บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1432 สวีอีพลาดท่า
ทางนั้นหลังจากเจ้าห้าไปทะเลสาบจิ้ง ฮ่องเต้หมิงหยวน ก็กำลังเตรียมพระราชกฤษฎีกาสละราชบัลลังก์ รอเพียงพวกเจ้าห้ากลับมา ก็จะแถลงการณ์ประกาศ
ทางด้านหมู่ตึกเหมย เขาจะซื้อเพราะห่างจากเมืองหลวงไม่ไกล สามารถได้เฝ้าอยู่หน้าประตูเมืองหลวง หลังจากสละราชบัลลังก์ ก็จะพาพวกนางสนมไปอยู่ที่นั่น แน่นอนว่าหากสนมคนไหนไม่อยากไป ก็จะให้ภายในวันในสถานะไท่เฟย
เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องสละราชบัลลังก์ ตอนนี้เมื่อมีความคิดเช่นนี้แล้ว ยังไงก็ไม่สามารถระงับไว้ได้ รีบจัดการงานภายในราชสำนัก ใช้นามของตนเองสนับสนุนเลื่อนตำแหน่งคนขององค์ชายรัชทายาท พี่ถือเป็นการระงับข้อพิพาทของพวกขุนนางเก่า ไม่ให้พวกเขาโกรธองค์ชายรัชทายาทหรือนินทาว่าร้ายองค์ชายรัชทายาท
เขาซื้อหมู่ตึกเหมยแล้ว เป็นฮ่องเต้มานานขนาดนี้ มีสมบัติส่วนตัวอยู่บ้าง ตอนนี้เจ้าหกดูแลเงินภายในจวน เขายังพอเอาออกมาได้บ้าง เงินในกองคลังแตะต้องไม่ได้เด็ดขาด จะต้องเก็บไว้ให้เจ้าห้าได้ใช้พัฒนาประเทศ
แต่จะรวบรวมเงินส่วนตัวให้ครบหนึ่งล้านตำลึง ยังขาดอยู่บ้าง โชคดีที่เขามีลูกเขยกับลูกสะใภ้ร่ำรวย ท่านชายสี่กับหรงเยว่
จึงตามทั้งสองคนเขาวังมา ก็ขอไม่มาก บ้านหนึ่งสองแสนตำลึง หรงเยว่ให้อย่างไม่คิดมาก แต่ท่านชายสี่ หลังจากถามรู้ถึงสถานการณ์แล้ว กลับไม่เห็นด้วยที่ฮ่องเต้หมิงหยวนจะซื้อหมู่ตึกเหมย
ในใจท่านชายสี่รู้ดี อาจารย์จะเอาเงินไปให้กับคนที่ติดตามเขามาหลายสิบปี จากนั้นก็จะจากไป
ยังไงก็ยังคงต้องไป
ในใจท่านชายสี่ไม่พอใจ แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนตัดสินใจแล้ว สุดท้ายเขาก็ยังคงเอาเงินจำนวนนี้ให้กับฮ่องเต้หมิงหยวน
เมื่อซื้อขายกันสำเร็จ ได้เงินมาแล้ว หลังจากอ๋องชินเฟิงอันวางเงินไว้แล้ว ก็อาศัยตอนค่ำมืดหนีออกไป ตรงมายังทะเลสาบจิ้ง แล้วก็ซ่อนตัวไว้ ไม่เจอกับเจ้าห้า
และหลังจากที่พวกเขาออกไปจากเมืองหลวงได้ไม่นาน คนแก่ชุดดำกลุ่มหนึ่งขวบขี่มาตรงมายังทะเลสาบจิ้ง ฝุ่นฟุ้งกระจาย อารมณ์โกรธเคือง
เรื่องพวกนั้น เจ้าห้าไม่รู้เรื่อง มาถึงทะเลสาบจิ้งก่อนเวลา รอคอยทางนั้นแจ้งมา
แม่นมสี่ตื่นเต้นมาก มาถึงทะเลสาบจิ้งถึงรู้ว่า จะต้องกระโดดลงไปถึงจะสามารถไปหาโสวฝู่ได้ แต่กระโดดลงไปแล้วจะไม่จมน้ำตายหรือ? ต่อให้ท่านย่าหยวนอธิบายให้นางฟังมาตลอด ว่าจะไม่เป็นไร นางก็ยังไม่เชื่อทั้งหมด นางถึงขั้นคิดไปว่าโสวฝู่ตายไปแล้ว
ทางด้านความคิดปล่อยให้ท่านย่าหยวนกับสวีอีทำต่อไป เพราะก่อนหน้านี้สวีอีเห็นพวกโสวฝู่กระโดดลงไป ดังนั้น เขาจึงเล่าหนึ่งในเหตุผลให้แม่นมสี่ฟัง หลังจากพูดเสร็จแล้ว เขาก็งง แม่นมสี่ก็งง พูดอะไรไป?
