บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1420 นายท่านสามที่อยู่เบื้องหลังประธานหยู
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1420 นายท่านสามที่อยู่เบื้องหลังประธานหยู
หยวนชิงหลิงตะลึงงัน มองดูไท่ซ่างหวง นางเข้าใจความคิดของท่านปู่แล้ว
นางกล่าวเบาๆ“ได้ ถึงเวลาพวกเราวางแผนระยะยาว!”
เช่นนี้ไท่ซ่างหวงจึงได้พยักหน้าด้วยความพอใจ “ดี พวกเราไม่ขาดแคลนเงินไม่เท่าไหร่นั่น จำเป็นต้องจัดแต่งงานให้ดี!”
โสวฝู่นั่งลงมา มองดูหยวนชิงหลิงแล้วกล่าว“พระชายารัชทายาท ข้ามีบางเรื่องอยากจะปรึกษากับท่านสักหน่อย!”
“ท่านพูด!” หยวนชิงหลิงหันมองดูโสวฝู่
โสวฝู่กล่าว“โรงเรียนของพวกท่านที่นี่มีที่รับสมัครผู้สูงอายุบ้างหรือไม่? ข้าอยากเรียนรู้บางสิ่งที่นี่เล็กน้อย”
“เข้าเรียน?” หยวนชิงหลิงอึ้งไปเล็กน้อย “ท่านต้องการจะเรียนอะไร?”
โสวฝู่กล่าว“ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องการจะเรียนอะไร เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นโอกาสหายาก แล้วทุกหนทุกแห่งของที่นี่ก็เต็มไปด้วยความรู้ เรียนรู้ให้มากหน่อยก็ย่อมจะดีเสมอ”
“เช่นนั้นตอนนี้ท่านสนใจอะไรมากที่สุดล่ะ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
โสวฝู่หัวเราะแล้ว “บอกตามตรง สนใจทุกอย่าง แม้แต่ต้นหญ้า ต้นไม้ ทราย และดินที่นี่ของพวกท่านก็เป็นความรู้ทั้งหมด”
หยวนชิงหลิงลำบากใจเล็กน้อย เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนแล้ว จะสามารถเรียนอะไรได้ล่ะ? อีกทั้ง เมื่อเริ่มเรียน ก็หมายความว่าจะไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกได้แล้ว ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงจะยอมได้หรือ?
เป็นดังคาด เซียวเหยากงถามขึ้นทันที “เจ้าไม่ไปเที่ยวแล้วหรือ?”
โสวฝู่มีสีหน้าลำบากใจ “อันนี้……ก็อยากออกไป”
หยวนชิงโจวที่อยู่ด้านข้างยิ้มและกล่าวว่า“งั้นก็ไม่ง่ายเหรอครับ? ทีแรกท่านไม่ได้สนใจความรู้ทางดาราศาสตร์เป็นอย่างมากหรือ? ก็ให้น้องสาวสอนพวกท่านระหว่างทาง ยังไงซะ ไท่ซ่างหวงและเซียวเหยากงก็มีความสนใจต่อสิ่งนี้เหมือนกัน”
เซียวเหยากงกล่าว“เรื่องนี้ก็พูดไปแล้วนี่ แม้แต่ระบบทางช้างเผือกพวกเราก็รู้หมดแล้ว”
หยวนชิงโจวเคลื่อนเก้าอี้เข้ามาโดยตรงแล้วพูดกับพวกเขา“เธอแค่เล่าให้พวกท่านฟังอย่างกว้างๆเท่านั้น ความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ในจักรวาลนี้น่ะ ไม่ต้องพูดถึงสามเดือน แม้ว่าจะสามปี สามสิบปียังเรียนรู้ได้ไม่หมด อย่างเช่น พวกท่านรู้ว่ามีดาวพฤหัสบดี เช่นนั้นพวกท่านรู้หรือไม่ว่าดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่มีสภาพเป็นแก๊สก็คือไม่มีพื้นดิน? ยังมีอีก พวกท่านรู้หรือไม่ว่ามีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเวลาที่ฝนตก ที่ตกลงมาก็คือเพชร? ยังมีดาวเคราะห์อีกดวง ด้านบนนั้นเหมือนกับการคงอยู่ของขุมนรกโดยแท้ เกิดภูเขาไฟระเบิดออกมาบ่อยๆ พ่นลาวาเข้าไปในจักรวาลอย่างต่อเนื่องไม่หยุด? ไม่ต้องเอ่ยถึงดาวเคราะห์ดวงอื่นแล้ว แค่โลกของเรา ภูเขาไฟ แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น สึนามิ ภัยพิบัติแต่ละอย่างนี้ทำไมถึงได้เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่มาก น้องสาวสามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้กับพวกท่านได้ตลอดทาง ก็นับว่าเป็นการเพิ่มความรู้แล้วครับ”
