บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1409 ซื้อบ้านสักหลัง
ตั้งแต่โบราณกาลมา การเข้ามาแทนที่ของยุคสมัย โดยส่วนมากเป็นเพราะประชาชนชั้นล่างมีชีวิตต่อไปไม่ได้ ไม่มีทางรอดได้ทำได้เพียงแค่หักคันธงลุกขึ้นสู้ แต่ถ้าประเทศนี้ให้โอกาสให้ทุกคนได้มีความเท่าเทียมกัน เช่นนั้นอย่างน้อย คำโอดครวญด้วยความคับข้องใจก็น้อยลงมาก
บางทีนี่อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของการที่พวกเขามาที่นี่ในครั้งนี้
“เจ้าห้าน่าจะมาสักหน่อย” ไท่ซ่างหวงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเบาๆ
อีกสองคนก็พยักหน้า ควรจะพาภรรยากลับบ้านจริงๆ อย่างน้อยก็พบพ่อตาและแม่ยายสักหน่อย
ไท่ซ่างหวงกล่าวพร้อมกับความปลื้มปีติว่า“ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตร อย่างน้อย ครอบครัวที่แต่งงานปรองดองกันก็อยู่ที่นี่ ก็นับว่าเป็นคนท้องถิ่นครึ่งหนึ่งแล้ว มีอยู่เรื่องหนึ่งที่กวนใจข้ามาโดยตลอด นั่นก็คือเจ้าพระยาจิ้งเจ้าหมอนี่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นครอบครัวเกี่ยวดองกับข้าจริงๆ ตอนนี้เมื่อได้ยินพระชายารัชทายาทพูดเช่นนี้ ความวุ่นวายใจนี้ของข้าก็ไม่มีโดยสิ้นเชิงแล้ว”
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวเหยากงและโสวฝู่พยักหน้าอย่างหนักแน่น เห็นได้ชัดว่า เจ้าพระยาจิ้งนั้นไม่ได้ใจของคนมากเพียงใด
ช่างทำให้คนเอือมระอานักเชียว
หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับบ้านได้ไม่นาน ซาลาเปาก็เข้ามาแล้ว เห็นท่านแม่ เป็นธรรมดาที่จะดีใจ เมื่อดีใจ ก็เอาเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนบอกให้ท่านแม่ฟังหมดแล้ว เช่นท่านพ่อคิดถึงท่านแม่มากเพียงใด เช่นตอนนี้น้องสาวไม่แหวะนมแล้ว เช่นน้องสาวได้รับลูกไก่ตัวหนึ่งมาเป็นสัตว์เลี้ยง ไก่น้อยตัวนั้นก็รู้จักเจ้านาย หลังจากที่โตแล้วจะเปลี่ยนเป็นนกฟีนิกซ์
หยวนชิงหลิงกอดเขา ฟังเขาพูดเงียบๆ ในใจทั้งดีใจ และคิดถึง
หลังจากที่นางให้ซาลาเปากลับไป บอกต่อท่านพ่อ โสวฝู่ไม่เป็นไรแล้ว พวกไท่ซ่างหวงก็ค่อยๆคุ้นเคยทางนี้แล้ว ไม่ได้เกิดความวุ่นวายอะไร ดีทั้งหมด สำหรับเวลากลับ ก็คือประมาณสามเดือน หรือไม่ถึงสามเดือน บอกให้เขาไม่ต้องคิดถึง
ซาลาเปากอดนาง ใบหน้าน้อยๆแนบติดกับใบหน้าของนาง กล่าวด้วยดวงตาแดงๆ“แม้ว่าข้าจะสามารถพบเจอท่านแม่ได้ แต่ว่าท่านพ่อและคนอีกมากมายล้วนไม่ได้พบ ทุกคนเฝ้ารอให้ท่านกลับไปเร็วหน่อย หวังว่าท่านจะสามารถกลับไปได้เร็วหน่อยจริงๆพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ของหยวนชิงหลิงฟังอยู่ด้านข้าง ยิ้มแล้วกล่าว“เปาเปาเด็กดี เธอก็ต้องคิดเผื่อตาและยาย ให้แม่อยู่เป็นเพื่อนตาและยาย ใช่หรือไม่?”
