บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1421 อยากซื้อกล้องสูบบุหรี่
ประธานหยูถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านก็รู้ พวกเราที่เป็นนักสะสมพวกนี้ ไม่ได้เห็นของดีก็ยังดี เมื่อเห็นของดีแล้ว จะไม่คิดอยากได้หรือ? กล้องสูบบุหรี่หนึ่งอัน ลายมังกรพันรอบ แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม ไม่เคยเห็นสิ่งของที่ดีขนาดนี้มาก่อน เสียดายที่ตอนนั้นข้าไม่สามารถเอามาเป็นเจ้าของได้”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่สิ่งของที่ดีแบบนั้นไม่อยู่ในมือของตนเอง ยังไงก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ
ดังนั้น เมื่อเขาออกมาจากบ้านนายท่านสาม ก็รีบโทรหาศาสตราจารย์หยวน หวังอยากที่จะนัดออกมาเจอกัน เพื่อถามเรื่องกีบม้าทองคำ
ศาสตราจารย์หยวนเห็นกีบม้าทองคำพวกนั้นขายได้ราคามากมายขนาดนี้ ส่วนเป่ยถังมีอยู่ในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ประเทศที่มีอยู่จริงในตอนนี้ เขากระวนกระวายใจอยู่ตลอด ตอนนี้ได้ยินประธานหยูพูดว่าอยากเจอเพื่อคุยเรื่องกีบม้าทองคำ ก็นึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนใจ เขาจึงเริ่มคำนวณ ในบัญชียังมีเงินเหลือเท่าไหร่ จะต้องรวบรวมคืนคนอื่นเขาไป
เงินก้อนนี้ ตอนนี้เพิ่งซื้อบ้านไป รถของหยวนชิงโจวเขาออกเงินซื้อเอง ถึงแม้หลิงเอ๋อบอกว่าจะเอาส่วนหนึ่งในนี้จ่าย แต่เขายืนยันที่จะซื้อเอง ดังนั้นตอนนี้หากจะคืนกลับไป ก็จะต้องรวบรวมเงินค่าบ้านให้ครบ ยังขาดอีกประมาณสิบล้าน
แต่เงินเก็บทั้งหมดมารวมกัน ก็แค่สองสามล้าน เขาเป็นกังวลอย่างมาก
เขาคิดว่าหลังจากเจอประธานหยู ดูสิว่าจะสามารถให้เวลาหน่อยได้ไหม เขาเอาบ้านไปจำนองแล้วเอาเงินมาคืน
หลังจากตัดสินใจเช่นนี้แล้ว เขาก็บอกกับหยวนชิงหลิงเรื่องที่ประธานหยูขอนัดเจอ ให้หยวนชิงหลิงไปเป็นเพื่อน ยังไงเรื่องกีบม้าทองคำ นางจะได้มีคำอธิบายที่เหมาะสม
เขาคิดว่านี่ไม่เท่ากับเป็นการหลอกลวง ยังไงตอนที่ขาย ก็ไม่ได้โกหกเขา เขาตั้งราคาขึ้นมาเอง ดังนั้นคิดว่ายังไงประธานหยูก็ไม่สร้างความลำบากใจ จึงเรียกหยวนชิงหลิงไปด้วย
หยวนชิงหลิงเห็นพ่อเป็นกังวลเรื่องนี้ จึงยิ้มพร้อมพูดปลอบว่า “เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจ ลูกมั่นใจ ที่นัดพวกเราไป คงเพราะอยากได้สิ่งของอย่างอื่นในมือของพวกเรา”
“แต่ เป่ยถังในรัชสมัยนี้ เราไม่มี”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “พ่อ เป่ยถังมีอยู่จริง ถึงแม้จะไม่ใช่ห้วงเวลาเดียวกัน แต่ในเมื่อห้วงเวลากับห้วงเวลาสามารถบรรจบกันได้ ก็จะต้องมีร่องรอยปรากฏให้เห็นบ้าง พวกเขาที่เป็นนักสะสม เห็นอะไรมาเยอะกว่าพวกเรา พวกเขามีโอกาสได้เห็นสิ่งของมากมาย ไม่ใช่สิ่งของที่มีอยู่ในรัชสมัยนี้ พวกเขาจะสะสมอารยธรรมที่สาบสูญที่ค้นพบอยู่เสมอ และเป่ยถัง เหตุใดจึงไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิดว่าเป็นอารยธรรมที่สาบสูญไปไม่ได้ล่ะ? ความจริงแล้ว ตอนที่อยู่ซีโจว ซีเป่ยก็เคยมีเมืองเป่ยถัง พ่อจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ และก็สามารถพูดว่าเวลาและพื้นที่มีจุดเหลื่อมกัน วางใจ เราไปเจอพวกเขาก่อน”
