บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 144 บางทีอาจจะมีหนอนบ่อนไส้
ทันทีที่นำเอายาเม็ดจื่อจินกลับมาได้ หยู่เหวินเห้าก็รีเอามาบดละเอียดแล้วให้หยวนชิงหลิงกินลงไปทันที
ยาเม็ดจื่อจินนี้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เพราะทันทีที่กินไปได้โดยยังไม่หมดธูปหนึ่งดอก อาการกระตุกของหยวนชิงหลิงก็หยุดชะงักลง อีกทั้งความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ลดลงไป
แต่ทว่าหลังความเจ็บปวด มันทำให้นางเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาได้อีก จึงได้เพียงนอนหลับไปเสียอย่างนั้น ภายในความฝันนางเห็นลูกธนูอันแหลมคมกำลังพุ่งตรงเข้ามาหานาง ทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
หยู่เหวินเห้ายังคงคอยดูแลอยู่ข้างกายนาง พร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่นอยู่ตลอดเวลา เขาได้เห็นบาดแผลนั้นกับตาตัวเอง ในตอนที่ดึงลูกธนูออกมาเลือดก็พุ่งออกมาพร้อมกับตรงหัวธนูมีเนื้อที่ติดออกมาด้วย จนสามารถมองเห็นรอยแผลในกระดูก
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นในของเขาก็เต้นแรง พร้อมกับกระสับกระส่าย
“เหตุใดไม่นอนแล้วเล่า?ยังเจ็บอยู่หรือไม่?” เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงลืมตาตื่น เขาจึงรีบโน้มตัวลงไปพร้อมถามด้วยเสียงที่อ่อนโยน
หยวนชิงหลิงจ้องมองเขา ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นไปลูบหน้าผากของเขา “ข้าไม่เป็นอันใด ไม่เจ็บแล้วล่ะ ท่านอย่าเป็นกังวลไปเลย มีเรื่องใดต้องจัดการก็รีบไปทำเถอะ”
หยู่เหวินเห้าที่ได้ยินนางพูดว่าไม่เจ็บแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ : “ข้าไม่มีธุระใดต้องจัดการ ข้าจะอยู่ดูแลเจ้านี่แหละ”
หยวนชิงหลิงมองออกไปด้านนอก “ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”
หยู่เหวินเห้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน จึงหันหลังไปมองทังหยาง แล้วทังหยางจึงรีบแจ้งทันที : “ตอนนี้ใกล้จะยามบ่ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงกดมือเขาลงพยายามที่จะลุกขึ้น , “ข้าจะต้องไปที่จวนอ๋องหวย”
“ไม่ วันนี้ไม่ต้องไป” เขาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “รอให้เจ้าหายดีก่อนแล้วค่อยไป อย่างมากก็แค่ส่งยาไปให้เขาก็เพียงพอแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดขัดทันที : “ไม่ได้ วันนี้และพรุ่งนี้ยังต้องฉีดยาสเตรปโตมัยซิน สองวันสุดท้ายแล้ว ต่อไปก็เหลือเพียงแค่ต้องทานยาเท่านั้นแล้ว จำเป็นต้องไป”
“เจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ จะไปอย่างไร ?ไม่ได้ไปเพียงวันสองวันคงจะไม่เป็นไรหรอก?” หยู่เหวินเห้ากล่าวต่อ
หยวนชิงหลิงขยับไหล่พบว่าความเจ็บปวดนั้นมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยาเม็ดจื่อจินนี้ช่างมีประสิทธิภาพจริงๆ คุณภาพของมันไม่ได้ต่างกับน้ำจื่อจินเลย
นางจ้องเขาแล้วพูดอย่างอ่อนแผ่วเบา : “ตอนนี้ข้าไม่เจ็บแล้ว ขอเพียงแค่ฤทธิ์ยาเม็ดจื่อจินยังอยู่ ข้าก็จะไป นี่คือสองวันสำคัญถ้าเกิดความผิดพลาดไป ชีวิตของอ๋องหวยก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า ไปไม่ได้เด็ดขาด บาดแผลนั้นสาหัสเกินไป
หยวนชิงหลิงเกิดความร้อนใจทันที “ถ้าท่านไม่ให้ข้าไป ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่อาจสบายใจได้อยู่ดี”
ทังหยางที่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปกล่าวเสริมทันที : “ท่านอ๋อง หากพระชายามุ่งมั่นที่จะไป ตอนนี้พระชายาได้รับบาดเจ็บที่ไหล่และขา สามารถยกเกี้ยวออกเดินทางได้ เช่นนี้จะไม่มีการกระแทกใดๆ รอจนฉีดยาเสร็จแล้วก็รีบเดินทางกลับทันที อีกทั้งฤทธิ์ของยาเม็ดจื่อจินนี้สามารถอยู่ได้จนถึงยามจื่อคืนนี้ หรืออาจจะเป็นรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ” (ยามจื่อ 23:00 – 00:59 น.)
