บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1428 พระอาทิตย์ตกในหมู่ตึกเหมย
ครึ่งเดือน ครึ่งเดือน เมื่อเวลาถูกกำหนด อย่าว่าแต่ครึ่งเดือน ครึ่งวัน ครึ่งชั่วโมงก็ล้วนกลายเป็นสิ่งที่ทรมาน
แต่ตอนนี้เขารักษาการว่าราชแทน ยังไงก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย
ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายไปหาเสด็จพ่อก่อน บอกว่าอีกครึ่งเดือนเขามีธุระต้องไปจากเมืองหลวง หากเขาตรวจการณ์เสร็จแล้ว ก็ให้กลับเมืองหลวง
หลังจากส่งจดหมายแล้ว เขาก็เริ่มวางแผน ว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง ยังไงครอบครัวพ่อตาค่อนข้างจน หากพอเอาอะไรไปได้ ก็ต้องเอาไปบ้าง
ลูกๆยังไงก็ต้องพาไป งานแต่งพ่อกับแม่ จะขาดพวกเขาไม่ได้
คนอื่นพาไปไม่ได้ กลัวพวกเก็บความลับไม่เป็นอย่างเช่นสวีอี หากเขาไปกลับมา ต้องรู้กันไปทั่วทั้งเป่ยถังแน่
ท่านย่าต้องพากลับไปด้วย งานแต่งจะไม่มีท่านย่าอยู่ด้วยได้ยังไง? ดังนั้นหยู่เหวินเห้ารีบนัดเวลากับท่านย่า ให้นางได้จัดการมอบหมายงานในโรงหมอหุ้ยหมิง อะไรที่มอบหมายได้ก็จัดการมอบหมายไป พักผ่อนให้เต็มที่ รอการกลับมาของอุโมงค์ห้วงเวลา
เขาก็เริ่มจัดการซื้อของมากมาย หรือบ้างก็หาเอาในห้องคลัง เลือกของที่ดีมีมูลค่ากลับไปให้พวกเขา
องค์ชายรัชทายาทที่สนใจงานราชการ ทำให้โสวฝู่เหลิ่งตำหนิ มาหาเขาถึงจวน พอได้รู้ว่าเขาจะออกเดินทางไปสักพัก แล้วก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ก็ยิ่งไม่พอใจ
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่าอย่างมั่นใจว่า “ไม่อย่างนั้น ทำไมข้าจะต้องเสนอให้เจ้าเป็นโสวฝู่? ก็เพราะเจ้าคนเดียวสามารถทำงานได้เท่ากับคนสิบคน เรื่องในราชสำนัก ตอนนี้เรื่องที่ต้องเป็นกังวลมีไม่มาก ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อก็กลับมาแล้ว สามารถเป็นเสาหลักได้ ข้าไปสักพักจะเป็นไร?”
“เจ้าไปก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องบอกข้าว่า จะไปนานแค่ไหน?” เหลิ่งจิ้งเหยียนถามขึ้น
“อันนี้ไม่แน่นอน” หยู่เหวินเห้าไปครั้งนี้ ตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงาน ยังต้องไปฮันนีมูน ที่ไหนที่ควรเที่ยวก็จะไปเที่ยวให้ทั่วแล้วค่อยกลับมา
ถึงแม้ต่อไปจะไปก็สะดวก แต่ชีวิตนี้จะมีวันหยุดสักกี่ครั้ง? และยังเป็นวันหยุดแต่งงาน เขาคิดว่าเป่ยถังเป็นหนี้เขา อาศัยตอนนี้เขายังไม่เป็นประมุขของเป่ยถัง จะใช้สิทธิประโยชน์ให้หมดก่อน
“พูดความจริงมา เจ้าจะไปไหนกันแน่?” ในใจเหลิ่งจิ้งเหยียนรู้ดี ไม่เชื่อแน่นอนว่าเขาแค่จะไปเที่ยวง่ายๆแบบนั้น
“ไปหาเจ้าหยวน” หยู่เหวินเห้าพูดกับเขาอย่างไม่กลัวตาย ยังไงเหลิ่งจิ้งเหยียนก็ห้ามเขาไว้ไม่ได้ ขอเพียงเขาได้ไปแล้ว จะกลับมาเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เขา
ท่าทีเหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้นอย่างโล่งใจว่า “รักษาหายแล้วหรือ? งั้นก็ดี เจ้าไปเถอะ อยู่เป็นเพื่อนนางให้ดี หลายปีมานี้พระชายารัชทายาทลำบากอย่างมาก ควรที่จะอยู่เที่ยวเล่นกับนางให้ดีๆ”
“ใช่ ข้าควรที่จะชดเชยให้กับนาง” หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ แค่งานแต่งงานไม่เพียงพอที่จะชดเชยให้กับนาง แต่ยังดีที่ยังมีเวลาอีกทั้งชีวิต
“แล้วเจ้าวางแผนจะพาใครไปด้วย?” เหลิ่งจิ้งเหยียนถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ลูกๆจะต้องพาไปด้วยอย่างแน่นอน คนอื่นไม่พาไปสักคน มีพวกลูกๆอยู่ข้างกาย ไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตาม”
“สวีอีก็ไม่พาไปหรือ?” เหลิ่งจิ้งเหยียนเงียบไปสักพัก
“ไม่พาไป เขาเป็นคนที่ไม่ควรที่จะพาไปอย่างที่สุด” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองดูสวีอีที่อยู่ด้านนอกแวบหนึ่ง เจ้าโง่คนนั้นเป็นที่รังเกียจแล้ว เขารู้ตัวไหม?
