนี้นั้นจำเป็นต้องคำนวณอย่างละเอียดและแม่นยำ และการทดสอบเครื่องมือบางอย่าง ยากมากที่คนธรรมดาอย่างพวกเราจะคำนวณได้ ดังนั้น คนธรรมดาจึงยากที่จะผ่านอุโมงค์เวลาทะลุมิติไปถึงอดีตและปัจจุบัน ทำให้การเดินทางข้ามเวลาเกิดขึ้นได้จริง และทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ ก็ได้รับเกียรตินี้”
ทั้งสามปากอ้าตาค้างด้วยความตะลึง พูดไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน โดยเฉพาะเซียวเหยากง ฝืนเค้นคำพูดออกมาประโยคหนึ่ง “นี่คือบทนิยายในละครพื้นบ้านไหนกัน? ยาอะไร? สมองอะไร? ความคิดอะไร?”
แต่ความสามารถในการรวบรวมของโสวฝู่ยอดเยี่ยม หลังจากตั้งสติได้เล็กน้อย ก็จับใจความหลักไม่กี่อย่างในการบรรยายได้ทันที “ไม่ต้องสนใจพวกยาและสมองเหล่านั้น แค่จับประเด็นหลักไม่กี่อย่างก็พอ อย่างแรก พระชายารัชทายาทไม่ใช่บุตรสาวของเจ้าพระยาจิ้ง เพราะฉีดยาแล้วเกิดเรื่องขึ้น ประจวบเหมาะกับบุตรสาวเจ้าพระยาจิ้งในเป่ยถังเสียชีวิตพอดี พวกท่านเข้ากันได้ ดังนั้นสวมรอยนางแล้วใช้ชีวิตอยู่ในเป่ยถัง แต่ในความเป็นจริงที่นี่ถึงจะเป็นบ้านเกิดของท่าน อันที่จริงก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาจิ้งเลยสักนิด ประการที่สอง นี่ไม่ใช่ประเทศเดียวกันกับเป่ยถังถึงกระทั่งเป็นอนาคตที่อยู่ต่างมิติเวลากัน เหมือนจะเป็นเส้นขนานกับเป่ยถัง ไม่ได้รบกวนกันและกัน แต่ทะลุผ่านในรู……ในสิ่งที่เรียกว่าเป็นรูหนอนได้ ประการที่สาม พวกเราเดินผ่านอุโมงค์เวลาแล้ว จากอดีตมาถึงปัจจุบัน ข้ามเวลาที่แตกต่างกัน ข้ามผ่านมาหลายร้อยปี มาถึงบ้านเกิดของพระชายารัชทายาท เป็นความหมายนี้ใช่หรือไม่?”
คราวนี้ถึงคราวที่หยวนชิงหลิงตะลึงจนอ้าปากค้างแล้ว เดิมทีนางตั้งใจจะตอบคำถามทีละข้อแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าโสวฝู่จะเข้าใจได้และพูดประเด็นสำคัญออกมาได้ในทันที
นางยกนิ้วหัวแม่มือให้อย่างเงียบๆ
และไท่ซ่างหวงสรุปสั้นๆประโยคหนึ่ง “ดังนั้น นี่คือที่ของเจ้า”
หยวนชิงหลิงยกนิ้วโป้งให้อีกครั้ง!
เซียวเหยากงก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “พวกเราสามารถอยู่ได้นานเพียงใดกัน?”