ตอนนี้เพียงแค่พูดเรื่องมหภาคเล็กน้อย ก็สามารถสะกดพวกเขาทั้งสามไว้ได้ สำหรับการสำรวจเรื่องที่ไม่รู้จัก เป็นสิ่งที่มนุษย์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
“ก็ตัดสินใจเช่นนี้แล้ว!” ไท่ซ่างหวงรีบตัดสินใจตกลงทันที
โสวฝู่รู้สึกว่าก็เหมาะสม แล้วนี่ก็ล้วนเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ รู้แล้ว จิตใจก็เต็มอิ่มมากขึ้นแล้ว
กล่าวถึงประธานหยูที่ได้ซื้อกีบม้าทองคำนั่น หลังจากที่ได้รับของล้ำค่าเหล่านั้นแล้ว มักคิดอยากจะซื้อกล้องบุหรี่และแหวนหยกหัวแม่มือในมือของหยวนชิงหลิงอีกอยู่เสมอ
นั่นล้วนเป็นของดีทั้งนั้นเชียวล่ะ
เขาก็มองออก อีกฝ่ายเป็นคนซื่อตรง กีบม้าทองคำเหล่านั้นเขาเสนอราคาหกสิบล้าน แต่เวลามอบให้ ฝ่ายตรงข้ามเอาเพียงแค่ห้าสิบล้านเท่านั้น หากว่าพวกเขายินยอมเอาของล้ำค่าเหล่านั้นออกมาทั้งหมด ก็จะไม่เสนอเงื่อนไขที่สูงมากไปนัก
สำหรับกีบม้าทองคำเหล่านั้น เขาศึกษาค้นคว้าแล้ว ด้านล่างเขียนว่าคลังหลอมโลหะในเป่ยถัง เป่ยถังที่เขารู้จัก น่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของช่วงราชวงศ์โจวกษัตริย์โจวมู่ เคยมีบันทึกไว้ในม้วน《พงศาวดารไม้ไผ่》“ในปีที่แปดกษัตริย์โจวมู่ มีทหารของเป่ยถังมา มอบม้าสีดำให้ตัวหนึ่ง เป็นม้าพันฑุ์ดี”
แต่ว่า ในเวลานั้น เป่ยถังเป็นเพียงชนเผ่าของชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง และไม่มีทักษะการหล่อทองและการสานตะกร้าด้วยกิ่งหลิวที่ครบครัน แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้มองพลาด นอกซะจากว่า คือมียุคสมัยหนึ่งที่สั้นมากๆหรืออารยธรรมที่ไม่เคยถูกค้นพบ? เมื่อคิดถึงจุดนี้ เขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
เขาไปเยี่ยมนักเก็บสะสมเก่าแก่คนหนึ่งด้วยตัวเอง นักเก็บสะสมชราท่านนี้เก่งกาจเป็นที่สุด รู้กระจ่างทั้งโบราณกาลและปัจจุบัน แค่มองแวบเดียวก็แยกแยะได้ว่าจริงหรือปลอม และที่สำคัญที่สุดคือข่าวลือในท้องตลาด เขาก็อาศัยกีบม้าทองคำในการสร้างตัว และส่วนด้านใต้ของกีบม้าทองคำเหล่านั้น ตัวอักษรที่แกะสลักก็เหมือนจะเป็นไม่กี่ตัวนี้ เขาไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน ก่อนหน้านี้ได้ยินผู้เชี่ยวชาญพูด เพียงแต่ไม่ได้พูดอย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่แน่ใจ
“นายท่านสาม ท่านดู กีบม้าทองคำไม่กี่อันนี้พวกนี้ที่เก็บมาได้ในช่วงนี้สิครับ ท่านดูตัวอักษรที่ด้านใต้สิครับ!” ประธานหยูเอากีบม้าทองคำวางไว้บนโต๊ะในห้องหนังสือ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังภาพวาดโบราณและตัวอักษรที่แขวนอยู่บนผนังห้องหนังสือแวบหนึ่ง ห้องหนังสือนี้ ล้ำค่าเป็นที่สุดจริงๆ ไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด
นายท่านสามที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือเป็นชายชราผมขาวใบหน้าอ่อนเยาว์ ทุกครั้งที่เขาพบเจอเขา ประธานหยูก็มักจะคิดว่าเขาตั้งใจย้อมผมสีขาวแสร้งทำเป็นคนแก่ เพราะว่า สีหน้าของเขาดียิ่งกว่าตัวเองที่ยังเป็นชายหนุ่มร่างกำยำซะอีก
นายท่านสามเหลือบมองกีบม้าทองคำเหล่านี้ เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา พลิกตัวอักษรที่สลักอยู่ด้านใต้ ขณะที่เห็นคลังหลอมโลหะในเป่ยถัง ก็เหลือบตาขึ้นมอง “ไปเอามาจากที่ไหน?”
“รับมาจากมือของหมอท่านหนึ่ง อีกฝ่ายต้องการตัวละห้าสิบล้านครับ!”
“เจ้าหนุ่มเธอได้เปรียบมากแล้ว!” นายท่านสามวางลง กล่าวอย่างราบเรียบ“เธอต้องการจะขายให้ฉันหรือ? เสนอราคามา!”
ประธานหยูยิ้ม “ไม่ ไม่ใช่ครับ ผมแค่อยากขอคำชี้แนะจากท่าน ตัวอักษรสลักที่อยู่ด้านใต้ ตามหลักแล้วไม่ใช่ชนเผ่าเป่ยถังของทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกต้องหรือไม่ครับ?”
“ไม่ใช่!” นายท่านสามส่ายหน้าช้าๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง “ส่วนจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ จะเป็นคนในวงศ์ตระกูลของเป่ยถังที่มีอำนาจทางการเมืองในระยะสั้นทำต่อเนื่องกันหรือไม่ ไม่สามารถสำรวจได้ในเวลาอันสั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้นี้”
ประธานหยูมองดูเขา มีสีหน้าร้องขอด้วยความจริงใจ “นายท่านสาม ท่านจะต้องรู้อย่างแน่นอนสินะครับ? ท่านก็บอกผมเถอะ อย่างมาก ผมก็แนะนำคุณหมอท่านนั้นให้ท่านรู้จักได้ ในมือของเขายังมีของดีบางอย่างอยู่”
“เธอประเมินฉันสูงไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่าง ส่วนหมอท่านนั้นที่เธอพูดถึง ก็สามารถแนะนำได้!” นายท่านสามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายท่านสาม เรื่องเมื่อก่อนของท่าน ผมก็ได้ยินมาบ้าง ปีนั้นท่านก็ขายกีบม้าทองคำเหล่านี้เพื่อสร้างตัว แน่นอนล่ะ หลังจากที่ท่านร่ำรวยขึ้น ก็เก็บกีบม้าทองคำไม่กี่ชิ้นนั้นกลับไป ผมรู้ ด้านใต้กีบม้าทองคำของท่าน ก็สลักอักษรไม่กี่ตัวนี้เอาไว้”
ประธานหยูพูดเช่นนี้ ก็มีความหมายของการหยั่งเชิงเล็กน้อย
นายท่านสามเป็นคนที่ยอดเยี่ยมระดับไหน? จะถูกเขาถามหยั่งเชิงออกมาอย่างง่ายดายได้ยังไงล่ะ เพียงแค่หัวเราะอย่างนิ่งเฉย “เจ้าหนุ่ม ขายก็ขาย แนะนำก็แนะนำ เรื่องอื่น ไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิง คนมีความสามารถไม่ถามที่มาของคนอื่น ฉันไม่สืบเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องถามฉัน”
ประธานหยูกล่าวอย่างทำตัวไม่ถูก“ใช่ ใช่ครับ ลืมตัวเสียมารยาทแล้วครับ”
นายท่านสามมองดูเขา “คนมีความสามารถไม่ถามที่มาของคนอื่นแนะนำหมอท่านนี้มา หากว่าฉันสามารถซื้อวัตถุล้ำค่าในมือของเขาได้ ก็สามารถพูดให้เธอฟังได้นิดหน่อย สำหรับตอนนี้ที่สามารถบอกเธอได้คือ กีบม้าทองคำที่เธอได้มาเหล่านี้ กำไรเพิ่มเป็นเท่าตัวแล้ว อย่าขายออกไป เก็บไว้เถอะ”
“ไม่ขาย ไม่ขายเด็ดขาดครับ!” ประธานหยูรีบกล่าว ชะงักครู่หนึ่งแล้วกล่าวอีก“ผมจะนัดเขาออกมา แต่ว่า อีกฝ่ายจะขายหรือไม่ ต้องดูเสน่ห์ของนายท่านสามแล้ว บางทีให้เงินมากหน่อย ก็ขายแล้วครับ”
นายท่านสามหัวเราะเล็กน้อยแล้วโบกมือ “คนที่มีของดีเหล่านี้ อีกทั้งยังขายกีบม้าทองคำมากมายขนาดนี้ให้เธอ ไม่ขาดแคลนเงิน ก็ดูว่าขาดอะไร ฉันนายท่านสามเป็นคนท้องถิ่น เส้นสายก็ยังมี และดูว่าพวกเขาต้องการอะไร แต่ซื้อขายคือการยินยอมของสองฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่ขาย พวกเราก็ฝืนบังคับไม่ได้ เจ้าหนุ่มเธอก็อย่าไปคิดถึงแต่ของของคนอื่นอยู่ตลอด ใครจะไม่อยากเก็บของล้ำค่าให้คนรุ่นหลังกันบ้างล่ะ?”