บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1411 ทาสของลูกสาว
หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับไปตรวจสอบมูลค่าโบราณวัตถุของกีบม้าทองคำ พบว่าสูงมากจริงๆ มูลค่าเริ่มต้นที่ห้าสิบล้าน อีกทั้ง กีบม้าทองคำที่สมบูรณ์แบบ หาได้ยากอย่างยิ่ง จนถึงทุกวันนี้มีการค้นพบน้อยมาก ดังนั้นราคาจึงสูงอย่างน่าประหลาดใจ
นางกลับไปที่โรงพยาบาล เอาของที่เหลือมอบคืนให้พวกเขา บอกว่าขายเพียงกีบม้าทองคำ ก็เพียงพอที่จะซื้อบ้านได้แล้ว ทั้งยังมีเงินเหลืออีกมาก
เซียวเหยากงอุทานอย่างตกใจ “นี่ก็เพียงพอที่จะซื้อบ้านแล้วหรือ? บ้านของพวกเจ้าที่นี่ถูกมากจริงๆ ทองคำร้อยชั่งก็ซื้อบ้านได้แล้ว ยังมีเหลืออีก เช่นนั้นอนาคตเอาเหมืองทองของเจ้าหกย้ายมา ก็ไม่ใช่ว่าสามารถซื้อบ้านได้มากมายแล้วหรอกหรือ?”
ไท่ซ่างหวงชำเลืองมองเขาอย่างเฉยชา “อย่าคิดจับจ้องเรื่องเหมืองทอง ให้น้องฟีนิกซ์แล้ว ใครก็อย่าคิดหมายปอง”
“ขี้งก แค่พูดเท่านั้นเอง!” เซียวเหยากงหัวเราะแล้วกล่าว
ไท่ซ่างหวงกล่าว“แค่พูดก็ไม่ได้”
หยวนชิงหลิงมองไท่ซ่างหวงอย่างอ่อนโยน กล่าว“ที่จริงแล้วบ้านก็ไม่ได้ราคาถูก เพียงแค่กีบม้าทองคำเหล่านั้นมีค่ามาก สามารถใช้เป็นวัตถุโบราณได้”
“จริงน่ะเหรอ? เช่นนั้นข้ามาคราวหน้า จะขนกีบม้าทองคำในจวนมาด้วย” เซียวเหยากงพูดด้วยความดีใจ
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วกล่าว“ท่านยังอยากมาอีกหรือ?”
เซียวเหยากงกล่าว “ทำไมจะไม่อยากล่ะ? อายุมากแล้ว ก็ควรไปให้ทั่วๆ เปิดหูเปิดตาเปิดประสบการณ์ หาได้ยากที่ตอนนี้จะไม่จำเป็นต้องลำบากใจในเรื่องของบ้านเมืองแล้ว ควรจะเป็นเวลาเสพสุขของพวกเราแล้ว อาณาเขตประเทศของเป่ยถังนี้ ตอนที่พวกเราอายุยังน้อย โดยพื้นฐานก็เหยียบย่ำไปทุกหนแห่งแล้ว ควรไปดูที่อื่นบ้าง”
หยวนชิงหลิงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กล่าว“เช่นนั้นครั้งหน้าข้ากลับมา จะพาท่านมาด้วย”
“ดี คำไหนคำนั้น!” เซียวเหยากงกล่าว
ขั้นตอนการซื้อบ้านค่อนข้างซับซ้อน แต่เพราะว่าใช้ชื่อของพี่ชาย ธุรกรรมทั้งหมดจึงเป็นพี่ชายไปจัดการ สำหรับหยวนชิงหลิงก็ลดความยุ่งยากไปแล้ว
นางเคยไปดูบ้านแล้ว สามห้องนอนสองห้องรับแขก ยังมีห้องเก็บห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง สามารถจัดวางเตียงสองชั้นได้หนึ่งเตียง เวลาที่พวกเด็กๆมา เบียดกันหน่อยก็สามารถอยู่ได้ สิ่งที่ทำให้คนพอใจที่สุดก็คือการตกแต่งที่ดีมาก ใหม่มาก แทบจะไม่ต้องซ่อมแซม แต่พวกเครื่องใช้ในบ้านเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ย้ายออกไปแล้ว จำเป็นต้องซื้อใหม่
ฟางหวูรู้ว่าซื้อบ้านแล้ว รู้สึกว่านางไม่ควรซื้อคอนโดมิเนียม มีเงินมากมายขนาดนี้สามารถซื้อคฤหาสน์ได้แล้ว คฤหาสน์สามารถอยู่ได้ทั้งครอบครัว ฟางหวูพูดแบบนี้ หลักๆเพราะเป็นห่วงพวกไท่ซ่างหวงที่เมื่อก่อนเคยอยู่แต่ในพระราชวัง จวนหลังใหญ่ แล้วจู่ๆก็มาอาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ที่คับแคบ จะไม่คุ้นเคย