หยวนชิงหลิงกล่าว“ตอนนี้อุโมงค์เวลายังมีความผิดปกติอยู่ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะประมาณสามเดือน ก็จะฟื้นคืนสู่ความปกติ ถึงเวลาพวกเราก็จะสามารถกลับไปได้แล้ว”
“ดี สามเดือน ท่านพาพวกเราเดินไปให้ทั่วทั้งประเทศนี้ กินอาหารเลิศรสทุกชนิด เปิดประสบการณ์ทุกอย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน” เซียวเหยากงตัดสินใจแน่วแน่
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว“ได้ เพียงแค่พวกท่านชอบ ที่ไหนข้าก็พาพวกท่านไปได้”
ไท่ซ่างหวงกล่าว“ข้ากลับอยากที่จะรู้จักกับพลังทางด้านการทหารของที่นี่ ดูว่ามีอะไรดูควรค่าแก่การหยิบยืมได้บ้าง”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเจื่อนๆ “นี่คงทำให้ท่านพึงพอใจไม่ได้แล้วล่ะเพคะ ข้าอยู่ที่นี่ เป็นเพียงราษฎรธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีปัญญาพาพวกท่านไปได้เพคะ”
“ท่านไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์หรือ?” เซียวเหยากงเกิดความนับถือขึ้นมาอย่างเงียบๆ ไม่ใช่คนที่เกิดจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่กลับมีความสามารถยิ่งใหญ่เพียงนี้ สามารถควบคุมร่างกายของคนอื่นได้ ทั้งยังมีทักษะในการรักษาที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้อีก หากอยู่ที่เป่ยถัง มีทักษะในการรักษาเช่นนี้ ก็ต้องเซ่นไหว้ขึ้นมาแล้ว
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ที่นี่ไม่มีที่เรียกกันว่าตระกูลสูงศักดิ์ แม้ว่าจะเป็นลูกของคนที่เป็นทหาร ก็ไม่มีสิทธิพิเศษ เข้าเรียนในโรงเรียนเหมือนกับเด็กในครอบครัวธรรมดาทั่วไป เผชิญกับการสอบเข้ามัธยมปลาย สอบเข้ามหาวิทยาลัย แน่นอนล่ะ มีเงินก็สามารถเลือกไปเรียนที่ต่างประเทศได้ ได้เปิดหูเปิดตามากมาย และโลกนี้ก็ไม่มีทาส แน่นอนว่าครอบครัวคนมีเงินสามารถจ้างคนให้ทำงานได้ แต่กฎหมายจะคุ้มครองคนเหล่านี้ พวกเขาเหมือนกับนายจ้าง มีอำนาจ ไม่มีความสุข ก็ลาออกและจากไปได้ทันที ไม่มีสัญญาการขายตัว”
สามผู้ยิ่งใหญ่สบตากันแวบหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความสับสนเล็กน้อย
ลูกหลานของทหาร ก็ต้องเป็นเหมือนเด็กธรรมดาหรือ? นี่คือความหมายของความยุติธรรมที่แท้จริง?
“เช่นนี้……..เช่นนี้ยังจะเป็นโลกอีกหรือ?” ไท่ซ่างหวงกล่าวพึมพำ
ทีแรกหยวนชิงหลิงอยากจะคุยกับพวกเขาให้มากอีกหน่อย ยกตัวอย่างเช่น โลกนี้ผิวเผินแล้วดูเหมือนยุติธรรม แต่ในความเป็นจริง ยังมีกฎเกณฑ์บางอย่างซ่อนอยู่ คนมีอำนาจและคนรวย มักจะมีโอกาสมากกว่าคนทั่วไป แต่อย่างน้อย คนจนก็ดี สามัญชนก็ดี ก็ล้วนมีโอกาสในแข่งขันทั้งหมด
เพียงแต่ไม่รีบร้อนนี่ ยังมีเวลาอีกสามเดือน ค่อยๆอธิบายกับพวกเขาได้ และสามารถพาพวกเขาไปเปิดหูเปิดตาดูโลกได้
หลังจากหยวนชิงหลิงส่งพวกเขากลับไปที่ห้องผู้ป่วยแล้ว ก็ต้องการจะกลับบ้านแล้ว
สามผู้ยิ่งใหญ่ดูเหมือนจะค่อนข้างสงสัย ต้นกำเนิดของหยวนชิงหลิง แม้กระทั่งนางไปที่เป่ยถังได้อย่างไร สำหรับพวกเขาแล้วล้วนไม่สำคัญ เพราะไม่ว่าก่อนหน้านี้นางจะเป็นคนที่มาจากที่ใด แต่ตอนนี้นางเป็นสะใภ้ของเป่ยถัง จุดนี้ไม่ได้เปลี่ยน ก็เพียงพอแล้ว
ที่พวกเขาสงสัยคือกฎของโลกใบนี้ ดูเหมือนจะแตกต่างกับเป่ยถังมากจริงๆ
โทรทัศน์ สูญเสียแรงดึงดูดไปชั่วขณะ ทั้งสามคนเริ่มพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ถกเถียงกันอยู่เป็นเวลานาน โสวฝู่กล่าวประโยคหนึ่ง “อันที่จริงเช่นนี้ก็ดีมาก ทุกคนมีโอกาสได้มีหน้ามีตา ทาสจึงไม่จำเป็นต้องเป็นทาสไปทุกรุ่นทุกสมัย เพียงแค่พยายามก็จะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ผู้มีอำนาจเงินทองก็ไม่อาจสืบทอดบารมีหลายยุคหลายสมัยได้ ขจัดคนรุ่นหลังที่ไร้ความสามารถไป บางทีเป็นแบบนี้ ประเทศจึงจะสามารถสืบต่อไปได้หลายยุคหลายสมัย”
ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงล้วนพยักหน้าอย่างเงียบๆ