บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1426 ไม่ว่ายังไงงานวิวาห์จะต้องยิ่งใหญ่อลังการ
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1426 ไม่ว่ายังไงงานวิวาห์จะต้องยิ่งใหญ่อลังการ
เดิมไท่ซ่างหวงเคยพูด หากจะจัดงานแต่งงาน จะจัดอย่างประหยัดไม่ได้ จะต้องจัดใหญ่อย่างอลังการ
เรื่องนี้ตระกูลศาสตราจารย์หยวนไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ว่าไม่อยากเสียเงิน แต่เหตุผลมีสองอย่าง อย่างแรกคือ ทุกคนคิดว่าลูกสาวบุญธรรมของเขาแต่งงาน ถึงแม้จะสามารถส่งการ์ดเชิญได้ แต่คนที่มาร่วมงานก็คงจะมีแต่เพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาล เพื่อนญาติพี่น้องในตระกูลอาจจะไม่มา
ส่วนอย่างที่สองก็คือทางด้านฝ่ายชาย ก็ไม่มีเพื่อนญาติพี่น้องอะไร ต่อให้จัดงานเลี้ยงใหญ่โตอลังการ แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ไม่เป็นการเสียเงินเปล่าหรือ?
ดังนั้นเขาจึงปรึกษากับภรรยาของตน คิดว่าควรที่จะปรึกษากับไท่ซ่างหวงอีกครั้ง เพราะงานเลี้ยงจะต้องจองล่วงหน้าไว้ก่อน หากชักช้าก็จะหาโรงแรมที่ดีไม่ได้
แต่ไท่ซ่างหวงน่าจะเที่ยวเล่นอยู่ที่คฤหาสน์ของนายท่านสามคนนั้น นายท่านสามคนนั้นก็ให้ความสำคัญกับทั้งสามคนมาก คนที่เล่นวัตถุโบราณสายตาล้วนพิเศษ แม้แต่คนก็สามารถมองออกว่าเป็นของโบราณ
ของโบราณที่มีชีวิตทั้งสาม!
เขาคิดไปคิดมาแล้วก็โทรหาไท่ซ่างหวง
โทรอยู่หลายครั้งในที่สุดก็มีคนรับสาย แต่ทางด้านโทรศัพท์กลับมีเสียงทะเลาะกัน คนนี้พูดคำคนนั้นพูดคำ เซียวเหยากงพูดว่า โทรศัพท์ของเจ้าดังให้ปัดไปทางทิศตะวันออก โสวฝู่พูดว่าปัดไปทางขวา ปัดไปทางทิศตะวันออกอะไร? สีโกรธจัดของไท่ซ่างหวงก็ดังขึ้นว่า นิ้วมือของข้าลอก ปัดไม่ได้ ไอ่ รับได้แล้ว
“ฮัลโหล” ในที่สุดไท่ซ่างหวง ก็พูดกับโทรศัพท์
ศาสตราจารย์หยวนรีบพูดขึ้นว่า “ฮัลโหล ท่านหกใช่ไหม? ผมอยากปรึกษากับท่านเรื่องงานแต่งงานของลูก คือว่า ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าต้องการจัดอย่างใหญ่โต แต่ผมปรึกษากับภรรยาแล้ว คิดว่าหากจัดอย่างใหญ่โต แขกอาจจะมีไม่มาก ยังไงทางด้านลูกเขยก็มีคนมาไม่เยอะ แค่พวกท่านไม่กี่คน ส่วนทางผม….”
“รอแปบหนึ่ง ข้าไปถามคนคนหนึ่งก่อน” ไท่ซ่างหวงตะโกนใส่โทรศัพท์ เซียวเหยากงที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องพูดเสียงดังขนาดนั้น เจ้าพูดเสียงเบาหน่อย”
“อยู่ห่างไกลกันขนาดนั้น ไม่พูดเสียงดังหน่อยจะได้ยังไง?” ไท่ซ่างหวงโกรธอย่างมาก ใช้มือข้างเดียวผลักเซียวเหยากง แล้วก็ไปหาฮ่องเต้ฮุยจง
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าไกลหรือไม่ไกล เจ้าไม่ฟังที่พระชายารัชทายาทพูดหรือ? ข้าเคยโทรแล้วสองครั้ง ข้ารู้ว่าโทรยังไง” เซียวเหยากงไล่ตามมา
ศาสตราจารย์หยวนเอามือถือมาเปิดลำโพง แล้วก็ถอนหายใจ ได้ ได้ ทะเลาะกันก่อนแล้วค่อยพูด แต่เรื่องนี้ยังจะไปถามใครอีก? ปรึกษากับเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?
