บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1419 การโต้แย้งของงานแต่งงาน
ในมือของเหล่าหงว่างเปล่าในทันที เห็นว่าลูกสาวถูกแย่งตัวกลับไป จึงกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ไม่เคยเห็นคนขี้เหนียวเช่นนี้มาก่อน”
“เจ้ามีปัญญา ก็ไปเกิดเองสิ!” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความโมโห
“ข้าไม่ต้องเกิด นางก็คือลูกสาวบุญธรรมของข้า ท่านดูให้ถี่ถ้วน หน้าตาของนางเหมือนท่านหรือข้า?” เหล่าหงเอ่ยถาม
นี่คือความเจ็บปวดในใจของหยู่เหวินเห้า
เสี่ยวกวาจื่อดูเหมือนยายหยวน แต่โครงหน้าของเหล่าหงก็คล้ายกับยายหยวน นี่ก็ทำให้เสี่ยวกวาจื่อดูแล้วคล้ายกับหงเย่นิดหน่อยแค่นั้น
แม้ว่าจะเป็นเพียงนิดหน่อย แต่จิตใจของหยู่เหวินเห้าก็ยังไม่พอใจมาก ลูกสาวของเขา ทำไมถึงต้องคล้ายเขาเหล่าหงเล็กน้อยด้วย?
ยังดีที่ ดวงตาของกวากวาเหมือนเขา เมื่อเทียบกันแล้ว กวากวาก็ยังเหมือนเขามากกว่าหน่อย
“ไปๆ ๆ ๆ ไม่ต้องมาอีก!” เขาไล่คนออกไปนอกบ้าน
หงเย่ลุกขึ้นยืนถามแม่นมสี่ “ควรจะกินนมแล้วสินะ? รีบอุ้มไปกินนม ทำให้ลูกสาวบุญธรรมของข้าหิวจะไม่ดีแน่!”
การแสดงนี้ก็ไม่ได้แสดงเป็นครั้งแรกแล้ว แม่นมสี่ก็ดูจนคุ้นชินแล้ว หัวเราะและกล่าว“ใช่ควรกินนมแล้วเจ้าคะ องค์ชาย เอาจวิ้นจู่ให้ข้าเถอะเจ้าคะ!”
แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะอยากอุ้มให้มากอีกหน่อย แต่ก็ทำใจให้ลูกหิวไม่ได้ เอาลูกส่งไว้ในมือของแม่นมสี่ “ได้ รีบไปเถอะ!”
หลังจากที่แม่นมสี่อุ้มเด็กไปแล้ว เขาก็หันกลับมาจ้องหงเย่อย่างฉับพลัน “เจ้าไม่มีธุระเรื่องสำคัญอื่นต้องทำรึไง?”
“มาดูลูกสาวบุญธรรมของข้าก็คือธุระสำคัญ!” หงเย่กล่าว
หยู่เหวินเห้าปวดหัวขึ้นมาทันที “ไม่ได้ ข้าจะต้องจัดการงานอื่นให้เจ้าไปทำอีก ตอนนี้เจ้าว่างเกินไปแล้ว”
ก่อนหน้านี้เคยลองจัดการให้เขา แต่ว่า วันเว้นวันไม่ไปบ้าง หลังจากนั้นมาก็ไม่ทำโดยตรงแล้ว เขาบอกว่า อิสรเสรีไม่โดนผูกมัดจนชินแล้ว ขี้เกียจเป็นขุนนาง
หยู่เหวินเห้าคิดว่าต้องไปหาเหลิ่งจิ้งเหยียนเพื่อหารือ ดูว่ามีงานอะไรที่เหมาะให้เขาไปทำ
“รัชทายาท……” ฮุ่ยเทียนยังไม่ตายใจวิ่งไล่ตามเข้ามา มองไปทางเขาด้วยความขุ่นเคือง
หยู่เหวินเห้านวดขมับ “ฮุ่ยเทียน เจ้าก็รอไปอีกหนึ่งเดือนไม่ได้หรือ?”
