บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1438 ไม่ทำอะไรผิดไม่รู้สึกละอาย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1438 ไม่ทำอะไรผิดไม่รู้สึกละอาย
ไท่ซ่างหวงยังคงโกรธมาก ที่โกรธไม่เพียงเรื่องที่ฮ่องเต้หมิงหยวน มีความคิดที่จะสละราชบัลลังก์ แต่เป็นเพราะพี่เหว่ยเห็นเขาเหมือนเป็นคนโง่ หน้าจอโทรศัพท์ของเขาไม่ได้สว่าง ยิ่งไม่มีเสียงร้องเพลงอยู่เหนือดวงจันทร์ดัง
ไท่ซ่างหวงคว้าจับไหล่ของเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากหนี? เจ้าคิดอยากหนีอีก? วันนี้เจ้าต้องพูดให้ชัดเจน ปัญหานี้ วนเวียนอยู่ในใจข้ามาหลายสิบปี ไม่ถามให้ชัดเจน ข้านอนตายตาไม่หลับ”
“เจ้าหก” อ๋องชินเฟิงอันขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดจาอัปมงคลเช่นนี้ทำไม? กว่าเราสองคนพี่น้องจะได้เจอกันที่นี่ ไม่ควรที่จะพูดว่า ไป ข้าพาเจ้าไปดื่มสักแก้ว”
“ไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น วันนี้จะต้องพูดให้รู้เรื่อง” ไท่ซ่างหวงเอาเรื่องเขาอย่างที่สุด วันนี้หากไม่ได้ถามอย่างชัดเจน งั้นชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่ได้คำตอบอีก
คาดว่าอยู่ที่เป่ยถัง ต่อไปคงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว
อ๋องชินเฟิงอันมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่สำคัญมากหรือ?”
“สำคัญ สำคัญที่สุด” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาด
อ๋องชินเฟิงอันเอนพิงรถ มองดูคลื่นบนผิวน้ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าอยากรู้จริงๆ งั้นข้าก็จะบอกเจ้า ใช่ว่าข้าใจร้ายยกภาระหนักนี้ให้กับเจ้า ตั้งแต่เริ่มแรก คนที่ข้าพอใจที่สุดก็คือเจ้า มีเจ้า น้องสิบแปด ฉู่เสี่ยวอู่ ล้วนเป็นคนที่ข้าสั่งสอนมากับมือ นี่ก็เป็นเพราะทำไมข้าถึงได้เข้มงวดกับพวกเจ้าขนาดนั้นมาตลอด พวกเจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง ที่จริงหลายสิบปีมานี้ ข้าคอยดูพวกเจ้าเติบโตทีละนิด ข้าภาคภูมิใจมากจริงๆ…”
ไท่ซ่างหวงพูดแทรกขึ้นว่า “พี่เหว่ย เปลี่ยนเรื่องพูดตอนนี้ใช้ไม่ได้กับข้าเลยสักนิด ข้ารู้ว่าคำพูดต่อไปของเจ้าจะต้องพูดถึงความเพียรพยายามอีกแน่ ข้าต้องการคำตอบ ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นฮ่องเต้? ทำไมต้องหนีไป?”
“เพราะข้าเป็นฮ่องเต้ไม่ได้” อ๋องชินเฟิงอันเงยหน้าขึ้น พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาราบเรียบว่า “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ งั้นข้าก็จะบอกเจ้า ตอนนั้นตอนที่กำลังวางแผนเรื่องพวกนี้ ข้าก็กำลังป่วยหนัก ไม่รู้ว่าเจ้ายังจำได้ไหม ตอนนั้นบนร่างกายข้า ภายในห้องข้าล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอม อันที่จริงเป็นกลิ่นหอมใช้เพื่อปกปิดกลิ่นยา ตอนนั้นแม่นมที่อายุมากแล้วแต่ทำไมยังติดตามข้า? ก็เพราะไม่วางใจอาการป่วยของข้า เพราะกลัว ไม่รู้ว่าข้าจะตายเมื่อไหร่ ข้าคุยตกลงกับพี่สะใภ้ของเจ้า รอหลังจากที่แผ่นดินสงบมั่นคง เราก็จะหลบไปอยู่อย่างสันโดษ ในหลายสิบปีนี้ ใครว่าข้าไม่สนใจเรื่องของพวกเจ้า เพียงแต่ตอนนั้น ข้าอยู่ในสภาพที่กำลังจะตาย พี่สะใภ้ของเจ้าพาข้าไปตามหาหมอมีชื่อเสียง ที่จริงอาการป่วยนี้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่หาย ยังกำเริบเป็นบางครั้ง เพียงแต่อายุขนาดนี้แล้ว มีชีวิตผ่านไปวันๆ นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่สามารถเป็นฮ่องเต้ หากเมื่อใดที่อาการป่วยของข้ากำเริบ เป่ยถังก็จะต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายอีกครั้ง”
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา ไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่ เขาพูดอย่างเจ็บปวดขนาดนี้ ราวกับถูกโรคภัยไข้เจ็บทำให้ทุกข์ทรมานมาหลายสิบปี
แต่หากเชื่อ ชั่วชีวิตนี้ เคยถูกเขาหลอกน้อยครั้งหรือ?