สภาพจิตใจหยู่เหวินเห้าตื่นเต้นอย่างมาก อุ้มเสี่ยวกวาจื่อนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ ซาลาเปานอนหลับไปแล้ว รอเขาตื่นขึ้นมา ก็สามารถโดดลงไปได้แล้ว
ทางด้านยุคปัจจุบันก็เตรียมพร้อมแล้ว แบ่งกันไปรอรับสามสถานที่ ที่แรกคือภูเขาเมฆขาว ก่อนหน้านี้ตอนที่ส่งสิ่งของไปมา ส่วนใหญ่มาปรากฏที่นี่ แห่งที่สองก็คือภูเขาซีเฉียว แห่งที่สามก็คือบริเวณป่าใกล้บ้านเจ้าหยวน
ครั้งนี้ จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดแน่ เพราะเมื่อมาถึงทางนี้ พวกเด็กๆไว้ใจได้ แต่เจ้าห้าไม่น่าจะไว้ใจได้ และยังพาคนแก่สองคนมาด้วย ท่านย่าก็อาจจะไม่รู้จักสถานที่ ว่าเป็นที่ไหนกันแน่ หากอยู่ในป่าเขาทึบ ก็จะเดือดร้อนแน่
หยางหรูไห่อยู่ในห้องท้องฟ้าจำลองตลอด รอเมื่อตรวจสอบกลับมาแล้ว สามารถผ่านอุโมงค์ได้ นางรีบโทรศัพท์หาหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงรีบบอกเปาเปา เปาเปากลับไปบอกพ่อ เมื่อลืมตามขึ้น ก็กระโดดลุกขึ้นมาพูดขึ้นว่า “ได้เวลาแล้ว”
ลูกทั้งห้ารีบไปมองดูวังน้ำวนที่ข้างทะเลสาบจิ้ง วังน้ำวนค่อยๆจางไปจริงๆ เหลือไว้เพียงวังน้ำวนบางส่วน ก่อนที่วังน้ำวนจะจางหายไป ซาลาเปาชี้ไปที่สถานที่ซึ่งอยู่ติดกันประมาณหนึ่งตารางเมตร พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่นี่ คือที่นี่”
ที่แห่งนี้อยู่ใกล้ขอบฝั่ง ไม่เหมือนกับที่พวกเจ้าหยวนกระโดดลงไปก่อนหน้านี้ แต่หยู่เหวินเห้าเชื่อซาลาเปา เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหยวนก็เคยพูด อุโมงค์ห้วงเวลายังต้องเปลี่ยนทิศทางตามเวลา ครั้งนี้ ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ช่วงเวลาไม่เหมือนกับตอนที่พวกเจ้าหยวนไป ดังนั้นทิศทางเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ใกล้ขอบฝั่งเกินไป คนที่ติดตามมาด้วยก็ต้องระวังหน่อย
ลูกทั้งห้ากระโดดลงไปก่อน จากนั้นเป็นท่านย่าหยวน เพราะหยู่เหวินเห้าอุ้มกวาจื่อ ไม่สามารถจูงมือแม่นม แม่นมขาอ่อนไม่กล้ากระโดด จึงให้สวีอีช่วยส่ง ยังไงก็ใกล้ฝั่ง ไม่ต้องลำบากมาก
แล้วแบบนี้ แต่ละคนลงน้ำไปเหมือนอย่างกบ มาถึงแม่นมสี่ซึ่งตื่นเต้นอย่างมาก จนขาค่อนข้างสั่นเทา สวีอีรีบพูดขึ้นว่า “จะชักช้าไม่ได้ เจ้าจับข้าไว้ ข้าโยนเจ้าลงไป”
แม่นมสี่รีบคว้าจับเขาไว้ สวีอีอุ้มนางขึ้นมาแล้วโยนลงไป แม่นมคว้ากอดคอเขาไว้ ไม่ทันได้ปล่อยมือ ในขณะที่ตกลงไปในทะเลสาบ ก็ได้ยินเสียงสวีอีร้องขึ้นอย่างตกใจกลัวว่า “เจ้าปล่อยมือ….”
“ตุ้ม”
ทังหยางนิ่งอึ้งมองดูทะเลสาบ สวีอีล่ะ?