“ที่สำคัญคือการเลื่อนวันแต่งงานไม่เป็นมงคลพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าคือร้อนใจจะเข้าหอ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้!” หยู่เหวินเห้าตะคอกออกมาเสียงหนึ่ง
ฮุ่ยเทียนตะลึงงันแล้ว “ท่าน……ท่านพูดอย่างนี้ได้เช่นไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ? ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่หรือไม่เจ้ารู้อยู่แก่ใจ แสร้งเป็นยึดมั่นในคุณธรรมอะไร? เป็นผู้ชายด้วยกัน!” หยู่เหวินเห้าหมุนตัวเข้าตำหนักเซี่ยวเยว่ ก่อนปิดประตู ตะโกนใส่เขาทั้งคู่เสียงหนึ่ง “รีบไปซะ ฮุ่ยเทียน เจ้ายึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ก็ไปเกลี้ยกล่อมฮูหยินเหยาเอง ก็บอกว่าเลื่อนช้าออกไปไม่เป็นมงคล”
ฮุ่ยเทียนผิดหวังเป็นอย่างมาก ก็เพราะไม่อยากคัดค้านคำขอของเธอ จึงได้มาหาเขา
แต่หงเย่กลับดีใจเป็นที่สุด อย่างไรเสีย วันนี้เขาได้อุ้มลูกสาวแล้ว จึงหันหลังเดินจากไปอย่างมีความสุข
ความหงุดหงิดใจของหยู่เหวินเห้าที่อยู่ในเป่ยถัง หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้รับรู้
นางออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกเป็นเพื่อนสามผู้ยิ่งใหญ่ทุกวัน ข้ามจังหวัดข้ามมณฑล วิ่งเที่ยวไปจุดทัศนียภาพและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งหมดรอบหนึ่ง
หลังจากนั้นก็คิดถึงเจ้าห้าและลูกๆอย่างมากจริงๆ จึงได้หยุดการเดินทางลงชั่วคราว กลับไปที่บ้านก่อนผู้เฒ่าทั้งสามที่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเปิดประสบการณ์ ทัศนวิสัยล้วนไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนเช่นนั้นแล้ว สำหรับเรื่องอะไรก็ล้วนมีความอยากรู้อยากเห็น
ออกไปเที่ยวครึ่งเดือนแล้วกลับมา แม่ของหยวนชิงหลิงใช้ความชำนาญที่มีทั้งหมดในตัวออกมาต้อนรับเป็นธรรมดา ทำอาหารรสเลิศให้พวกเขา แล้วหาเหล้ามาอีกขวดหนึ่ง ให้นายท่านสองสามคนดื่มแก้วเล็กๆสักแก้ว!
ระหว่างมื้ออาหาร ไท่ซ่างหวงถามศาสตราจารย์หยวนว่า “ถูกแล้วเจ้าห้าลูกเขยผู้นี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”
ศาสตราจารย์หยวนยิ้มและพยักหน้า “พอใจเป็นธรรมดา พอใจเป็นอย่างมากเชียว”
เซียวเหยากงกล่าว“เจ้าไม่เคยพบเจอมาก่อน ทำไมถึงได้พอใจล่ะ?”
ไท่ซ่างหวงกวาดสายตามองดูเขาแวบหนึ่ง “ไม่เคยมา? ตอนนั้นไปทำงานกลับมา เอาบุหรี่และเหล้ามาให้พวกเรา แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของที่นี่”
เซียวเหยากงอ๋อคำหนึ่ง จึงนึกขึ้นได้ “ถูกแล้ว คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทจะเคยมาแล้ว? ข้ายังอยากจะบอกว่าให้รัชทายาทมาสักครั้งแน่ะ”
หยวนชิงโจวเงยหน้าขึ้น กล่าว“เพิ่งจะสังเกตได้หรือครับ? บนกำแพงไม่ได้มีภาพถ่ายของพวกเขาแขวนอยู่หรอกหรือครับ?”
เขาชี้นิ้วไป สามผู้ยิ่งใหญ่มองไป เห็นภาพรวมครอบครัวแขวนไว้อยู่ในห้องรับแขก ตะลึงในพริบตา ยังเป็นความจริงด้วย
เซียวเหยากงพูดอย่างเก้ๆกังๆ “แต่งตัวแบบนี้ ใครจะจำได้? ไม่เหมือนกันเลย”
ความเป็นจริง ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยมาที่ห้องรับแขกนี้แค่สามครั้ง ออกจากโรงพยาบาลกลับมากินข้าวเย็น วันรุ่งขึ้นตอนอาหารเช้า หลังจากนั้นก่อนออกเดินทางไปเที่ยวก็มาอีกครั้ง ตอนนั้นในใจมีปัญหา มัวแต่รู้สึกผิด จะไปมองไปตรงนู้นตรงนี้ได้ที่ไหน? แล้วจะคิดได้ที่ไหนกันว่าคนผู้นี้จะเป็นรัชทายาท?
แต่ทว่า ไท่ซ่างหวงสังเกตเห็นมานานแล้ว ขณะที่เขาสูบบุหรี่ในโรงภาพยนตร์ เห็นบุหรี่ม้วนนั้น ไม่ว่าอะไรเขาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ศาสตราจารย์หยวนได้ปรึกษากับไท่ซ่างหวงเกี่ยวกับการแต่งงานของพวกเขา
ศาสตราจารย์หยวนกล่าว“แม้ว่า ลูกสาวจะแต่งงานไปเป็นเวลานานแล้ว ลูกก็ให้กำเนิดไปห้าหกคนแล้ว แต่ว่า งานแต่งงานนั่นยังไงพวกเราก็ไม่ได้เข้าร่วม นี่เป็นความเสียใจของพวกเรา ฉะนั้น พวกเราจึงตั้งใจจะจัดงานแต่งงานชดเชยให้พวกเขา หวังว่าหลังจากที่ทะเลสาบจิ้งเปิดแล้ว ท่านทั้งสามก็อย่าเพิ่งกลับไปก่อน รอให้รัชทายาทมาจัดงานแต่งงานแล้วค่อยกลับไปพร้อมกัน เป็นอย่างไรขอรับ?”
เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานแต่งงานอีกครั้ง ไท่ซ่างหวงก็รู้ ตลอดการเดินทางครั้งนี้ หยวนชิงหลิงพูดพร่ำอยู่ตลอด บอกว่าที่นี่สามารถฮันนีมูนได้ ที่นั่นสามารถฮันนีมูนได้ แน่นอน พวกเขาก็ต้องการรู้ว่าอะไรคือการฮันนีมูน จึงถามไปหนึ่งรอบ
ไท่ซ่างหวงกล่าว“เรื่องนี้พวกเราไม่คัดค้าน เพียงแค่จัดงานแต่งงานก็ต้องจัดทำตามประเพณี ไม่สามารถทำแบบไม่สมเกียรติเกินไปได้”
“ทำตามประเพณีอะไร?” ศาสตราจารย์หยวนเอ่ยถาม
“พวกเจ้าทางนี้จัดอย่างไร?” ไท่ซ่างหวงให้เกียรติทางฝ่ายผู้หญิงก่อน
แม่ของหยวนชิงหลิงเข้ามาแล้วกล่าว“พวกเราทางนี้กลับไม่ได้พิถีพิถันมากมายนัก เรื่องของคนรุ่นใหม่ก็เป็นรูปแบบใหม่น่ะค่ะ เพียงแค่พวกเขารักใคร่กันก็พอ ก็แค่จองโรงแรม จัดงานเลี้ยงฉลอง เชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมแสดงความยินดีค่ะ”
“แล้วการแต่งงานแบบโบราณสามหนังสือหกพิธีการก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแล้วหรือ?”
แม่ของหยวนชิงหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันคิดว่าไม่จำเป็นแล้วค่ะ อย่างไรเสีย พวกเขาก็ให้กำเนิดลูกๆแล้ว ก็แค่จัดงานแต่งงานเพิ่งเติมในภายหลังเท่านั้นค่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่สมเกียรติมากน่ะสิ” ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้ว ทำให้หลานสะใภ้ของเขาน้อยเนื้อต่ำใจ
เขาหันกลับไปถามหยวนชิงหลิง “เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร? ไม่จัดให้ใหญ่โตหน่อยหรือ?”
หยวนชิงหลิงเดินเข้ามาแล้วนั่งลง กล่าว“ข้าคิดว่าไม่ต้องจัดใหญ่โตแล้วเพคะ อย่างไรเสีย ตอนนี้ฐานะที่นี่ของข้า ก็เป็นเพียงบุตรบุญธรรมของคุณแม่ เพียงแค่ทำตามพิธีการ จัดงานแต่ง ให้คุณพ่อคุณแม่ไม่เสียใจเท่านั้นเพคะ”
จัดงานพิธีแต่งงานงานหนึ่ง เธอก็ไม่ได้มีความเสียใจแล้ว
ไท่ซ่างหวงไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะจัดอย่างไม่สมเกียรติ เขามองไปทางโสวฝู่
โสวฝู่กล่าว“อันที่จริงจัดแบบธรรมดาหน่อยก็ได้ อย่างไรเสียอนาคตรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ก็ยังต้องจัดอีกรอบ ถึงเวลานั้นท่านอยากจะพิถีพิถันอย่างไรก็ได้”
สีหน้าของไท่ซ่างหวงไม่ดีในพริบตา “ถึงเวลานั้น ข้ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”
“พูดอะไรน่ะเพคะ?” หยวนชิงหลิงจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง
ไท่ซ่างหวงมองดูนาง “เกิดแก่เจ็บตาย เดิมทีก็เป็นเรื่องธรรมดา มีอะไรที่พูดไม่ได้? เจ้าเองก็เป็นหมอ ไม่ใช่ว่ากระจ่างที่สุดหรือ? ยังไงข้าก็หวังว่าจะจัดให้ดีหน่อย อย่างไรเสียตอนนั้นที่เป่ยถัง……นั่นก็ไม่ใช่เจ้า แม้ว่าจะเป็นเจ้า พิธีแต่งงานนั่นข้าก็ไม่เห็นด้วย ยิ่งไม่ได้อวยพรด้วย แต่หากว่าพวกเจ้ายืนกรานเช่นนี้ ข้าก็เคารพความคิดเห็นของพวกเจ้า”
พูดตรงๆ นี่ก็เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่มากอย่างหนึ่งของเขา เพราะว่า ตอนพิธีแต่งงานของพวกเขา เขาเสด็จปู่ผู้นี้ ไม่ได้มอบคำอวยพรให้!