บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1418 ลูกรักของข้า
เป่ยถัง!
เรื่องการแบ่งน้ำของแม่น้ำหวยและการสร้างเขื่อนทางกรมโยธาธิการและกรมคลังนั้นได้มีสาสน์กราบทูลข้อราชการเป็นฉบับที่สาม หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนได้ตรวจสอบแล้ว รู้สึกว่าเป็นไปได้ ครั้นจึงให้กรมคลังจัดสรรเงินลงไป ร่วมมือกับกรมโยธาธิการในการเริ่มก่อสร้างแม่น้ำหวย
โครงการใหญ่ขนาดนี้ องค์รัชทายาทที่เป็นผู้ริเริ่ม จึงขอคำสั่งไปควบคุมการทำงานรอบหนึ่ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้ว่าพระชายารัชทายาทร่วมเดินทางไปรักษาอาการป่วยกับโสวฝู่ เด็กไม่กี่คนในจวนไม่มีผู้ปกครองอยู่ชั่วคราว จะได้ที่ไหน? จึงสั่งการให้อ๋องหวยไปทำเรื่องนี้
เพียงแต่ หลังจากออกพระราชโองการแล้ว เขากลับมีพระประสงค์ใหม่
ขึ้นครองราชย์ในปีที่สอง เขาเคยไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่แม่น้ำหวยแล้ว ใช้คำพูดของอ๋องชินเฟิงอัน หลังจากเขาขึ้นครองราชย์แล้ว ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือการจัดการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนั้น ในที่สุดตอนนี้แม่น้ำหวยก็กำลังจะเริ่มก่อสร้างแล้ว เขามีความคิดอยากจะไปสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไร เมืองในบางท้องที่ของแม่น้ำหวย ชื่อเสียงและความนิยมของเขาก็สูงมาก
ตอนนี้รัชทายาทก็มีอำนาจอิทธิพลแล้ว ดังนั้นเขาออกเดินทาง รัชทายาทก็สามารถควบคุมแคว้นได้ ก็ควรจะปล่อยมือให้เขาได้ฝึกฝนสักหน่อยแล้ว
อาณาเขตประเทศของเป่ยถังนี้ เขาที่เป็นฮ่องเต้ผู้นี้ก็ไม่เคยได้วิ่งไปที่ไหนมาก่อน แต่แม่น้ำหวยนี้กลับสามารถไปได้หน่อย
หลังจากที่ตัดสินใจ เขาออกพระราชโองการ ฮ่องเต้ออกเสด็จประพาสทางทิศใต้ รัชทายาทดูแลปกครองประเทศ!
หลังจากกำหนดการเสด็จประพาสทางทิศใต้แล้ว ออกพระราชโองการให้อ๋องหวย อ๋องซุนร่วมเดินทางด้วย กู้ซือนำกองทหารรักษาพระองค์เดินทางไปด้วย
ในวังหลัง พาไปเพียงฮู่เฟยแม่ลูกเท่านั้น ตอนนี้นิสัยขององค์ชายสิบมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เห็นได้ว่าการอยู่ในจวนอ๋องฉู่หลายวันมานี้ก็ยังได้ผล ตอนนี้เสด็จประพาส ก็จะได้พาเขาไปเปิดหูเปิดตาสักครั้ง
อ๋องหวยไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ หากเป็นเมื่อก่อน หรงเยว่จะต้องติดตามไปด้วยเป็นแน่ แต่ว่า ตอนนี้มีลูกแฝดชายหญิงแล้ว บุตรชายบุตรสาวยังเยาว์วัย ทนไม่ได้กับการเดินทางในเส้นทางที่สั่นสะเทือน จึงส่งคนไปคุ้มกันเขาสองสามคน ตัวเองก็ไม่ติดตามไปด้วยแล้ว
อ๋องซุนกลับพาพระชายาซุนและจวิ้นจู่ไปด้วยกัน
ขบวนรถเสด็จของฮ่องเต้ออกจากเมืองหลวงไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ หยู่เหวินเห้าและบรรดาขุนนางออกมาส่งเสด็จที่ประตูเมือง ฮ่องเต้หมิงหยวนกำชับครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เขาขยันทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการบ้านการเมือง อย่าให้เรื่องสำคัญล่าช้าเพราะพระชายารัชทายาทไม่อยู่
หยู่เหวินเห้ารับคำสั่ง “เสด็จพ่อวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง พระองค์ออกเดินทางครั้งนี้จะต้องระมัดระวังทุกๆเรื่องนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว“วางใจเถอะ มีคนตามเสด็จมากมายเพียงนี้ ข้าจะไม่เป็นอะไร ข้ารู้สึกเพียงแค่ เป็นฮ่องเต้มาตั้งนานแล้ว อ่านและสั่งการสาสน์ราชการที่แต่ละเมืองส่งมาให้ทุกวัน ก็ราวกับว่าอาณาเขตประเทศนี้อยู่ในสาสน์ราชการ ข้าจะต้องออกเดินดูประเทศนี้ ว่าเป็นเหมือนในสาสน์ราชการหรือไม่”
“เป่ยถังจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆพ่ะย่ะค่ะ!” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความมั่นใจเป็นที่สุด
“อืม เจ้ามีความมั่นใจเช่นนี้ ข้าปลื้มใจมาก” ฮ่องเต้หมิงหยวนตบไหล่ของเขา “ได้แล้ว กลับไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องส่งข้า!”