ได้ยินลูกสาวพูดเช่นนี้ ศาสตราจารย์หยวนค่อยวางใจขึ้นมา จึงนัดสถานที่และเวลา อีกฝ่ายเป็นคนเลือกสถานที่ บอกว่าเป็นบ้านของนายท่านสามนักสะสมผู้ยิ่งใหญ่
“พ่อ พ่อรู้จักนายท่านสามคนนี้ไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
ศาสตราจารย์หยวนแสดงท่าทีตกตะลึงเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นว่าอย่างชื่นชมว่า “รู้จัก แต่ไม่มีโอกาสได้เจอมาตลอด ตอนนี้เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการนักสะสมภายในประเทศ ได้ยินมาว่าของสะสมของเขามีมากมาย ของเก่าราคาแพงมีอยู่เต็มบ้าน เขาก็ไม่ได้ทำธุรกิจอย่างอื่น มีคฤหาสน์เป็นของตนเองนับไม่ถ้วน และเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจอย่างอื่น ของโบราณบางอย่างแค่ผ่านมือ ก็สามารถสร้างกำไรมากมาย”
“สุดยอด” หยวนชิงหลิงพูดชม
ตอนที่พวกเขาเตรียมออกเดินทาง โสวฝู่ได้ยินว่าจะไปบ้านนักสะสม ก็อยากตามไปดูด้วย ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนค่อนข้างสงบเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงพาพวกเขาออกไปก็ไม่ต้องเป็นกังวล จึงตกลงยอมพาพวกเขาออกไปด้วย
บ้านของนายท่านสามตั้งอยู่ในเขตชานเมืองบนเนินเขาที่สวยงาม แถบนั้นล้วนเป็นคฤหาสน์ บริเวณโดยรอบห้าไมล์ล้วนเป็นที่ดินของเขา ส่วนบริเวณบ้านของเขาก็สร้างครอบคลุมพื้นที่กว่าสิบเอเคอร์ ใช้ระบบกันขโมยที่ล้ำสมัยที่สุด เข้าใกล้บริเวณโดยรอบคฤหาสน์ ก็จะถูกพบเห็นทันที
ทั้งสามคนเคยเห็นบ้านหลังใหญ่มานับไม่ถ้วน แต่พอมานี่ได้มาอยู่ตึกแถวแคบๆ เมื่อเห็นบ้านหลังนี้ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย คนรวยต้องรวยแค่ไหนถึงจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้ได้?
ประธานหยูรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว พวกเขาจอดรถเดินลงมา ประธานหยูก็มาต้อนรับ เมื่อทักทายกันเสร็จ ประธานหยูมองดูคนแก่ทั้งสาม รู้สึกท่าทีไม่ธรรมดา ไม่กล้าเสียมารยาท รีบถามชื่อเสียงเรียงนาม
ศาสตราจารย์หยวนพูดว่า “พวกเขาทั้งสามคนเป็นผู้อาวุโสของผม กีบม้าทองคำพวกนั้นก็เป็นของพวกเขา”
“อ้อ ขออภัย ขออภัย” สายตาประธานหยูเป็นประกาย รีบยกมือประสานทำความเคารพ
ทั้งสามยิ้มและทักทายด้วยท่าทีน่าเกรงขาม
ประตูค่อยๆเปิดออก ประธานหยูเดินนำพาพวกเขาเข้าไป
จากภายนอกคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ดูเหมือนสไตล์ยุโรป แต่พอเข้ามาก็พบว่าเป็นการตกแต่งแบบจีน ทางเข้าเป็นลาน เงากำแพงหันหน้าไปทางประตูหน้า กั้นภายในและภายนอก กั้นแนวสายตา ยืนอยู่ด้านนอกเงากำแพงมองไม่เห็นภายใน