“งั้นได้ ในเมื่อมีธุระต้องไปทำ เจ้าไปเถอะ” เหลิ่งจิ้งเหยียนหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างยินดีว่า “เจ้ารู้จักอยู่เป็นเพื่อนพระชายารัชทายาท ก็ถือเป็นเรื่องดี”
หยู่เหวินเห้ามองดูเขาอย่างหงุดหงิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงพูดว่าข้ารู้จักอยู่เป็นเพื่อนพระชายารัชทายาท? ข้ารู้มาตลอด แต่ข้าสามารถปลีกกายไปได้หรือ? หลายปีมานี้ยังไม่เคยได้หยุดพักอย่างจริงจังเลย”
“เหนื่อยมากแล้วใช่ไหม? วางใจ ต่อไปจะยิ่งเหนื่อย” ยากนักกว่าเหลิ่งจิ้งเหยียนจะได้พูดล้อเล่นสักครั้ง
แต่ก็เป็นความจริง
หยู่เหวินเห้าไม่สนใจ ต่อไปต่อให้ต้องเหนื่อยอีกแค่ไหน มีเจ้าหยวนอยู่ข้างกาย ต่อให้เหนื่อยต่อให้ทุกข์ก็ไม่กลัว
แล้วเช่นนี้ ทางด้านปัจจุบันคนเฒ่าทั้งสามกับพวกนายท่านสาม ร่วมกันจัดเตรียมงานแต่งงาน ทางนี้ก็จัดการงานราชการ ซื้อของขวัญเตรียมที่จะนำไปด้วย รอคอยเส้นทางที่จะสามารถผ่านทะเลสาบจิ้งไปได้
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้รับจดหมายของหยู่เหวินเห้า ในจดหมายบอกว่าเขาจะต้องไปรับโสวฝู่กับพระชายารัชทายาท ได้รู้ข่าวว่าพวกเขาปลอดภัยดี กำลังจะรีบกลับมา ฮ่องเต้หมิงหยวนดีใจอย่างมาก
ไม่อยากที่จะจากดินแดนแห่งสายน้ำและขุนเขาอันวิจิตรงดงามนี้ไป แต่ก็ยังคงเริ่มเปลี่ยนเส้นทางขบวนเสด็จกองเกียรติยศกลับเมืองหลวง
ตลอดทางที่กลับมา เขาเปิดม่านมองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก มีประโยคหนึ่ง ถึงแม้จะค่อนข้างโบราณ แต่เหมาะกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้อย่างมาก ออกมาแล้วถึงรู้ว่าฟ้าดินกว้างใหญ่
ขบวนเสด็จกองเกียรติยศเดินทางมาได้หลายวัน เมื่อใกล้จะถึงเมืองหลวง กำลังจะหยุดพัก กลับมองเห็นบนเนินเขาอันวิจิตรฝั่งตรงข้าม มีคนสองคนเดินจูงมือกัน ด้านหลังมีเสือตัวหนึ่งหมาป่าตัวหนึ่งติดตาม ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าด้วยชุดสีขาว ปลิวไหวเหมือนดั่งเทพ ช่างอิสรเสรียิ่งนัก
“คืออ๋องชินเฟิงอันกับพระชายามั้ง?” ฮู่เฟยมองไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่รู้จักเสือตัวหนึ่งกับหมาป่าตัวหนึ่ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูพร้อมพูดขึ้นว่า “น่าจะใช่”
“หมู่ตึกเหมยของพวกเขา อยู่ใกล้ๆนี้” มู่หรูกงกงที่อยู่ด้านนอกพูดขึ้น
ฮ่องเต้หมิงหยวนเคยได้ยินว่าหมู่ตึกเหมยงดงามมาก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้คงจะบานไปทั่วหุบเขา จะงดงามอลังการขนาดไหน
ในใจฮ่องเต้หมิงหยวนตื่นเต้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อมาถึงใกล้ขนาดนี้แล้ว งั้นเราไปดูหมู่ตึกเหมยไปเยี่ยมเสด็จลุงกับเสด็จป้าไหม?”