หยวนชิงหลิงกลับคิดว่าการอาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ก็ไม่เลว ดูแลพร้อมกับคุณแม่ได้ และถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้ยังเหลืออยู่ไม่น้อย แต่อนาคตไปๆกลับๆหลายสิบปี ยังไงก็ต้องใช้จ่าย และไม่สามารถเอาวัตถุโบราณกลับมาขายได้บ่อยๆ หลายครั้งแล้ว จะต้องดึงดูดความสนใจ สร้างความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น
ยังดีที่สามผู้ยิ่งใหญ่ก็เข้าใจ ความหมายของพวกเขาก็คืออยู่ที่ห้องผู้ป่วยมานานขนาดนี้ ในพื้นที่ที่คับแคบเช่นนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพียงแค่สถานที่ที่ใหญ่กว่านี้ เช่นนั้นก็เหมาะสมแล้ว
เป่ยถัง งานเลี้ยงฉลองครบเดือนของเสี่ยวกวาจื่อ
เดิมทีหยวนชิงหลิงไม่อยู่ หยู่เหวินเห้าก็ไม่มีกระจิตกระใจจะจัดการงานเลี้ยงใหญ่โต แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดว่าควรจะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่ และออกพระราชโองการให้คนของกรมพิธีการช่วยเหลือจัดการ
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้ว่าไท่ซ่างหวงหยวนชิงหลิงพวกเขาไปเป็นเพื่อนโสวฝู่เพื่อรักษาอาการป่วย แต่ไม่รู้ว่าไปรักษาที่ไหน ถ่ายทอดเรียกเจ้าห้าเข้าวังไปไถ่ถามสถานการณ์ เจ้าห้าบอกว่าส่งพิราบคาบข่าวกลับมา บอกว่าโสวฝู่ดีขึ้นแล้ว ให้เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลพระทัย
โสวฝู่เกิดเรื่อง จะมากจะน้อยก็เป็นเพราะเขา เขามักจะกระวนกระวายใจเพราะเหตุนี้อยู่เสมอ ตอนนี้ได้ยินว่าสถานการณ์ดีขึ้น จึงไม่ได้กังวลมากขนาดนั้นแล้ว
ในงานเลี้ยงครบเดือน ฮ่องเต้หมิงหยวนพาฮู่เฟยไป หวงกุ้ยเฟยก็ไป เหล่าลูกสะใภ้ของเชื้อพระวงศ์ก็ต้องไปเป็นธรรมดา เพียงแต่หยวนชิงหลิงไม่อยู่ เหล่าสะใภ้รวมตัวกัน ก็มักจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูด หลังจากนั่งอยู่ด้วยกันแล้วบ่นจู้จี้กับเด็กๆครู่หนึ่ง ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
พระชายาซุนยิ้มเจื่อนๆ “เมื่อก่อนเวลาที่พระชายารัชทายาทอยู่ นางมักจะไม่พูด แต่พวกเรามีหัวข้อสนทนามากมาย ตอนนี้นางไม่อยู่ พวกเรากลับไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
ฮูหยินเหยาถอนใจ “ใช่แล้ว เป็นนางที่ทำให้พวกเรารวมตัวกันขึ้นมาได้ ไม่มีนาง คาดว่าพวกเราก็ยังคงจะหมางใจทะเลาะกันต่อไปตลอด ไม่รู้ว่านางจะกลับมาเมื่อไหร่น่ะ? เฝ้าหวังว่าตอนที่ข้าจัดงานแต่งงาน นางจะสามารถกลับมาได้”
“ได้แน่ ข้าเคยถามเจ้าห้า เจ้าห้าบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างราบรื่น ประมาณไม่ถึงสามเดือน คนก็จะกลับมาได้แล้วเพคะ” หรงเยว่กล่าว
ฮูหยินเหยาได้ยินดังนั้น เอ่ยว่า“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะเลื่อนงานแต่งงานไปทีหลัง รอให้นางกลับมาแล้วค่อยจัด”
เมื่อปลายปีที่แล้ว เรื่องงานแต่งของนางก็กำหนดไว้แล้วว่าจะจัดหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ตอนนี้จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว รอเพียงวันเวลาที่จะมาถึง แต่หากจัดตามวันก่อนหน้านี้ หยวนชิงหลิงคงกลับมาไม่ทันเป็นแน่
การแต่งงานใหม่ สำหรับฮูหยินเหยาแล้ว เป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง
หยวนชิงหลิงเคยให้ชีวิตแก่นางเป็นครั้งที่สอง หากตอนนั้นไม่มีหยวนชิงหลิง นางคงเสียชีวิตด้วยวัณโรคไปนานแล้ว ดังนั้น นางคิดว่าหากตัวเองจะแต่งงานใหม่ หยวนชิงหลิงไม่อยู่ นางก็จะรู้สึกว่าความปีติยินดีลดลงครึ่งหนึ่ง
ระหว่างที่พูด แม่นมสี่ก็อุ้มเสี่ยวกวาจื่อเข้ามา
วันนี้เสี่ยวกวาจื่อสวมเสื้อกันหนาวสีแดงปักลายเงินทองดูงดงามเป็นพิเศษ เผยให้เห็นใบหน้าน้อยๆที่น่ารักน่าทะนุถนอม ดวงตากลมโตดั่งลูกองุ่นทั้งสองข้าง หมุนกลอกไปมา ผิวพรรณขาวใสอมชมพู น่ารักและสงบ ใครอุ้มก็ไม่ร้อง ทำให้คนรักจนไม่อยากปล่อยมือ
หรงเยว่ก็อุ้มลูกทั้งสองของนางเข้ามา ชื่อจริงของเด็กยังไม่ได้กำหนดออกมา กรมพิธีการทางนั้นเลือกอักษรไว้มากมาย แต่อ๋องหวยล้วนไม่พอใจ จึงตั้งชื่อเล่นเรียกไว้
ชื่อเล่นสองสามีภรรยาทั้งสองคิดอยู่เป็นเวลานาน จึงคิดออกมาได้
ซื่อจื่อชื่อเจ้าถวน จวิ้นจู่น้อยชื่อหยวนหยวน ตั้งจากความหมายก็การอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นการอวยพรที่ดีงามเป็นอย่างมาก
แม้ว่าจะเป็นชื่อเล่นธรรมดา แต่ทังหยวนกลับชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะน้องสาวเหมือนกับเขาเช่นนั้น มีคำว่าหยวน
เจ้าถวนสงบเสงี่ยมมาก แทบจะไม่ร้องไห้โวยวาย แต่พี่หญิงหยวนกลับวุ่นวายมาก ร้องไห้ง่าย โวยวายง่าย ไม่ทันได้กระดิกก็ร้องไห้จนเส้นเลือดที่สันจมูกปูดขึ้นมา เพิ่งจะครบเดือน ก็โดนตีแล้ว อ๋องหวยสงสารจนรีบแย่งไปอุ้มในอ้อมแขนทันที ไม่อนุญาตให้หรงเยว่ตีนาง
วันนี้พามาอยู่กับน้องสาว กลับยังดี แบะปากไม่กี่ครั้ง แต่ไม่ได้ร้องไห้ขึ้นมา
พี่หญิงหยวนก็หน้าตางดงามเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดูแล้วเหมือนหรงเยว่ นิสัยก็ร้อนดั่งไฟลุกโชนเช่นนั้น
เหล่าสะใภ้ที่ไม่มีหัวข้อสนทนา จึงได้พูดถึงเด็กๆขึ้นมา
หยวนหย่งอี้หัวเราะแล้วกล่าว“จำได้ว่าตอนที่พี่หยวนตั้งครรภ์เสี่ยวกวาจื่อ อารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว คิดว่านิสัยของเสี่ยวกวาจื่อก็ต้องฉุนเฉียว ใครจะรู้ว่ากลับกลายเป็นสาวน้อยที่สงบเสงี่ยมเช่นนี้ สุดท้ายนิสัยก็ยังเหมือนท่านแม่แท้ๆ พี่หยวนก็เป็นเช่นนี้”
“ใช่แล้ว ข้าก็คิดเช่นนี้ล่ะ ตอนนั้นพระชายารัชทายาทตั้งครรภ์นาง ก็เหมือนกับประทัด ยังนึกว่าจะให้กำเนิดประทัดน้อยซะอีก คิดไม่ถึงว่าประทัดน้อยจะเป็นหรงเยว่ให้กำเนิดซะแล้ว” พระชายาซุนกล่าว
หรงเยว่ปวดศีรษะหมดแล้ว “จวิ้นจู่มากมายเพียงนี้ ล้วนแต่เป็นเด็กดีและสงบนิ่ง ทำไมข้าถึงได้ให้กำเนิดลูกที่ไม่เอาไหนเช่นนี้ได้เล่า? ทำให้ข้าหงุดหงิดแทบตาย พวกท่านไม่รู้ ตอนกลางคืนจะต้องร้องไห้โวยวายหลายครั้ง หิวก็ต้องร้องไห้ ปัสสาวะก็ร้องไห้ ตกใจก็ร้องไห้ เสียงร้องไห้ก็ยังดังเป็นอย่างมากอีก เว้นไปหลายห้องปิดหูไว้ก็ยังได้ยิน มีบางครั้งที่ใจร้อนจริงๆ ข้าก็อดไม่ได้ลุกขึ้นไปตีนาง เพราะเจ้าหกสงสารลูกสาว ไม่อนุญาตให้ข้าไป กลับเป็นเขา ทุกครั้งทันทีที่ลูกร้องไห้ เขาก็จะรีบลุกขึ้นออกไปอุ้ม พูดไปก็แปลก พอเจ้าหกจัดการ คนก็สงบแล้ว”
แม่นมสี่หัวเราะแล้วกล่าว“ท่านอ๋องกับรัชทายาทเป็นพี่น้องกันจริงๆ ตอนนี้เพียงแค่องค์ชายรัชทายาทกลับมาก็จะไปดูจวิ้นจู่ก่อน มีบางครั้งที่กินข้าวอยู่ก็ต้องอุ้มไว้น่ะเพคะ”
“ล้วนเป็นทาสของลูกสาวน่ะ!” ฮูหยินเหยาหัวเราะแล้วกล่าวประโยคหนึ่ง ทุกคนหัวเราะก็หัวเราะฮาๆยกใหญ่แล้ว