พอถึงในวันพรุ่งนี้ พิษเจ็บจากบาดแผลจะค่อยๆ ลดลงไป
หยวนชิงหลิงจับข้อมือเขาแล้วมองเขาด้วยสายตาที่ใสซื่อเชื่อฟัง “ข้าขอให้คำมั่นว่าจะเชื่อฟังท่าน ท่านให้กลับข้าก็จะรีบกลับโดยทันที”
หยู่เหวินเห้าที่เห็นนางใส่ใจอาการป่วยของน้องหกถึงเพียงนี้แล้ว เขาจะยังสามารถห้ามต่อไปได้อย่างไร? อีกทั้งเขาก็กลัวด้วยเช่นกันว่าหากน้องหกขาดการรักษาสองวันนี้ไปอาการที่เริ่มหายดีจะกลับไปทรุดหนักอีกครั้ง
มุมปากของหยวนชิงหลิงปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา ด้วยแววตาที่เปล่งประกาย “ขอบคุณท่านที่อดทนต่อความเอาแต่ใจของข้า”
หยู่เหวินเห้าลูบผมนาง พร้อมดวงตาประกายก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกเศร้าใจ : “ครั้งนี้เจ้าทำให้ข้าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก รู้หรือไม่ ?”
“ข้าเองก็เช่นกัน!” หยวนชิงหลิงหัวเราะออกมา
“ยังจะหัวเราะอีก!” หยู่เหวินเห้าค่อยๆ ช่วยประคองนางลุกขึ้น “หากมีเรื่องที่จัดการไม่ได้ จงรีบบอกกับข้า อย่าได้ฝืนมากนัก”
“รับทราบเจ้าค่ะ!” หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างเตียง : “เดี๋ยวก่อน ข้าขอทานยาสักหน่อย”
นางหยิบกล่องยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วเปิดกล่องออก ก่อนจะกลืนยาแก้อักเสบลงไปสองเม็ด แล้วหยิบเอาน้ำยาฆ่าเชื้อและผ้าพันแผลออกมา ราวกับว่ากล่องยารู้ว่านางถูกลอบสังหารจึงทำให้ด้านในมียาแก้อักเสบและยารักษาแผลภายนอกอยู่จำนวนมาก
“ข้าต้องทำแผลใหม่อีกครั้ง ท่าน”
“หมอหลวงได้ทำแผลไปเรียบร้อยแล้ว” หยู่เหวินเห้าแจง
หยวนชิงหลิงยื่นน้ำยาฆ่าเชื้อให้กับเขา “ข้ารู้ แต่ว่าข้าอยากจะทำแผลใหม่อีกครั้ง นี่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรค ต้องฆ่าเชื้อถึงจะยับยั้งการติดเชื้อได้ หลังจากฆ่าเชื้อแล้ว ให้ใช้สำลีนี้เช็ดแล้วค่อยนำผ้าพันแผลมาพันอีกที”
หยู่เหวินเห้ารับของมาแล้วมองนาง “บางทีก็แอบสงสัยว่าเจ้าไม่ใช่หยวนชิงหลิง”
หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “สามารถเรียกข้าว่าพระชายาฉู่”
คำนี้เหมือนจะได้ประโยชน์ เขาจูบลงบนปลายจมูกของนาง ก่อนจะเดินไปปิดประตูแล้วแก้เสื้อของนางออกพลางทำแผลให้
ทั้งบริเวณไหล่และหน้าอกของนางยังคงมีร่องรอยจุดแดงที่เขาได้ประทับมันเอาไว้เมื่อวานก่อน โดยเฉพาะบนผิวอันขาวเนียนดุจหิมะยิ่งทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
ทันทีที่ไอโอดีนสัมผัสเข้ากับแผล แม้จะทานยาเม็ดจื่อจินไปแล้ว แต่นางก็ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บแสบจนขมวดคิ้วขึ้น หลังจากที่เขาซับแผลจนแห้งก็ค่อยๆ พันแผลให้นางอย่างระมัดระวัง ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขานั้นนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างมาก
แล้วลงมายังน่องขา แผลตรงนี้ไม่ได้สาหัสมากนัก เพราะไม่ได้แทงทะลุไปยังกระดูก ลูกธนูเพียงแทงเข้าไปตรงเนื้อเท่านั้น
ขอเพียงไม่ติดเชื้อ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอันใด
ซึ่งเมื่อเทียบกับอ๋องซุนแล้วบาดแผลของหยวนชิงหลิงยังนับว่าไม่ได้สาหัสมากนัก
โชคดีที่อ๋องซุนมีความอ้วนท้วน ดังนั้นลูกธนูจึงไม่ได้ทำลายอวัยวะภายในและปอดของเขา หยวนชิงหลิงที่ได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“นับว่าเป็นบุญอันประเสิรฐของคนอ้วนท้วนจริงๆ”