ซาลาเปารีบเข้าไปกอดคุณยาย “เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเรายังสามารถกลับมาได้ รอจนทะเลสาบจิ้งทะลุผ่านได้แล้ว อยากกลับมาเมื่อไหร่ก็กลับมาเมื่อนั้น คุณยาย ยังสามารถรับคุณยายไปเสพสุขได้ด้วย”
“ดี ดี ดีมาก!” แม่ของหยวนชิงหลิงอยากไปจริงๆ ลูกสาวต้องใช้ชีวิตอยู่ทางนั้นตลอดชีวิต เธอต้องไปดูว่าที่นั่นเป็นสถานที่ยังไงกันแน่ เธอใช้ชีวิตอยู่ทางนั้นดีจริงๆหรือไม่ แม้จะรู้ว่ามีคนมากมายที่ดีต่อเธอ แต่คนเป็นแม่ ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วจะวางใจได้ยังไงล่ะ
หลังจากที่ซาลาเปากลับไป หยวนชิงหลิงก็ให้คุณแม่ไปสอบถามคนในหมู่บ้านว่ามีใครปล่อยบ้านให้เช่าบ้าง ถึงเวลาที่สามผู้ยิ่งใหญ่ออกจากโรงพยาบาล ก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
แม่ยิ้มและพูดว่า“งั้นก็บังเอิญจริงๆเลย เจ้าของบ้านที่อยู่ตรงข้ามพวกเราซื้อบ้านแล้วย้ายออกไปแล้ว พวกเราถามดูว่าจะสามารถเช่าสักสองสามเดือนรึเปล่า”
“ย้ายออกไปแล้ว? งั้นเขาขายไหมคะ?” หยวนชิงหลิงถาม
“ลูกอยากซื้อบ้านเหรอ?” แม่ของหยวนชิงหลิงตะลึงงันไปชั่วขณะ
หยวนชิงหลิงคล้องมือของแม่แล้วนั่งลง กล่าวว่า“อนาคตหนูจะกลับมาบ่อยๆ บางทีอาจจะลากมาทั้งครอบครัว คนมากมายขนาดนี้บ้านของพวกเราอยู่ไม่พอจริงๆ แล้วหนูก็ไม่เต็มใจจะอยู่ไกลๆด้วย อีกอย่างอนาคตพี่ชายแต่งงาน หนูมีพี่สะใภ้แล้ว มีหลานชายแล้ว สิบกว่าคนเบียดเสียดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งก็ไม่ดีนัก ไม่ใช่หรือคะ?”
แม่ของหยวนชิงหลิงได้ฟังก็น้ำตาคลอเบ้า แม้จะบอกว่าทะเลสาบจิ้งทะลุได้แล้วจะสามารถกลับมาได้ แต่ว่า ถึงยังไงก็มีความรู้สึกที่ไม่แท้จริง มีเพียงแค่ลูกสาวคำนี้เท่านั้น จึงได้ทำให้เธอรู้สึกถึงความแท้จริงได้ บ้านก็ซื้อไปแล้ว ยังจะเป็นเรื่องเท็จได้อีกหรือ?
เธอเช็ดน้ำตา รีบกล่าวว่า“ดี ซื้อ พวกเราซื้อไว้ แม่จะปรึกษากับพ่อของลูกหน่อย ถอนเงินที่ฝากบัญชีประจำออกมา ก่อนหน้านี้ที่ลูกเกิดอุบัติเหตุ สถาบันวิจัยได้จ่ายค่าชดเชยให้ลูกก้อนหนึ่ง เก็บไว้ในบัญชีเงินฝากประจำทั้งหมด ไม่เคยได้ใช้ พี่ชายของลูกก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง จ่ายงวดเดียวพวกเราอาจจะจ่ายไม่ได้ สามารถใช้ชื่อพี่ชายของลูกมากู้เงินได้ เงินค่าบ้านรายเดือน แม่จะจ่ายคืน”
เมืองก่วงเป็นเมืองระดับหนึ่ง ราคาบ้านสูงไม่ลดมาตลอด พวกเขาอาศัยอยู่ในย่านนี้ ก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ราคาบ้านยังคงเป็นราคาแปดเก้าหมื่นต่อตารางเมตร หากจะจ่ายเต็มจำนวน ก็ต้องมีหลายล้านถึงกระทั่งหลายสิบล้าน แม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะมีฐานะ แต่ในเวลาอันสั้นก็ไม่สามารถเอาเงินออกมามากมายขนาดนี้ได้
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว“ไม่ต้องค่ะ ไม่ใช้เงินของพวกแม่”
แม่ของหยวนชิงหลิงตะลึงทันที “ไม่เอาเงินพวกเรา? แบบนั้นลูกจะซื้อได้ยังไง?”