ภายใต้วังน้ำวน เหมือนไม่มีอะไร ทุกอย่างกลับมาสงบ อมิตตาพุทธ
“ที่นี่ที่ไหน? ข้าอยู่ที่ไหน? พวกเจ้าอยู่ที่ไหน?” ภายในอุโมงค์มืด เสียงตกใจกลัวของสวีอีดังขึ้น พ่อลูกตระกูลหยู่เหวินทั้งหก ต่างพูดออกมาพร้อมกันว่า ชิบหาย สวีอีตามมาแล้ว
“องค์ชายรัชทายาท พระราชนัดดา….” สวีอีมองไม่เป็นอะไรเลย ตะโกนร้องอย่างตกใจเหมือนกับคนบ้าว่า “พวกเจ้าอยู่ที่ไหน? นี่เป็นทางอะไร?”
ทังหยวนจับมือเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ลุงสวี พวกเราอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าร้องเสียงดัง พี่ชายต้องคำนวณเวลา เดี๋ยวก็จะมองเห็นแสงสว่างแล้ว เดินไปข้างหน้า เฮ้อ เดินเร็วหน่อย เจ้าทำให้ช้าไปหลายก้าวแล้ว”
“ข้า….ข้าจะกลับไป ข้าว่ายกลับไปได้ไหม?” สวีอีถูกทังหยวนดึงไปข้างหน้าอย่างโซเซ ทันใดนั้นตรงหน้าก็ปรากฏมีแสงสว่าง แต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไร จึงคิดว่าตนเองตาลาย
“กลับไปไม่ได้ เดินตามพวกเราไป” ทังหยวนพูดขึ้นอย่างโมโห
ในใจสวีอีกระวนกระวาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากไป ข้าไม่อยากไป”
พ่อลูกตระกูลหยู่เหวินทั้งหกอดกลั้นไว้สักพัก จากนั้นก็หันไปตะคอกพูดขึ้นว่า “พวกเราก็ไม่อยากพาเจ้าไปด้วย”
เสียงดังกลบเสียงร้องไห้ของสวีอีหายในลำคอ เดินตามพวกเขาไปอย่างน่าสงสารและกระวนกระวาย แม้แต่เสี่ยวกวาจื่อ ก็ร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ
แม่นมสี่กลับค่อนข้างสงบเงียบกว่าเขา หลังจากลงมาในทะเลสาบจิ้งแล้วก็ปล่อยเขา ข้าวเหนียวจูงมือของนาง เจ้าแฝดจูงมือท่านย่า ซาลาเปาเดินนำอยู่ข้างหน้า เดินไปสักพัก จุดแสงก่อตัวเป็นวงกลมและโบยบินอยู่ตรงหน้า
“ถึงแล้ว” ซาลาเปาพูดขึ้น สวีอีมองดูที่นี่อย่างตกตะลึง ถึงแล้ว? ถึงแล้ว? พระราชนัดดากำลังพูดเล่นหรือ? ที่นี่ที่ไหน? นี่ถึงแล้วหรือ?
ในความตื่นตระหนก แล้วถูกทังหยวนดึง จู่ๆเท้าก็ลอยขึ้น เขาตกใจหลับตาและกรีดร้องขึ้นมา
ข้างหู เสียงองค์ชายรัชทายาทพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า “หากยังไม่หุบปาก ข้าจะโยนเจ้าทิ้งไป ลืมตา”
สวีอีรีบลืมตา กลับเห็นแสงสลัวๆรอบตัว ตนเองยืนอยู่ข้างถนนเส้นหนึ่ง ด้านข้างเป็นป่าไม้ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่รุ่งอรุณสีเทาปรากฏตรงขอบฟ้า
องค์ชายรัชทายาทกับพวกพระราชนัดดาต่างอยู่ข้างตาย แม่นมสี่มองดูรอบๆเหมือนกับเขา ที่นี่ เป็นสถานที่อยู่ของอาจารย์พระชายารัชทายาทหรือ? พวกเขารักษาตัวอยู่ที่นี่?
สวีอีกอดหยู่เหวินเห้าจากด้านข้าง ร้องห่มร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท พวกเรายังจะกลับมาไปได้ไหม? ข้าทิ้งอะซี่กับถังกั่วเอ๋อไม่ได้นะ”
หยู่เหวินเห้าโกรธโมโหมาก เสื้อผ้าชุดใหม่ของเขา ชุดใหม่ที่เขาเพิ่งใส่ เขารีบผลักสวีอีออก แต่สวีอีกลับเหมือนกอดเขาไว้เหมือนอย่างปลาหมึกยักษ์ ขยับไม่ได้สักนิด หยู่เหวินเห้ามองดูเสื้อผ้าใหม่ของเขาเปื้อนไปด้วยน้ำลายกับน้ำมูกของเขา แม้แต่ผ้าห่อตัวเสี่ยวกวาจื่อก็เปื้อนไปด้วย
พระเจ้า การเดินทางที่วิเศษเช่นนี้ ทำไมจะต้องเอาคนซื่อบื้อขนาดนี้มาด้วย?