แต่พี่เหว่ยน่าจะไม่ถึงขั้นสาปแช่งตนเองมั้ง ในขณะที่กำลังจะถามอย่างเป็นห่วง กลับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จับจ้องมองดูใบหน้าเขา คนคนหนึ่งที่ป่วยมาหลายสิบปี กลับยังสามารถดูแลตนเองให้ดูหนุ่มขนาดนี้ นี่ดูยังไงก็เหมือนคนที่อยู่อย่างมีความสุขมากหลายสิบปี จึงพูดขึ้นว่า “คำอธิบายเช่นนี้ ฟังไม่ขึ้น และก็ไม่เชื่อ ครอบครัวหลานสะใภ้ของข้าล้วนเป็นหมอ หากพี่เหว่ยป่วยจริงๆ ก็ไปโรงพยาบาลเข้ารับการตรวจ”
อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “เจ้าหก”
สีหน้าไท่ซ่างหวงฉายแววโศกเศร้า พร้อมพูดขึ้นอย่างเศร้าสร้อยและสิ้นหวังว่า “หลายสิบปีของความเป็นพี่น้อง พี่เหว่ยจะไม่ยอมพูดความจริงกับข้าเลยหรือ? ข้าอายุมากแล้ว ไม่ขออะไร ขอเพียงแค่คำตอบ เจ้าชี้ไปเรื่อยๆ แล้วให้ข้าได้เป็นฮ่องเต้คนหนึ่งหรือ? ข้าไม่มีความสามารถเลย”
อ๋องชินเฟิงอันเห็นเขา จู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างน่าใจหาย เสียใจสิ้นหวัง ในใจรู้สึกเจ็บปวด จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าหก อย่าพูดเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ ตอนนั้นเพื่อให้เป่ยถังสงบศึกอย่างรวดเร็ว ข้าทำทุกอย่างอย่างเด็ดขาด เหล่าขุนนางทั่วทั้งราชสำนัก ล้วนถูกข้าทำให้ขุ่นเคือง อีกอย่าง การต่อสู้ครั้งนั้น เป็นเพราะอาวุธพวกนั้น ศัตรูตายและได้รับบาดเจ็บมากมาย นักปราชญ์ชาวบ้านและแม้แต่ผู้ศรัทธาต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ข้า หากข้าขึ้นครองราชย์ พวกที่เหลือจะใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อโจมตีข้า ปลุกใจประชาชน ส่งผลกระทบต่ออำนาจการเมืองของเป่ยถังอีกครั้ง และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลหนึ่ง ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล ก็คือสถานะของข้า ข้าไม่ใช่คนของตระกูลหยู่เหวินอย่างแท้จริง เดิมข้าเป็นคนในยุคสมัยนี้ เป็นเพราะสาเหตุบางอย่าง ทำให้ไปเป่ยถังอย่างไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ หากข้าขึ้นครองราชย์ ถือว่าไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม และข้าไม่อยากให้เจ้ารู้เรื่องนี้ เพราะในใจของเจ้า ข้าคือพี่เหว่ยของเจ้า ไม่อยากทำให้สิ่งนี้หวั่นไหว เจ้าเข้าใจไหม?”
เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วก็พูดต่อว่า “ส่วนที่เจ้าพูดว่าเจ้าไม่มีความสามารถนั้นผิด ข้าไม่ได้ชี้ไปเรื่อย คำพูดที่พูดกับเจ้าก่อนจากไป เป็นคำพูดจากใจจริง เจ้าเป็นคนมีความสามารถ ผ่านไปแล้วหลายสิบปี ก็พิสูจน์คำพูดของข้าแล้ว ที่จริงหลายปีมานี้ดูเหมือนว่าข้าจากไปไกลแล้ว แต่ข้ากับพี่สะใภ้ของเจ้า เขาวังไปหาเจ้าบ่อยครั้ง เพียงแค่เจ้าไม่รู้เท่านั้นเอง ขันทีแก่ที่ปัดกวาดในตำหนัก มามาในห้องซักผ้า คนสวนดูแลดอกไม้ หลังจากที่เจ้าขึ้นครองราชย์ ครั้งหนึ่งเคยมีการเสด็จไปรบด้วยตนเอง คนที่เคยช่วยชีวิตเจ้าในสนามรบคนนั้นคือข้า ทางด้านน้องสิบแปดกับฉู่เสี่ยวอู่ เราก็มักไปหา และครั้งนั้นที่เจ้าถูกลอบทำร้าย ฟางหยู่่สละชีวิตเพื่อช่วยเจ้า ครั้งนั้น ฉู่เสี่ยวอู่ก็ถูกลอบฆ่าพอดี ข่าวที่พวกเราได้รับคือเสี่ยวอู่ถูกลอบฆ่า ดังนั้นพวกเราจึงไปทางด้านนั้น ไม่ได้ไปช่วยเจ้า เจ้าหก ข้าไม่เคยได้สบายเหมือนอย่างที่เจ้าคิดแบบนั้น ความจริงแล้ว เจ้าเหน็ดเหนื่อย ข้าก็เหนื่อยเหมือนกัน หอจัยซิง ไม่เคยแตกสลาย”
ต่อให้อายุขนาดนี้แล้ว ฟังอ๋องชินเฟิงอันพูดเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงยังคงน้ำตานอง ถึงว่า เขามักรู้สึกว่าภายในวัง มีบางคนคล้ายพี่เหว่ยกับพี่สะใภ้มาก ตอนนั้นคิดเพียงว่า เป็นเพราะตนเองคิดถึงพวกเขา
“ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ทำไมจะต้องปลอมตัวเป็นคนนั้นคนนี้? มาหาข้าเลยไม่ได้หรือ?” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้น
“หากมีข้าอยู่ เจ้าจะสู้ต่อไปได้อย่างไร? และข้าทอดทิ้งเจ้าไป เจ้าเกลียดแค้นข้าอย่างที่สุด”
อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าหก ยุคสมัยของพวกเรานั้น ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้เป็นยุคสมัยของเจ้าห้า ภายใต้การปกครองของเขา เป่ยถังจะต้องพัฒนาเป็นประเทศที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างต้าโจวอย่างรวดเร็ว พวกเราต่างก็รอคอยวันนี้มาตลอด ไม่ใช่หรือ? ถึงตอนนั้น ไม่ว่าเจ้าใจอยู่ในวัง หรืออยู่ในพระที่นั่ง ขอให้มีความสุขกับยุคที่สงบสุข มั่งคั่งรุ่งเรืองนี้….”
“เจ้าล่ะ? เจ้าจะกลับไปอีกไหม?” ไท่ซ่างหวงพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่กลับไปแล้ว” อ๋องชินเฟิงอันหัวเราะ
“งั้นคนที่ติดตามเจ้ามาหลายสิบปีล่ะ? จะทอดทิ้งเช่นนี้หรือ?”
“ข้าขายหมู่ตึกเหมยแล้ว ทิ้งเงินไว้ให้พวกเขาล้านหนึ่ง เพียงพอให้พวกเขาใช้ชีวิตที่เหลือต่อไป พวกเขาติดตามข้า จนมาแล้วทั้งชีวิต ตอนนี้สามารถได้มีชีวิตที่ดี ไม่ใช่เรื่องที่ดีกว่าหรือ?”
ไท่ซ่างหวงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเพียงแค่กลัวว่า พวกเขายอมที่จะจนอยู่ข้างกายเจ้า ไม่ยินยอมที่จะจากเจ้าไปใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง ยังไงก็จนมาเกินกว่าครึ่งชีวิตแล้ว จนไปอีกนิดในชีวิตบั้นปลาย แล้วยังไงล่ะ?”
อ๋องชินเฟิงอันหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เข้าผิดแล้ว พวกเขายอมที่จะรับเงิน วันที่เอาเงินไปให้บนเขา เจ้าไม่ได้ยินว่าพวกเขาดีใจขนาดไหน ตีฆ้องตีกลอง ย่างเนื้อฉลอง สั่นสนั่นไปทั่วทั้งเขา ข้าบอกลาพวกเขาแล้วค่อยจากมา”
ไท่ซ่างหวงฟังแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือเลย?
แต่เขาได้คำตอบแล้ว ถือเป็นการให้คำตอบตนเอง ชั่วชีวิตนี้ของเขา ตอนนี้เมื่อหวนกลับไปคิด ไม่ทำอะไรผิดไม่รู้สึกละอาย