บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1423 เป็นไปตามที่หวัง
“ไม่ ไม่ถูก” ไท่ซ่างหวงโบกมือ หรี่ตาลงพร้อมหวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นเขาพูดกับข้าว่า ให้ข้าขึ้นครองราชย์ เป็นผลจากการพิจารณาอย่างเป็นเอกฉันท์ของขุนนางคนสำคัญในราชสำนัก ขุนนางที่ร่วมพิจารณามีทั้งหมดแปดสิบคน ทั้งหมดล้วนสนับสนุน ไม่มีใครคัดค้านเลย”
องค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงกับฮ่องเต้ฮุยจงมองหน้ากัน ต่างค่อนข้างประหลาดใจ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?
ฮ่องเต้ฮุยจงพูดขึ้นว่า “หลังจากตัดสินใจแล้ว มีการประชุมกับเหล่าขุนนางจริง แต่ขุนนางทั้งหมดล้วนคัดค้าน ไม่มีใครสนับสนุนสักคน จากนั้นเขาพูดกับเหล่าขุนนางพวกนั้นว่า หากใครไม่สนับสนุน ก็ให้ลาออกกลับไปปลูกมัน ต่อไปลูกหลานห้ามเข้ารับราชการ เช่นนี้ทุกคนจึงต่างก็เห็นด้วย”
สีหน้าไท่ซ่างหวงเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์ในตอนนั้นจะเป็นแบบนี้
เขากัดฟัน ภาษาอังกฤษที่เพิ่งเรียนไปพูดลอดไรฟันออกมาว่า “โอมายก๊อต”
ยังจำได้ว่าตอนนั้นพี่เหว่ยกลับมาบอกเขาว่า ให้เขาขึ้นครองราชย์ น้องสิบแปดกับเสี่ยวอู่ช่วยเขา พวกเขาทั้งสามคนเป็นมีคุณธรรมและมีความสามารถ ถูกกำหนดให้มีบทบาทในการปกครองเป่ยถัง พูดอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง
คำพูดพวกนั้น พูดจนพวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ คิดว่าตนเองถูกโชคชะตากำหนดไว้แล้ว สามารถพัฒนาเป่ยถังให้เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ได้
ถึงแม้หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว เป่ยถังวุ่นวายไปหมด ไม่นานหลังจากสงคราม แปรวิกฤตให้เป็นโอกาส สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ จน จนอย่างที่สุด
ช่วงเวลานั้น ผ่านมาอย่างยากลำบากจริงๆ ปากกัดตีนถีบ แต่เมื่อใดที่ลำบาก ก็จะคิดถึงคำพูดที่พี่เหว่ยพูดพวกนั้น กับความสนับสนุนของเหล่าขุนนางทั้งหมด พลังสองอย่างนี้ คอยสนับสนุนพวกมาตลอด และก็ดูเหมือนเป็นจริงเป็นจัง
แต่ตอนนี้กลับมาบอกเขาว่า ตอนนั้นเป็นเพียงปลายนิ้วชี้ บนรายชื่อพวกนั้น ต่างสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ เชื่อว่าหากชี้ไปที่อีกคนหนึ่ง อย่างเช่นพี่จี๋เอ๋อร์ เขาก็น่าจะพูดเหมือนอย่างเดียวกัน
ไท่ซ่างหวงไม่สามารถยอมรับได้ เรื่องที่ตนเองขึ้นครองราชย์ หรือเรื่องที่ถูกพี่เหว่ยหลอก
โสวฝู่สมกับที่เป็นโสวฝู่จริงๆ มองรู้ถึงความรู้สึกภายในใจของไท่ซ่างหวง จึงรีบพูดชมขึ้นว่า “ไท่ซ่างหวงก็มีความสามารถจริงๆ เริ่มแรกขุนนางมากมายขนาดนี้ต่างยอมรับพวกเรา สุดท้าย ทั่วทั้งราชสำนัก ประชาชนพลเรือน ไม่มีใครไม่ชื่นชมยินดีด้วยใจจริง แสดงว่าอ๋องชินเฟิงอันเลือกได้ไม่ผิดจริงๆ”