ไท่ซ่างหวงมาหานายท่านสามอย่างร้อนรน พร้อมพูดขึ้นว่า “คือแบบนี้ วันนั้นก็พูดแล้วไม่ใช่หรือ? รอหลังจากเปิดทางทะเลสาบจิ้งได้ แล้วจะจัดงานแต่งงาน ข้า… ผมอยากจัดค่อนข้างดีหน่อย แต่พ่อของพระชายารัชทายาทพูดว่า ทางบ้านพวกเขาแขกไม่เยอะ ไม่สามารถจัดอย่างใหญ่โต….”
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบา พยายามไม่ให้ศาสตราจารย์หยวนที่อยู่ในโทรศัพท์ได้ยินว่า “ข้าคิดว่าครอบครัวพวกเขาจน ดังนั้นจึงอยากที่จะประหยัดเงินจัดอย่างเรียบง่ายหน่อย ครอบครัวพวกเขาอาศัยเงินที่ได้มาจากการขายกีบม้าทองคำพวกนั้น กีบม้าทองคำไม่กี่อัน ไม่พอจัดงานใหญ่”
แต่ศาสตราจารย์หยวนได้ยินแล้ว เขายกมือก่ายหน้าผากอย่างค่อนข้างเสียใจ
นายท่านสามพูดขึ้นยังไม่ค่อยพอใจว่า “เงินนับว่าเป็นอะไร? จัด จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ”
ไท่ซ่างหวงรีบพูดกับศาสตราจารย์หยวนว่า “จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีเงิน”
“ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินจริงๆ เพราะไม่มีคนให้เชิญมากมายขนาดนั้น”
“ทางด้านพวกเรามี” นายท่านสามได้ยิน จึงตะโกนพูดขึ้น
ศาสตราจารย์หยวนนิ่งอึ้งไปสักพัก เรื่องงานแต่งงานของลูก เกี่ยวข้องอะไรกับนายท่านสาม? เขาจะต้องรู้จักคนเยอะมากแน่ แต่ปัญหาคือเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพวกลูกๆ?
“เอาเป็นว่าคุยกันต่อหน้าดีไหม” ศาสตราจารย์หยวนคิดว่าเรื่องนี้ จะต้องพูดกันให้ชัดเจน งานเลี้ยงสามารถจัดการได้ เมาทั้งโรงแรมก็ไม่ใช่ปัญหา กีบม้าทองคำไม่กี่อัน ทำไมจะจัดงานใหญ่ไม่ได้ล่ะ? ปัญหาคือถึงตอนนั้นหากไม่มีแขกมา ไม่เป็นการเสียหน้าแย่หรือ
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “ได้ คุณมาที่นี่ เรามาคุยกัน”
หลังจากศาสตราจารย์หยวนวางสายโทรศัพท์ นวดใบหู ขี้หูหมื่นปีถูกสั่นสะท้านออกมาหมดแล้วจริงๆ
แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้ในทันใด ไท่ซ่างหวงพูดว่าให้ไปคุยเช่นนี้ เหมือนเป็นการที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งกำลังจะคุยถึงเรื่องงานแต่งงานกันแล้วจริงๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้จะต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นเขาจึงโทรศัพท์หาแม่หยวนชิงหลิง แล้วก็โทรหาลูกชาย พยายามหาพรรคพวกให้ได้มากที่สุด วันนี้จะต้องคุยให้ได้ผลลัพธ์
หยวนชิงโจวขับรถไปรับพ่อกับแม่ แล้วก็มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์ แม่หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ฉันนับจำนวนดูแล้ว ทางเรามีมากที่สุดก็คือเพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาล กับเพื่อนบางส่วน ฉันได้โทรหาญาติพี่น้องแล้ว บอกว่าลูกสาวบุญธรรมจะแต่งงาน แต่พวกเขาต่างคิดว่าลูกสาวบุญธรรมรับมาตอนโตแล้ว และก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องจัดใหญ่ขนาดนี้ ดังนั้นฉันคิดว่าทางบ้านคงจะมากันไม่กี่คน”
“ตอนนี้คือไท่ซ่างหวงบอกว่า ทางด้านพวกเขามีคนมาเยอะ” ศาสตราจารย์หยวนพูดขึ้น
หยวนชิงโจวหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เขาคงไม่ได้คิดว่าจะให้คนทั้งเป่ยถังมามั้ง? เขาคิดเห็นว่าทะเลสาบจิ้งเป็นเรื่องง่ายเกินไปแล้ว คิดว่ากระโดดลงไปแล้วก็สามารถมาได้หรือ”