“ใช่แล้ว แต่ว่าท่านพี่รองกลัวความเจ็บปวด กลัวเลือดไหล ครั้งนี้ทำเอาเขาหวาดกลัวไม่น้อย” หยู่เหวินเห้ารู้สึกตื้นตันใจกับการกระทำของอ๋องซุนเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะเขา หยวนชิงหลิงก็คงไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ในตอนที่ได้ยินแม่นมสี่เล่าความ เขาก็อดไม่ได้ที่จะไปโน้มศีรษะคารวะอ๋องซุนเลยทีเดียว
เมื่อหยวนชิงหลิงนึกถึงเหตุการณ์ขับขานนั้น นับว่าโชคดีที่อ๋องซุนเข้ามาช่วยเหลือ ถ้าเกิดอ๋องซุนเป็นอันใดไป ถึงนางจะมีชีวิตรอด แต่ชาตินี้นางก็คงจะอยู่อย่างไม่สุขใจ
ในตอนที่เขาล้มลงไปนั้นยังมีความเสียดายที่ไม่ได้ทานขาหมูพะโล้ชิ้นนั้น หยวนชิงหลิงจึงตัดสินใจว่ารอให้เขาหายดีแล้ว จะทำแผนการลดน้ำหนักให้กับเขา และให้เขาได้กินอย่างเต็มอิ่มเสียที
หลู่เฟยนั้นคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหยวนชิงหลิงจะมาที่นี่เพื่อฉีดยาให้กับอ๋องหวยในขณะที่กำลังบาดเจ็บอยู่
นั่นทำให้นางยิ่งรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันใด
โดยเฉพาะในตอนที่นางเห็นหยวนชิงหลิงยกมือขึ้นด้วยความอ่อนแรง และร่างกายของนางแทบล้มลงไปบนเก้าอี้ ก่อนที่ตัวเองจะถอนหายใจออกมา : “ที่จริงวันนี้พระชายาฉู่ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้”
หลังจากที่หยวนชิงหลิงฉีดยาให้กับอ๋องหวยเรียบร้อย ก็หันไปตอบหลู่เฟย : “สองวันนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด ไม่อาจจะละเลยได้ ท่านหญิง ตอนนี้ควรจะต้องสอบสวนคนในจวนอย่างจริงจังเสียแล้วเจ้าค่ะ”
หลู่เฟยตกใจ “หมายความว่าอย่างไร ?”
หยู่เหวินเห้าที่อยู่ตรงนั้นจึงช่วยอธิบายแทน เพราะในตอนที่เดินทางมาที่นี่พวกเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับปัญหานี้แล้ว
“ท่านแม่หลู่ลองพิจารณาให้ดีเถอะ ในวันก่อนนี้ล้วนเป็นกู้ซือที่คอยมารับส่งนาง หรือไม่ก็เป็นข้า นางไม่เคยเดินทางเพียงลำพังมาก่อน แต่จนกระทั่งมาถึงเมื่อวานที่ข้าไม่ได้มา และกู้ซือก็ไม่ได้มาเช่นกัน จะเกิดบังเอิญถึงขนาดที่อีกฝ่ายรู้ว่านางเดินทางไปลำพังได้อย่างไร ?”
หลู่เฟยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงไม่น้อย “เจ้าห้า เจ้าจะบอกว่าในจวนอ๋องหวยมีหนอนบ่อนไส้เช่นนั้นหรือ?”
“นักฆ่ามีจำนวนไม่มาก ดูแล้วน่าจะเป็นการวางแผนโดยกะทันหัน” หยวนชิงหลิงกล่าวเสริม
หลู่เฟยหันยังทางอ๋องหวย แล้วสีหน้าของอ๋องหวยก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป “เสด็จแม่ เรื่องการวางยาพิษเมื่อวานนี้ก็ยังไม่สามารถสืบหาต้นตอได้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการวางยาในตอนที่ทำการซื้อของใช้ประกอบอาหาร”
“แต่ว่าสองวันมานี้คนที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารของเจ้าล้วนเป็นคนสนิทข้างกายข้าทั้งนั้น” หลู่เฟยกล่าวแย้ง
แล้วจู่ๆ หลู่เฟยก็มีสีหน้าที่ซีดเผือด
คนสนิทข้างกายแล้วอย่างไรเล่า?ถึงอย่างนั้นก็เป็นเพียงเจ้านายและคนรับใช้เท่านั้น การถูกซื้อตัวแล้วทำร้ายผู้เป็นนายใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น
หยู่เหวินเห้าขัดขึ้นมาทันที “ท่านแม่หลู่โปรดลองไตร่ตรองให้ดี เมื่อวานนี้ฝ่ายศัตรูไม่อาจสังหารชิงหลิงได้สำเร็จ เช่นนั้นก็ยากที่จะมั่นใจแล้วว่าเขาจะไม่หาวิธีทำร้ายน้องหกอีก”
ดวงตาของหลู่เฟยแข็งกร้าวขึ้นมา แล้วถ่ายทอดคำสั่งทันที “เร่งถ่ายทอดคำสั่งให้ทุกคนในจวนให้มารวมตัวกัน ข้าอยากรู้ว่าเมื่อวานหลังจากที่พระชายาออกจากที่นี่ไป มีผู้ใดออกจากจวนไปบ้าง”