“ก็ดี” ฮู่เฟยก็ชอบเที่ยว จึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งขบวนเสด็จกองเกียรติยศมุ่งหน้าไปยังหมู่ตึกเหมยทันที และสั่งคนไปแจ้งก่อนล่วงหน้าด้วย
และบนเนินเขาอันวิจิตรงดงามมีสองสามีภรรยายืนอยู่ ภายในชุดสีขาว ซ่อนห่มผ้ากระสอบที่เต็มไปด้วยโคลนไว้ หมาป่ากับเสือเหนื่อยหอบนอนอยู่บนพื้น
“น่าจะมาแล้ว ใช่ไหม?” พระชายาอันจ้องมองทิศทางขบวนเสด็จกองเกียรติยศ พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“มาแล้ว ไม่ผิด” อ๋องชินเฟิงอันค่อยๆผ่อนคิ้ว เงยคางขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “มุ่งหน้ามาทางหมู่ตึกเหมยแล้ว”
“งั้นพวกเรากลับไปเถอะ” พระชายาอันพูดขึ้น
“ดี กลับกันเถอะ” อ๋องชินเฟิงอันจูงมือพระชายาอันไว้อย่างให้ความสำคัญและเต็มไปด้วยความตั้งใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งกู้ซือไปแจ้งในหมู่ตึกเหมยว่า ฮ่องเต้กำลังเสด็จ ให้ทุกคนเตรียมตัวรอรับเสด็จ
ภายในหมู่ตึกเหมย คนแก่ชุดดำต่างเตรียมการต้อนรับ ปัดกวาดเช็ดถูกภายในห้องโถง
ดอกท้อในป่าท้อเริ่มเหี่ยวเฉา เนื่องจากอากาศบนภูเขาหนาเย็น ตอนนี้ดอกท้อเพิ่งบาน ดอกท้อที่บานสะพรั่งเต็มภูเขาจนสะท้อนเป็นสีแดง ทำให้เมื่อเข้ามาแล้ว รู้สึกเหมือนเข้ามาในป่าดอกท้อของพระแม่เจ้า
กู้ซือดูแลขบวนมาตลอดทางอย่างเหน็ดเหนื่อย มาถึงที่นี่ค่อยได้พักผ่อน ยังไงก็เป็นภายในพื้นที่คนของคนกันเอง ไม่มีอันตรายอะไรแน่
แต่เพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น เขายังคงเข้าไปดูด้วยตนเองหนึ่งรอบ โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้าน ทั้งหมดล้วนเป็นของใหม่ ประตูหน้าต่างล้วนเพิ่งถูกทาสีใหม่ ยังทำให้ได้กลิ่นสีอยู่บ้าง ภายในห้องโถงจุดเครื่องหอมไว้ หลังจากเข้ามาในห้องโถง กลิ่นเครื่องหอมก็กลบกลิ่นสี
เดินไปหนึ่งรอบ ลานด้านหน้าปลูกดอกไม้ไว้ ด้านหลังปลูกผักผลไม้ บ้านเรือนกระจัดกระจายอย่างเป็นระเบียบ บางครั้งเห็นชายชราชุดดำเดินผ่าน พวกนี้ล้วนเป็นขุนนางเก่าแก่ของอ๋องชินเฟิงอัน มีหลายคนที่เคยเห็น คือองครักษ์ทั้งสามของอ๋องชินเฟิงอัน ตอนนี้อายุมากแล้ว แต่เดินเหินได้อย่างคล่องแคล่ว
ที่นี่เต็มไปด้วยความเงียบสงบแห่งช่วงเวลาดีๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่แขวนอยู่หลังบ้าน เหมือนการละทิ้งความมั่งมี กลายเป็นคนเรียบง่ายธรรมดาสามัญ
ยิ่งตอนนี้พระอาทิตย์ตกดิน ขอบฟ้ากว้าง เรืองแสงเป็นชั้นๆ นกบินข้ามฟากฟ้า ทำให้ความหงุดหงิดมลาย สิ้น จิตใจว่างเปล่าหาย
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็มาถึงพอดี ถนนเส้นทางนี้ค่อนข้างเดินสบาย แต่เหมือนเพิ่งสร้างได้ไม่นาน ปูด้วยหินก้อนเล็ก รถม้าสามารถผ่านไปได้
ลงจากบนเขามาถึงที่นี่ หากใช้รถม้า ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง สะดวกมาก
เขามองดูตะวันยอแสงตรงขอบฟ้า และดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลับไป ความทุกข์ในใจก็มลายหายหมดไปจริงๆ