“กระหม่อมจะมองดูส่งเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!” หยู่เหวินเห้าทำมือเคารพและไหว้ลงไป!
รอจนขบวนเสด็จกองเกียรติยศเริ่มออก หยู่เหวินเห้าก็กำชับกู้ซืออีกสองสามครั้ง จำเป็นต้องปกป้องเสด็จพ่อให้ดี
กู้ซือกล่าว“ตอนนี้ใต้หล้าสงบสุข จะไม่มีอุบัติเหตุอะไร ท่านวางใจเถอะนะพ่ะย่ะค่ะ!”
พูดจบ ก็ยกมือขึ้น แล้วควบม้านำทางอยู่ด้านหน้า
เมื่อเห็นว่าขบวนเสด็จของฮ่องเต้ค่อยๆหายไปจากเบื้องหน้า หยู่เหวินเห้าหมุนตัว นำขุนนางกลับเมือง
อันที่จริง เสด็จพ่อเสด็จออกตรวจตราทางทิศใต้ เขาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก ความทุกข์ยากของชาวบ้าน อย่างไรก็ต้องเห็นด้วยตาตนเองจึงจะเป็นความจริง บนสาสน์กราบทูลข้อราชการ มีการปิดบังมากมายเพียงใดกันแน่ นั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์สูง จะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือเท็จ?
รอจนยายหยวนกลับมา เขาก็จะพายายหยวนไปเดินให้ทั่วๆ ดีที่สุดคือการเดินทางเหยียบย่ำไปทั่วทุกตารางนิ้วของเป่ยถัง
พูดถึงยายหยวน คิดถึงนางจัง!
ตอนนี้เปาเปาก็ไม่ได้เจอนางแล้ว บอกว่านางออกไปเที่ยวเล่นกับไท่ซ่างหวงพวกเขาแล้ว ไปที่ใดกันจะต้องไปครึ่งเดือนแน่ะ? รู้หรือไม่ว่าคนอื่นกำลังคิดถึงจนเป็นทุกข์?
กวากวาก็พลิกตัวได้แล้ว!
เสี่ยวกวาจื่อติดเขามาก ตอนกลางคืนมักจะต้องรอจนเขากลับมาหยอกล้อสักหน่อยอยู่เสมอจึงจะยอมหลับ และยังต้องให้เขาอุ้มก่อนด้วยถึงจะได้
เขาจำต้องยอมรับว่า เป็นพ่อแม่ ต่อให้จะยึดมั่นในความยุติธรรมไม่ลำเอียงอย่างไร แต่ก็ต้องมีความลำเอียงอยู่เล็กน้อยเสมอ แต่อาจจะเป็นเพราะพวกเด็กๆและเจ้าแฝดโตขึ้นหน่อยแล้ว หรือบางทีตอนนั้นพวกเด็กๆและเจ้าแฝดอาจจะไม่ได้ติดและพึ่งพาเขาเช่นนี้
อย่างไรเสีย สำหรับลูกสาว เขาจะใจอ่อนมากกว่าหน่อย
แต่ในการกระทำของเขา จะไม่มีทางลำเอียงเด็ดขาด เขารักพวกเด็กๆและเจ้าแฝดมากเหมือนกัน ทุกคืนก็จะใช้เวลาอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา ยายหยวนเคยพูด การเติบโตทุกระยะของลูกๆ พ่อแม่จะต้องไม่บกพร่อง เขาจดจำและระมัดระวังอยู่เสมอ
กลับถึงจวน เหล่าหงและฮุ่ยเทียนมาแล้ว
ตอนนี้ฮุ่ยเทียนและเหล่าหงกลายเป็นเพื่อนกันแล้ว อาจจะเป็นเพราะล้วนออกมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่า มีหัวข้อสนทนาเดียวกัน
“รัชทายาท มีเรื่องหนึ่งต้องขอร้องเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ!” แต่ไหนแต่ไรฮุ่ยเทียนจะไม่พูดไร้สาระ พูดความตั้งใจตรงๆ “คือเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ เหยาเอ๋อบอกว่าต้องการเลื่อนการแต่งงาน รอพระชายารัชทายาทกลับมา ขอให้ท่านมอบจดหมายให้พระชายารัชทายาทฉบับหนึ่งให้นางรีบกลับมาหน่อยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? การแต่งงานได้กำหนดไว้ตั้งนานแล้ว เปลี่ยนวันแต่งงานไม่เป็นมงคลพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่เป็นมงคล?” หยู่เหวินเห้าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเชื่อสิ่งนี้ด้วยหรือ?”