เซียวเหยากงก็รีบพูดขึ้นว่า “ใช่ บอกว่าชี้ไปเรื่อย ข้าไม่เชื่อ ต่อให้ชี้ไปเรื่อย ในใจของเขาก็ต้องคิดไว้อยู่แล้วว่าเป็นเจ้า”
ฟังทั้งสองคนพูดแล้ว เขาก็คิดถึงการจัดการก่อนที่จะจากไปของพี่เหว่ย บอกว่าการศึกเพิ่งสงบลง เหล่าขุนนางเพิ่งเข้าที่ ตำแหน่งโสวฝู่ จะต้องมีตำแหน่งทางด้านทหารถึงจะสามารถปราบคนพวกนั้นได้ ดังนั้น เขาบอกว่าน้องสิบแปดเหมาะสมที่สุด รอเมื่อราชสำนักมั่นคง เมื่อขุนนางทางทหารกับขุนนางทางพลเรือนมีความสมดุลกันแล้ว ฉู่เสี่ยวอู่รับตำแหน่งโสวฝู่ ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีไม่มีที่ติ
สั่งการไว้แบบนี้ แสดงว่ามีการวางแผนไว้อย่างรัดกุมแต่แรกแล้ว
ไท่ซ่างหวงหวนคิดถึงครึ่งชีวิตของเขา ไม่ว่ายังไงก็เป็นตามที่หวัง ลูกชายเป็นฮ่องเต้ ถึงแม้จะไม่สมดั่งที่เขาปรารถนาทุกอย่าง แต่ก็ถือว่ารักษามั่นคงไว้ได้ และความหวังก็ฝากไว้กับเจ้าห้าว่าที่กษัตริย์ที่เลือกขึ้นมา เจ้าห้ามีลูกชายห้าคนลูกสาวหนึ่งคน มีภรรยาที่ดีมีลูกที่กตัญญู ราชวงศ์ปรองดองกัน ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้างกายเขารายล้อมไปด้วยสหายที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน มีลูกมีหลาน ตอนนี้แม้แต่ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่และเจ็บปวดที่สุด ก็เป็นการเข้าใจผิด ภาระที่อยู่บนบ่าของเขามานานหลายปี คราวนี้ สามารถวางลงได้เสียที
แต่โสวฝู่กลับถามขึ้นในทันใดว่า “ในเมื่อฮ่องเต้ฮุยจงพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ แล้วภายในสุสาน…..” ศพที่ถูกขุดขโมยไป เป็นใครกันแน่?
ฮ่องเต้ฮุยจงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “คืออ๋องชินยู่ ตอนนั้นเขาถูกนำตัวไปที่ลานประหาร เดิมจะถูกประหาร แต่ตัวเขาเองถูกฆ่าโดยดาบของเพชฌฆาตก่อน กลายเป็นศพครบสมบูรณ์ เขาอยากเป็นฮ่องเต้ขนาดนี้ ก็ให้เขาได้เป็นหลังจากที่ตายไปแล้วให้สมใจ”
โสวฝู่กับเซียวเหยากงมองหน้ากัน ที่อ๋องชินเป่าขุดไปเป็นศพของพ่อตนเอง?
สวรรค์ช่างมีความยุติธรรม คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ตายไปแล้วยังถูกลูกของตนเองตามคิดบัญชี อ๋องชินยู่ช่างน่าสงสารจริงๆ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง
ศาสตราจารย์หยวนกับหยวนชิงหลิงยืนอยู่ข้างนอกไกลออกไป ประธานหยูพูดถึงเรื่องกล้องสูบบุหรี่ลวดลายมังกรทองกับนางอยู่ตลอด อยากขอซื้อในราคาแพง หยวนชิงหลิงเพียงแค่ยิ้มไม่พูดอะไร ฟังประธานหยูพูดจนน้ำลายแห้ง แต่ก็ยังไม่ได้ผล จึงจำต้องถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ไม่มีวาสนา ไม่มีวาสนา”
หลังจากหยวนชิงหลิงได้ครุ่นคิดดูแล้ว ก็สามารถเดารู้สถานะของนายท่านสาม
แต่ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เรื่องนี้ช่างแปลกประหลาดอย่างมาก
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตนเองเจอ นี้นับประสาอะไรล่ะ?