“ไม่ใช่หรอกหรือ?” ศาสตราจารย์หยวนอึ้งไปสักพัก แล้วถามขึ้น
หยวนชิงโจวพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่หรอกหรือ ผมเคยถามฟางหวูแล้ว ต่อให้ทะเลสาบจิ้งสามารถผ่านได้ แต่จะผ่านมาได้อย่างแม่นยำไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น มีคนมากมายหลงเข้าไปในห้วงเวลา กลับไม่สามารถไปยังสถานที่ที่ตนเองต้องการไป เพราะไม่รู้กฎเกณฑ์ ผมเคยเข้าไปหนึ่งครั้ง สถานที่นั้น จิตใจไม่มั่นคงเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้เสียสติตะโกนขึ้นมา เมื่อตะโกนจะทำให้มองเห็นแสงทางผิดไป จนเกิดความผิดพลาด ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น”
“พ่อคิดว่าห้วงเวลา คงไม่สามารถนำคนมาเป็นจำนวนมากได้ ไม่อย่างนั้นโลกใบนี้จะไม่วุ่นวายหรือ?” ศาสตราจารย์หยวนพูดขึ้น
“ไม่ใช่หรอกหรือ?” หยวนชิงโจวเองก็ไม่สามารถพูดสรุปอะไรได้ แต่ฟางหวูพูดว่าไม่สามารถไปมาได้อย่างง่ายดาย นั่นแสดงว่าจะต้องมีความยากอยู่ระดับหนึ่ง
ไท่ซ่างหวงคิดง่ายเกินไปแล้ว
แม่หยวนชิงหลิงกลับพูดขึ้นว่า “ไม่สามารถไปมาได้ตามต้องการหรือ? แม่ยังคิดว่าเมื่อผ่านทะเลสาบจิ้งได้แล้ว ต่อไปจะไปแม่จะหาน้องสาวลูกเมื่อไหร่ก็ได้”
“ถ้าแม่อยากไปไม่มีปัญหา เรียกเปาเปาหรือใครมาพาแม่ไปก็พอ สมองของพวกเขาเป็นเหมือนอย่างกระจกเงา ไปมาได้อย่างง่าย ที่ลูกพูดเมื่อกี้หมายถึงคนธรรมดาทั่วไป” หยวนชิงโจวรีบพูดปลอบแม่
แม่หยวนชิงหลิงได้ฟังเช่นนี้แล้วก็ค่อยวางใจ นางจึงหวังที่จะให้สามารถผ่านทะเลสาบจิ้งไปได้
“น้องสาวของลูกล่ะ?” ศาสตราจารย์หยวนถามหยวนชิงโจว สองวันที่ไท่ซ่างหวงไม่อยู่นี้ นางเองก็อยู่ไม่ติดบ้าน ตอนกลางคืนเปาเปากลับมาแล้ว นางยังไม่กลับมา โทรไปก็ไม่รับ
“อยู่ในห้องแล็บ คุณหมอหยางมา บอกว่าจะเปลี่ยนยายับยั้งอีกอย่างหนึ่งให้กับน้อง”
“ตอนนี้น้องสาวของลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?” แม่หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ไม่เป็นไร เป็นการยับยั้งการพัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่องของสมอง คุณหมอหยางบอกว่า เป็นไปได้ไหมที่จะใช้ยายับยั้งเพียงอย่างเดียว หากเป็นไปได้ ถือเป็นการปลอดภัยที่สุดสำหรับน้องสาว เพราะหากแตกแยกพัฒนาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของน้องจะรับไม่ไหว ถึงตอนนั้นคงจะต้องเชื่อมต่อสมองของน้องกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นแบบนั้นจะต้องแย่แน่”
แม่หยวนชิงหลิงยกมือนวดศีรษะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เข้าใจ”
ศาสตราจารย์หยวนก็ไม่ค่อยเข้าใจ เขาเคยดูงานวิจัยแบบนี้ ถ้าเซลล์ประสาทของสมองมีการพัฒนามากเกินไป เกินขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ สามารถลองเชื่อมกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้ ให้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แกับสมองรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเป็นแบบนี้ เนื้อหนังก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว
ช่างเถอะ ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