“เรื่องแต่งงานเรื่องใหญ่ เป็นธรรมดาที่จะต้องระวังหน่อยพ่ะย่ะค่ะ” ฮุ่ยเทียนกล่าวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
แวบเดียวหยู่เหวินเห้าก็มองเขาทะลุแล้ว “เจ้ารีบร้อนอะไร? แม้จะรออีกสามปี คนก็เป็นของเจ้า หนีไปไม่พ้น”
ฮุ่ยเทียนร้อนใจขึ้นมาทันที “สามปี? หมายความว่าอะไรพ่ะย่ะค่ะ? ความหมายของท่านคงไม่ใช่ว่าอีกสามปีพระชายารัชทายาทถึงจะกลับมาหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าเฮ้ยเสียงหนึ่ง “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล อีกสองเดือนห้าวันยายหยวนของข้าก็จะกลับมาแล้ว”
เมื่อฮุ่ยเทียนได้ฟัง ก็ร้อนรนเหมือนกับจะต่อยตีกันขึ้นมาในพริบตา “อีกสองเดือนหรือพ่ะย่ะค่ะ? เดิมทีกำหนดแต่งงานของข้าเหลือแค่หนึ่งเดือนกว่า นี่ไม่ใช่ว่าต้องล่าช้าไปอีกหนึ่งเดือนหรือ? ยังไงก็ขอร้องรัชทายาทส่งจดหมายให้พระชายารัชทายาทกลับมาเร็วหน่อยด้วยเถอะนะพ่ะย่ะค่ะ!”
หยู่เหวินเห้าผายมือออก “จนปัญญา อาจารย์ของนางบอกแล้วว่า การบาดเจ็บของโสวฝู่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้ถึงจะหายดีได้”
ไม่สนใจความผิดหวังฮุ่ยเทียน เขามองไปทางเหล่าหง ถามด้วยเจตนาร้ายเต็มเปี่ยม “เจ้ามีเรื่องอะไร?”
หงเย่ยกเสื้อคลุมขึ้นเข้าประตูมาอย่างนิ่งเฉย “ข้าจะมีเรื่องอะไรได้? ข้ามาหาลูกสาวบุญธรรมของข้า”
“ใครเป็นลูกสาวบุญธรรมของเจ้า?” เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้เขาก็ร้อนใจ “ไม่ใช่ว่าพูดแล้วหรือ? ไม่เอาพ่อบุญธรรม มีอาจารย์คนเดียวก็ทำให้คนหงุดหงิดพออยู่แล้ว เจ้ายังมาเป็นพ่อบุญธรรมอะไรอีก?”
“ไม่อาจทำตามท่านได้ รอจนน้องฟีนิกซ์โตขึ้น ตัดสินใจด้วยตัวเอง!” หลังจากที่หงเย่เดินเข้าไป ดึงลูกคอแล้วก็เรียกขึ้นมา “ลูกสาวที่รัก ท่านพ่อมาแล้ว!”
หยู่เหวินเห้าโกรธจนกัดฟันกรอด แทบอยากจะถือมีดไปสับเขาให้เอาไป ดีที่สุดก็ไล่เขาไปหาอะโฉ่วของเขาที่เจียงเป่ยซะ
เขารีบไล่ตามเข้าไป มือหนึ่งของฮุ่ยเทียนดึงแขนของเขาไว้ “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาท พวกเราเจรจาเรื่องนี้กันก่อน ถ้าอาการบาดเจ็บของโสวฝู่หายดีแล้ว จะสามารถก่อนได้……..”
หยู่เหวินเห้าสะบัดออกจากเขา รีบไล่ตามเหล่าหงไป
ที่ทำให้หยู่เหวินเห้าปวดใจที่สุดคือ เสี่ยวกวาจื่อดูเหมือนว่ายังจะชอบเหล่าหงมากอีกด้วย ทุกครั้งที่เหล่าหงอุ้มนาง หยอกให้นางหัวเราะ นางล้วนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากขึ้นมา ไว้หน้าเป็นที่สุด
ทุกครั้งที่เห็นฉากนี้ เขาก็รู้สึกว่ามีในท้องมีไฟโทสะในใจมีไฟแผดเผา
ไล่ตามไปถึงตำหนักเซี่ยวเยว่ เหล่าหงก็อุ้มเสี่ยวกวาจื่อมาจากมือของแม่นมสี่แล้ว นั่งอยู่ใต้ระเบียง กำลังแตะคางของนางเบาๆ เสี่ยวกวาจื่อก็หัวเราะแล้วพ่นน้ำลาย ใบหน้าเล็กๆที่งดงามใสอมชมพูดั่งหยกสลักนั่น ราวกับดอกไม้บานสะพรั่งดอกหนึ่ง
“พอได้แล้ว ได้อุ้มแล้วก็พอ ไปเถอะ!” หยู่เหวินเห้าเอื้อมมือไปแย่งลูกสาวกลับคืน น่ากังวลใจจริงๆ ไม่ง่ายที่จะให้กำเนิดบุตรสาวได้คนหนึ่ง แต่ละคนล้วนคิดถึง ทันทีที่ว่าง ท่านชายสี่สามีภรรยา เหลิ่งจิ้งเหยียน เหล่าหง ยังมีเสี้ยวหงเฉิงอีก เหมือนรวมตัวกันพุ่งมาเช่นนั้น