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า“หนูไปขอยืมเซียวเหยากง หลังจากที่กลับไปค่อยคืนให้เขาค่ะ”
“เขามี……อ๋อ ได้ยินพ่อบอกแล้ว เขาพกทองคำมามากมาย ทองคำเหล่านั้นมีค่า ไม่เพียงแต่มีมูลค่าของทองคำเท่านั้น นั่นล้วนเป็นวัตถุโบราณแล้ว” แม่ของหยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความแปลกใจและดีใจ
“อื้ม การประเมินมูลค่าของทองคำพวกเราไม่รู้ แต่สิ่งของที่เขาพกมา น่าจะมีราคาสูงค่ะ!” หยวนชิงหลิงกล่าว
ไม่เพียงแค่เซียวเหยากง ไท่ซ่างหวงและโสวฝู่พวกเขาพบปิ่นหยกหัวก้อนเมฆหรูอี้ แหวนหยกใส่นิ้วหัวแม่มือและของอื่นๆมาด้วย
แม่ของหยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความดีใจ“ได้ งั้นแม่จะโทรไปถามเจ้าบ้านของฝั่งตรงข้ามเดี๋ยวนี้ แม่มีเบอร์โทรศัพท์บ้านเขา ถ้าพวกเขารีบขาย พวกเราก็ยังจะกดราคาได้”
“ยังต้องให้คุณพ่อหานักเก็บสะสมอีกคนด้วยค่ะ ต้องการนักเก็บสะสมที่รู้จักสิ่งของจริงๆ” หยวนชิงหลิงกล่าว
ศาสตราจารย์หยวนมีชื่อเสียงและอำนาจใหญ่โตในวงการนี้ มีคนรวยที่มีอำนาจและพ่อค้าที่ร่ำรวยไม่น้อยที่ล้วนเป็นคนไข้ของเขา มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และบางครั้งก็มีการติดต่อกันอยู่บ้าง การหาคนรู้จักสินค้าเช่นนี้ผู้หนึ่ง ความจริงก็ไม่ได้ยาก
หลังจากแม่ของหยวนชิงหลิงโทรไปแล้ว ทั้งสองแม่ลูกก็ไปซื้อผักมาทำอาหาร อาหารในโรงพยาบาลไม่ถูกปากนัก ต้องให้พวกเขาได้ลิ้มลองอาหารที่กินกันในครอบครัวเป็นประจำที่แท้จริง
ให้คุณแม่เคี่ยวน้ำซุปและทำอาหารที่ถนัดสองสามอย่าง หยวนชิงหลิงไม่กล้าขับรถแล้ว โดยเฉพาะอยู่ที่นี่ไม่มีใบขับขี่ จึงเรียกรถ แล้วตรงไปที่โรงพยาบาล
อาหารของโรงพยาบาลช่างน่าเบื่อและไร้รสชาติจริงๆ สามผู้ยิ่งใหญ่อายุมากแล้ว สัมผัสก็เสื่อมลงเล็กน้อยแล้ว กินอาหารที่จืดชืดเหล่านั้นก็กินไม่ค่อยลงจริงๆ ได้ยินว่าเป็นอาหารที่แม่ยายทำ ทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่กวาดเลียบในครั้งเดียว โวยวายว่าต่อไปก็ต้องการจะกินอันนี้ ไม่กินข้าวของโรงพยาบาล
พี่ชายของหยวนชิงหลิงก็อยู่ในห้องผู้ป่วย ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้ว
เขาแอบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า“ตอนที่เธอไม่อยู่ ให้พวกเขาว่ากินอะไร ก็กินอย่างนั้น บอกให้พวกเขาทำอะไร ก็ทำสิ่งนั้น เชื่อฟังมากเชียว ตอนนี้เธอกลับมา พวกเขาก็อ่อนแอขึ้นมาทันที ผู้เฒ่าที่นิสัยเหมือนเด็กสองสามคนนี้ก็น่ารักเกินไปล่ะมั้ง?”
หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างอ่อนโยน “พวกเขากลัวว่าจะสร้างความวุ่นวายให้ฉัน”
หยวนชิงโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า“น้องสาว มีผู้เฒ่าสามคนนี้อยู่ นั่นก็เป็นบุญของเธอจริงๆ”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ใช่ เป็นมาตลอด!”
หลังจากเก็บอุปกรณ์ทานอาหารให้พวกเขาเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงก็นั่งลงแล้วปรึกษากับพวกเขา อยากพูดว่าต้องการยืมสิ่งของจากพวกเขาสักเล็กน้อย รอจนกระทั่งกลับถึงเป่ยถังแล้วค่อยคืน
ทั้งสามคนก็ใจกว้างมาก ตอนที่มา ของอะไรก็ไม่ได้พกติดตัว นอกจากเซียวเหยากงที่พกกีบม้าทองคำมามากมายแล้ว อย่างอื่นก็เป็นของพกติดตัว โสวฝู่เอาแหวนหยกสวมนิ้วหัวแม่มือมา ยังมีและสร้อยข้อมือไม้กฤษณาอีกเส้นหนึ่ง นอกจากนี้ ก็มีป้ายไม้แผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่ง เขาตัดใจมอบให้ไม่ลง บอกว่าเป็นป้ายไร้อุบัติเหตุที่เสี่ยวสี่ขอพรมาให้เขา
ไท่ซ่างหวงก็มีแหวนหยกสวมนิ้วหัวแม่มือ ยังมีของชิ้นหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้ออีก เมื่อหยิบออกมาดู ก็พบว่าเป็นกล้องสูบบุหรี่อันเล็กๆ บนกล้องสูบบุหรี่สลักมังกรทองไว้ตัวหนึ่ง ตอนนี้ไร้ผู้สืบทอด หากว่าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องสิ่งของจริงๆ คาดว่าไม่เพียงแค่บ้านหลังหนึ่ง สองสามหลังก็สามารถซื้อได้
“ให้เจ้าทั้งหมด มีค่าสองตำลึง ล้วนทำจากหยก” ไท่ซ่างหวงกล่าว
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความตะลึง“เพียงแค่เงินสองตำลึงที่ไหนกันเพคะ? ถ้ามีคนที่รู้จักชื่นชมจริงๆ จะมีค่าเป็นเงินมากมายเชียวล่ะเพคะ