ในใจดีใจแทนไท่ซ่างหวง อายุขนาดนี้แล้ว พ่อของตนเองยังมีชีวิตอยู่ ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขขนาดไหน
ศาสตราจารย์หยวนก็วางใจมาก ถึงแม้ตอนที่มาลูกสาวบอกแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางคืนของ แต่เขาก็ต้องคำนวณไว้ก่อน ตอนนี้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายยังต้องการสิ่งของล้ำค่าในมือ แสดงว่ากีบม้าทองคำที่ขายออกไปมีมูลราคาจริงๆ ไม่ได้เป็นการโกหก ก็จึงสบายใจแล้ว
ผ่านไปสักพักประตูถูกเปิดออก เซียวเหยากงออกมาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พวกเจ้ากลับไปก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยกลับไป”
“ไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงมองดูดวงตาแดงๆของเซียวเหยากง พร้อมถามขึ้น
เซียวเหยากงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ต่อให้มีเรื่องอะไรก็ถือเป็นเรื่องที่ดี สำหรับเจ้าหก การมาในครั้งนี้ สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดก็คือตอนนี้”
คำพูดนี้แสดงว่าสิ่งที่หยวนชิงหลิงคาดเดาเป็นความจริง จึงพูดขึ้นอย่างอบอุ่นใจว่า “งั้นก็ดี พวกเรากลับก่อน พวกเจ้าพักอยู่ที่นี่ หากอยากกลับแล้วก็โทรหาข้า ข้ามารับพวกเจ้า โทรศัพท์เป็นหรือยัง?”
เซียวเหยากงโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นอยู่แล้ว ใช่ว่าจะไม่เคยโทรศัพท์ ไปเถอะรีบกลับไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ได้ เรากลับก่อนล่ะ”
นางมองดูภายในห้องโถงอย่างรวดเร็ว มองเห็นไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ด้านข้างนายท่านสาม จ้องมองนายท่านสามอยู่ตลอดเวลา
นางอมยิ้ม แล้วก็จากไปพร้อมกับศาสตราจารย์หยวน ประธานหยูนิ่งอึ้ง รู้ว่าวันนี้ก็น่าจะไม่มีธุระอะไรของเขาแล้ว จึงก็ต้องขับรถจากไปเหมือนกัน
หลังจากหยวนชิงหลิงกลับไปแล้วก็ไปหาฟางหวู ถามถึงเรื่องที่ผ่านมา
ฟางหวูก็ไม่ตอบอะไรมาก เพียงแค่หลังจากเงียบสักพักแล้วก็พูดขึ้นว่า “บางที ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่นจริงๆ”
หยวนชิงหลิงรู้ว่านางไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา จะต้องเป็นความทรงจำที่นางยากที่จะลืมเป็นแน่ พูดขึ้นมาก็มีแต่ความเสียใจ เพราะระหว่างที่กลับไปหรือไม่กลับไป มีความยากลำบากในการแยกแยะระหว่างตัวเลือกในโลกแห่งความเป็นจริง
นางมองดูฟางหวู พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้ายอมพูดกับพวกเขา ข้าสามารถช่วยเจ้าอธิบายได้”
ฟางหวูส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ อยู่ที่เป่ยถัง ข้าได้เข้าไปอยู่ในเส้นทางที่ว่างเปล่าแล้ว แต่ข้าก็เป็นเพียงผู้มาเยือนเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดี ข้าเคารพในสิ่งที่เจ้าเลือก”
ฟางหวูยิ้มให้กับนางอย่างซาบซึ้งพร้อมพูดขึ้นว่า “โชคดีที่มีเจ้า ข้าถึงสามารถได้มาที่นี่และทำการวิจัยต่อ ใช่ ฉันเก็บเนื้อเยื่อสมองลิงแล้วหล่อเลี้ยงในภาชนะ ตั้งอุณหภูมิไว้หลายระดับ สามสิบองศาขึ้นไป ค่อยๆตาย สิบถึงยี่สิบแปดองศา เหมือนเซลล์สมองปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต่ำกว่าศูนย์องศา แบ่งและสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากของเจ้า สิ่งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับยาที่เจ้าฉีดเข้าไป ถ้าลิงจะฟื้นร่างกายขึ้นมาใหม่เหมือนกับเจ้า งั้นในอนาคตก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ระหว่างสิบองศาถึงยี่สิบแปดองศาเท่านั้น”
“ดี อย่างน้อยก็มีความคืบหน้าแล้ว ช่วยให้หงเย่สมดั่งปรารถนาเถอะ” นางมองดูฟางหวู พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้าหวังว่า ขอให้ทุกคนสมหวังในสิ่งที่คาดหวัง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว หวังว่าพวกเขาล้วนสมหวัง”
“แน่นอน สมหวังแน่นอน” ฟางหวูพูดขึ้นอย่างมั่นใจ