เงากำแพงนี้ทาเคลือบสีทอง ลวดลายมังกร ทะยานขึ้นไปบนก้อนหมอกเมฆ การแกะสลักมีความละเอียดอ่อนประณีตมาก
ในเป่ยถัง สีทองลวดลายมังกรแบบนี้จะใช้ในราชวงศ์เท่านั้น แต่ที่นี่ พวกเขาก็รู้ด้วยว่าคนธรรมดาก็สามารถใช้สีนี้ได้อย่างตามอำเภอใจ ไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้น ดังนั้นจึงแค่ชื่นชมการแกะสลัก ไม่รู้สึกเป็นอื่น
เดินอ้อมเงากำแพง เข้าไปข้างใน ก็ลานที่ออกแบบอย่างคุ้นเคย หลังจากเงากำแพงแล้วก็เป็นลาน เข้าไปในลานก็เป็นห้องโถง ด้านนอกห้องโถงเป็นระเบียงสองข้าง สามารถเข้าได้ทั้งสองด้าน
เห็นการออกแบบตกแต่งเช่นนี้ ทั้งสามคนต่างรู้สึกคุ้นเคย เหมือนดั่งได้กลับไปยังเป่ยถัง
ทั้งห้าคนเดินตามประธานหยูเข้ามาในห้องโถง ภายในห้องโถงก็ตกแต่งเหมือนอย่างจวนใหญ่ในเป่ยถัง ที่นั่งหลักเป็นเก้าอี้ไท่ซือ เก้าอี้ซ้ายขวาสองแถว ไว้ใช้รับแขก
ตอนนี้ ที่นั่งด้านข้างซ้ายขวาเก้าอี้ไท่ซือมีคนนั่งอยู่สองคน เป็นคนแก่ผมขาว คนซ้ายดูค่อนข้างแก่กว่า ใบหน้าเหี่ยวย่น ส่วนทางด้านขวานั้น หน้าแดงระเรื่อ นอกจากริ้วรอยตีนกากับผมขาวแล้ว ก็ดูไม่ออกว่าอายุมากแล้ว
คนแก่ทั้งสามมองเห็นสองคนนี้ โดยเฉพาะคนแก่ทางขวา ท่าทีดูอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่เสียมารยาทจนเกินไป
ประธานหยู เอื้อมมือออกไปหาชายชราทางด้านขวา พร้อมพูดแนะนำว่า “ท่านนี้คือนายท่านสามที่ผมพูดถึง ส่วนอีกท่านเป็นนายท่านใหญ่”
จากนั้นก็พูดกับคนแก่ทั้งสองท่านว่า “นายท่านใหญ่ นายท่านสาม นี่ก็คือศาสตราจารย์หยวนกับครอบครัวที่ขายกีบม้าทองคำให้ผม แต่ศาสตราจารย์หยวนบอกว่ากีบม้าทองคำพวกนั้น เป็นของผู้อาวุโสทั้งสามท่านนี้”
สายตานายท่านใหญ่กับนายท่านสามมองดูใบหน้าของคนแก่ทั้งสาม จ้องมองดูอยู่สักพัก ทั้งห้าคน จ้องมองพิจารณากันอยู่อย่างนี้ ในใจแต่ละคนต่างไม่มั่นใจ แต่ก็เต็มไปด้วยความคุ้นเคย
สักพัก คนแก่คนที่ถูกเรียกว่านายท่านใหญ่พูดขึ้นว่า “กีบม้าทองคำพวกนั้น เดิมไม่ควรถามถึงที่มา เพียงแต่อักษรที่สลักข้างล่างนี้ เขียนว่าสลักในเป่ยถัง เป่ยถังนี้คือรัชสมัยไหน? ผมจำได้ว่า ในประวัติศาสตร์ที่พวกเรารู้จัก ไม่มีรัชสมัยเป่ยถัง มีเมืองเป่ยถังแห่งหนึ่งของซีเป่ย แต่เชื่อว่าไม่ใช่เมืองนี้แน่ ใช่ไหม?”
ไท่ซ่างหวงจ้องมองดูนายท่านใหญ่คนนี้ตลอด โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดจา น้ำเสียงท่าทีการแสดงออก เหมือนคนคนหนึ่งมาก
แต่ไม่ได้รับคำตอบ นายท่านสามคนนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ผมได้ยินประธานหยูพูดว่า พวกท่านยังมีวัตถุโบราณอีก หนึ่งในนั้นคือกล้องสูบบุหรี่ พันลวดลายมังกร ไม่ทราบว่าผมขอชมดูได้ไหม?”
ไท่ซ่างหวงก็หันไปมองนายท่านสามคนนี้ รู้สึกนายท่านสามคนนี้ยิ่งดูคุ้นเคย โดยเฉพาะท่าทีนั้น เหมือนกับคนคนหนึ่งในความทรงจำของเขา ไม่แตกต่างกันเลยสักนิด
แต่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด