บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1436 ท่าทีฮ่องเต้ฮุยจงเปลี่ยนไปมาก
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1436 ท่าทีฮ่องเต้ฮุยจงเปลี่ยนไปมาก
หยวนชิงหลิงมองแวบเดียวก็เห็นถึงความขลาดเขลาความดื้อรั้นของเจ้าห้าแล้ว
เขาเคยมาที่นี่ แต่เกี่ยวกับที่นี่ เขารู้อย่างจำกัดจริงๆ ไม่มีความรู้เบื้องต้นด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่แขกของฮ่องเต้ฮุยจงมา พูดถึงเรื่องนานาชาติ ถึงตอนนั้นเขาทำได้เพียงอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
และนี่เป็นงานแต่งงานที่เขารอคอยมาตลอด
เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ไม่มีความสุขเช่นนี้
หยวนชิงหลิงคิดว่าพรุ่งนี้ตอนที่ไปหาฮ่องเต้ฮุยจง ไม่ว่ายังไงก็จะต้องพูดกับฮ่องเต้ฮุยจง จัดงานแต่งเล็กๆก็พอแล้ว เชิญเพื่อนญาติพี่น้องมาร่วมงานก็พอ
ไท่ซ่างหวงที่ก่อนหน้านี้พูดว่าจะต้องจัดอย่างใหญ่โต ตอนนี้ก็เปลี่ยนใจแล้ว ที่จริงก็เป็นกังวลเหมือนอย่างเจ้าห้า ไม่สามารถคุยกับคนอื่นได้อย่างรู้เรื่อง กลัวขายหน้า
เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนชิงโจวขับรถพาทุกคนไปที่คฤหาสน์ของฮ่องเต้ฮุยจง
รถบัสคันนี้ ตอนนี้ได้ใช้อย่างสะดวกแล้ว อย่างน้อย ทุกคนสามารถรักษาระยะห่างกับสวีอี ต่อให้ได้ยินเสียงอ้วกของเขา แต่ก็ไม่ได้กลิ่นฉุน
รถวิ่งผ่านถนนย่านการค้าที่จอแจ วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี บนถนนค่อนข้างคึกคัก กวางโจวเป็นเมืองนานาชาติ และถนนการค้าสายนี้ เป็นถนนที่พลุกพล่านที่สุด แพงที่สุดในกวางโจว เต็มไปด้วยกลิ่นเงินสะพัดอย่างมาก
รถหยุดรอสัญญาณไฟจราจรอยู่เกือบหนึ่งนาที ในที่สุดสวีอีก็สามารถเกาะหน้าต่าง มองดูคนเดินไปมาข้างนอก
มองดูสักพัก แล้วเขาก็พูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “นี่ข้าเห็นภาพหลอนหรือ รู้สึกว่าสองคนนั้นเหมือนอ๋องชินเฟิงอันกับพาชายาอย่างมาก”
ทุกคนได้ยิน แล้วก็หันไปมองตามที่เขาชี้ ท่ามกลางฝูงชน ทั้งสองคนโดดเด่นจากฝูงชน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพวกเขาถือของมากมายอยู่ในมือ ล้วนเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมทั้งนั้น นอกจากในมือที่ถือไว้ บนคอก็แขวนไว้สองสามอัน ภายใต้สถานการณ์ที่มีของแบรนด์ดังมากมายอยู่ในมือ กลับยังเดินออกมาได้ด้วยท่าทีหยิ่งผยอง อยู่ยงคงกระพัน
มองไม่เห็นหน้าชัดๆ เห็นเพียงด้านข้าง ยังสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ ทั้งสองแทบไม่มองใครเลย เดินตรงมาที่ถนน จะข้ามไฟแดงไปที่ร้ายกุชชี่ตรงข้าม
เจ็ดแปดหัว ยื่นออกมาจากหน้าต่างรถ จ้องมองมาที่พวกเขา เหมือนจะดูว่าพวกเขาใช่อ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยาหรือไม่
เดิมไฮโซสองคนนั้นเดินเชิดอกเดินข้ามถนน แต่ผู้หญิงคนนั้นหันมาเห็นรถบัสคันใหญ่ และเมื่อมองดูหัวของคนที่โผล่ออกมาจากรถบัสคันใหญ่ คำว่าชิบหาย หลุดออกมาจากปากของนาง จากนั้นทั้งสองคนก็รีบเดินข้ามถนน หายไปท่ามกลางฝูงคน
“ใช่พวกเขาไหม? ใช่หรือไม่ใช่?” ไท่ซ่างหวงนวดสายตา รู้สึกเหมือน แต่เพราะไม่ได้เห็นใบหน้าตรง ไม่กล้ายืนยัน โดยเฉพาะแต่งกายแบบที่ไม่เหมือนแบบนี้ ทรงผมก็ไม่เหมือน
“คือ…. ไม่ค่อยมั่นใจ” เมื่อกี้หยู่เหวินเห้าก็มองเห็น แต่ก็ไม่มั่นใจ ความรู้สึกเหมือนจะใช่ แต่แล้วก็ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่พวกเขาหรอก พวกเขาอยู่เป่ยถัง ตอนที่ข้ามา ได้ยินว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่ตึกเหมย”
โสวฝู่กับน้องสิบแปดก็ไม่มั่นใจ แต่ก็เหมือนมาก แต่เมื่อคิดดูแล้วก็เป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าพวกเขามาไม่เป็น แต่ตอนนี้เขาน่าจะยังอยู่ที่เป่ยถัง ยังไงทุกคนก็มาหมดแล้ว
แต่เมื่อคิดดูดีๆ รู้สึกว่าต่อให้ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่ที่เป่ยถังก็ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงเวลานี้แผ่นดินกำลังสงบสุข
หยู่เหวินเห้ามองดูหยวนชิงหลิง แล้วถามว่า “เจ้าเห็นไหม? เหมือนพวกเขาไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเกรงใจว่า “เมื่อกี้ข้ามัวแต่ดูมือถือ ไม่ทันมอง”
“เปาเปาล่ะ?”
“ข้าก็ไม่เห็น คนเยอะมากเลย อีกอย่าง ข้าไม่ค่อยรู้จัก” ซาลาเปาพูดขึ้นอย่างจริงจัง แต่เขาแอบดูแม่แวบหนึ่ง แม่โกหก เขาเห็นแม่หันไปมอง แม่ยังยิ้มด้วย
รถยังเคลื่อนไปข้างหน้า สวีอีรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว วันนี้ออกมาเพื่อจะไปไหน เขาก็ไม่รู้ แต่เห็นทุกคนต่างออกไป ทิ้งเขาอยู่บ้านคนเดียว เขาไม่ยอม นั่งอยู่ที่นั่นคนเดียวก็ไม่รู้จะทำอะไรดี น่าเบื่อจะตาย จึงขอตามมาด้วย
หลังจากที่เห็นคนคล้ายอ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยา ในใจทุกคนต่างไม่มั่นใจ เซียวเหยากงเห็นไม่ชัดเจน เพราะตอนที่เขายื่นหัวออกไป ถูกโสวฝู่บังอยู่ตรงหน้าพอดี ทำให้เขาได้มองเพียงแวบเดียว บนทางม้าลายก็มีคนเยอะ บดบังในทันที
เขาไม่ค่อยอยากเชื่อว่าอาจารย์อยู่ที่นี่ เพราะอาจารย์รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ หากอาจารย์มา จะต้องมาหาเขาแน่ ไม่มาหาเขาแสดงว่าไม่มา ความเชื่อมั่นที่มีต่ออาจารย์ เขายังคงมีอยู่
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ของฮ่องเต้ฮุยจง ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เข้ามาถวายความเคารพบรรพบุรุษ นี่ถือเป็นบรรพบุรุษ อย่างแท้จริง
องค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงกับฮ่องเต้ฮุยจง เห็นแต่ละคนเหมือนดั่งรูปหยกแกะสลัก ใบหน้าดั่งหยกประดับกวน พูดพร้อมกันว่าถวายบังคมเสด็จเทียดทั้งสอง เมื่อเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสว่างไสวเป็นประกายแต่ล่ะคู่นั้นจ้องมองอยู่ตรงหน้า หัวใจแทบละลาย
ฟันปลอมฮ่องเต้ฮุยจงแทบรับความดีใจไม่ไหว เกือบหลุดร่วงออกมา
“ไอโยว รีบลุกขึ้นมา รีบๆลุกขึ้นมา มาให้เสด็จเทียดดูใกล้ ไอโยว น่ารักมากจริงๆ” ฮ่องเต้ฮุยจงอ้าแขนทั้งสองข้าง รีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ไท่ซือของเขา ดีใจจนแทบกระโดดลงมาเอง
ส่วนสวีอี ตอนที่หยู่เหวินเห้าเดินไปคุกเข่าถวายบังคม พร้อมพูดขึ้นว่าเสด็จปู่ทวด ก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง นี่ใช่ประเทศอะไรที่ไหน? นี่คือนรก
เขาร้องเรียกชื่ออะซี่ แล้วก็ล้มเป็นลมไป
ไท่ซ่างหวงโกรธอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ลากออกไป ลากออกไป”
หยวนชิงโจวกลายเป็นคนมีกำลัง ดึงสวีอีขึ้นมาแล้วลากออกไป
ถึงแม้จะขาดฮ่องเต้หมิงหยวน แต่สี่ชั่วอายุคนในบ้านหลังเดียวกัน กลับมีความสามัคคีและอบอุ่นมาก หลังจากทักทายกันแล้ว ฮ่องเต้ฮุยจงอุ้มน้องฟีนิกซ์ แล้วก็พูดขึ้นว่า “เรื่องงานแต่งงาน ข้าลองคิดดูแล้ว หากเชิญคนมาเป็นจำนวนมาก จะวุ่นวาย อีกอย่าง งานแต่งงานเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ไม่จำเป็นต้องเอริกให้สิ้นเปลือง เมื่อคืนข้าดูเพจท่องเที่ยว คิดว่าแต่งงานบนเรือสำราญแล้วเดินทางไปรอบโลกก็ไม่เลว จัดพิธีแต่งงานก่อน เราญาติพี่น้องร่วมทานข้าวด้วยกัน ในขณะที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวออกเดินไปท่องเที่ยวหลังแต่งงาน ก็สามารถฮันนีมูนไปด้วย พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร? เรือสำราญข้าจองไว้เรียบร้อยแล้ว จัดตามนี้ล่ะกัน”
ดูเหมือนเป็นการถามความเห็น แต่ที่จริงเป็นการต้องยอมรับความจริง
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ถึงแม้จุดประสงค์ที่มาในวันนี้ คือจะพูดโน้มน้าวให้เขาจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายหน่อย แต่การท่องเที่ยวหลังแต่งงาน ไม่ธรรมดาไปหรือ? เท่ากับเพิ่งครึกครื้นเสร็จ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะบินไปแล้วหรือ?
ไท่ซ่างหวงถามขึ้นว่า “งั้น งานท่องเที่ยวแต่งงานนี้ พวกเราก็ไปด้วยได้หรือ? บินไปไหน?”
บินไปไหน สามคำนี้ ไท่ซ่างหวงพูดได้ถูกต้องมาก เขาเคยบิน เคยนั่งเครื่องบิน
ฮ่องเต้ฮุยจงพูดขึ้นว่า “เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปฮันนีมูน พวกเจ้าไปอะไร? อีกอย่าง ไม่ใช่นั่งเครื่องบิน เรือสำราญ รู้จัก เรือสำราญไหม? เรือ ท่องเที่ยวบนทะเล กิน ดื่ม เล่นได้ทุกอย่าง”
“พวกเราไปด้วยไม่ได้หรือ?” เซียวเหยากงผิดหวังมาก งั้นก็ทำได้เพียงรออยู่ที่นี่หรือ? น่าเบื่อแย่
ฮ่องเต้ฮุยจงพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าอยากไปก็ได้ ข้าจองกลุ่มอาวุโสที่หรูหราให้ สามารถล่องเรือสำราญหรูได้เหมือนกัน แต่ไม่ไปกับพวกเขา”