บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1442 ข้อเสนอของหยางหรูไห่
เมื่อเซียวเหยากงพูดประโยคนี้ บรรดาพี่สาวนักแนะนำสินค้าก็กรูกันเข้าล้อมรอบตัวเขา เลือกชุดให้เขาอีกหลายชุด แล้วให้เขาเข้าไปลองใหม่อีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเซียวเหยากงดูจะชื่นชอบของหรูหรามีระดับขนาดนี้ หยวนชิงหลิงก็อดหัวเราะไม่ได้ นี่เขายังเป็นกั๋วกงเฒ่าที่เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไม่สนโลก เมื่อตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกคนนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ ?
เธอหันกลับมามองเจ้าห้า เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จแล้ว ถามว่า “เจ้าเลือกเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จแล้วรึ?”
“ เลือกเสร็จแล้ว ห่อเรียบร้อยแล้วด้วย กลับไปจะใส่ให้เจ้าดู!” หยู่เหวินเห้าชี้ไปที่ถุงกระดาษใบใหญ่บนโซฟา ชุดสูทยี่ห้อดัง แม้แต่ถุงที่ใช้บรรจุก็หรูหราประณีตมาก
“น้องเขยใส่แล้วหล่อมากเลยล่ะ!” หยวนชิงโจวเดินเข้ามาพลางพูดชม
หยวนชิงหลิงรู้สึกภูมิใจมาก มองดูเจ้าห้าที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาโดดเด่นสะดุดตามากจริง ๆ ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา หรือกิริยาท่าทาง ก็ล้วนดูมีระดับไปหมด
โสวฝู่ยังมีท่าทางยากจะตัดใจถอดชุดสูทนี้ออก เพราะสายตาของแม่นมสี่ยังเฝ้ามองดูเขาอยู่ตลอดเวลา หลังจากมาถึงที่นี่ แม่นมสี่ก็ดูผ่อนคลายเปิดใจรับอะไรใหม่ ๆ ได้มากขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในเป่ยถังอย่างเห็นได้ชัด
จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ บางทีเมื่อเป็นที่นี่ ฉู่เสี่ยวอู่กับเสี่ยวสี่อาจจะสามารถแต่งงานและอยู่ด้วยกันได้
ความคิดนี้เป็นแค่ความคิดแบบชั่ววูบ เธอยังจำคำพูดที่แม่นมสี่เคยพูดได้ ว่าดีแล้วที่ได้อยู่ด้วยกันในลักษณะนี้ ไม่ร้องขอให้มีพิธีรีตองใด ๆ หรือต่อให้จะจัดนางก็คงไม่ยินยอม
ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ฟางหวูก็โทรมาหาเธอ เธอจึงเดินออกไปฟังข้างนอก
“ยังจำร่างของเด็กคนนั้นได้ไหม? หลังจากที่ฉันเอาออกมาแล้วก็เอาไปมอบให้หยางหรูไห่ หยางหรูไห่บอกว่าเขาไม่ได้สมองตาย” ฟางหวูพูดทางโทรศัพท์
หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ “จริงเหรอ?”
“อื้ม เป็นความจริง นี่มันแปลกมากเลยล่ะ จริงสิ! หาลิงเจอแล้วนะ เป็นลิงตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ตายเพราะได้รับบาดเจ็บภายนอก น่าจะผ่าตัดภายในสองวันนี้แหล่ะ” ฟางหวูพูด
“พวกเธออยู่ในทดลองหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันไปหา!” หยวนชิงหลิงถาม
“ พวกเราอยู่ในห้องทดลองของหยางหรูไห่ เดี๋ยวฉันแชร์ที่อยู่ไปให้ คุณขับตามเส้นทางมาก็แล้วกัน!”
หลังจากที่หยวนชิงหลิงวางสาย เธอก็รีบเดินไปหาเจ้าห้า แล้วพูดว่า “ข้าจะไปหาฟางหวูหน่อย พวกเจ้าลองชุดเสร็จก็กลับไปก่อนเลย ข้าอาจจะกลับมาดึกหน่อย”
“เรื่องอะไรรึ?” หยู่เหวินเห้าถาม
“เรื่องลิงน่ะ” หยวนชิงหลิงตอบ
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับลิงของบ้านเหล่าหง จึงพูดว่า “ได้ เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ!”
เดิมทีตอนที่พวกเปาเปามาที่นี่ พวกเขาใช้ร่างของเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ตอนนี้ทะเลสาบจิ้งเปิดแล้ว ด้วยเหตุนั้นเด็ก ๆ ทั้งหลายจึงสามารถใช้ร่างกายของตัวเองมาที่นี่ได้ ดังนั้น ก่อนที่พวกเขาจะมา ฟางหวูก็ได้นำตำแหน่งที่ตั้งไว้ออกไปเป็นที่เรียบร้อย
ในใจของหยวนชิงหลิงเกิดความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ความสำคัญที่ลิงมีต่อหงเย่นั้น ก็เปรียบเหมือนกับญาติพี่น้องที่สนิทกันอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่เรียกว่าร่วมเป็นร่วมตายกันได้เลยทีเดียว
แล้วยังมีเด็กคนนั้นอีก ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าตายแล้วหรอกเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าตอนที่เปาเปาใช้ร่างของเขา มีพลังงานบางอย่างไปกระตุ้นเซลล์สมองของเขาให้เกิดการงอกใหม่?
ห้องทดลองของหยางหรูไห่ตั้งอยู่ในอาคารแห่งหนึ่งในเขตกว่างฝู ตัวอาคารมีขนาดใหญ่มาก สูงแปดชั้น มองจากภายนอกจะดูเหมือนอาคารสำนักงานทั่วไป มีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ข้างนอกราวห้าหกคน ไม่มีมุมอับของกล้องวงจรปิดแม้แต่จุดเดียว
น่าจะเป็นเพราะหยางหรูไห่ได้บอกกล่าวไว้แล้ว ดังนั้นในตอนที่เธอขับรถเข้าไป ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ รอจนเธอเข้าไปแล้วเรียบร้อย ประตูก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ
ฟางหวูรอเธออยู่ที่ด้านนอก แล้วพาเธอลงลิฟต์ไปยังชั้นใต้ดินชั้นที่สาม
“ที่นี่เป็นที่ของหยางหรูไห่งั้นเหรอ?” หยวนชิงหลิงถาม
ฟางหวูอธิบายว่า “ที่นี่คือสถาบันวิจัยของโรงงานผลิตยา ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับสถาบันวิจัยที่คุณเคยอยู่มาก่อน สามีของเธอเป็นผู้ถือสิทธิ์ในการรับผิดชอบโรงงานผลิตยาแห่งนี้ ตัวเธอเองก็ขอพื้นที่ส่วนตัวไว้ด้วย เพื่อใช้ทำเป็นห้องปฏิบัติการทดลองและวิจัย”
“เธอเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ เลยนะ!” หยวนชิงหลิงร้องชมอย่างประทับใจ
ฟางหวูยิ้ม “ใช่แล้ว คุณเองก็น่าทึ่งเหมือนกันนะ ฉันเคยได้พบกับสามีของดร.หยางแล้ว เขาบอกว่าเขาเคยติดต่อหาคุณตั้งแต่แรกเลย หวังว่าคุณจะมาที่สถาบันวิจัยของเขาได้ แต่ว่าคุณไม่ได้ตอบรับ”
หยวนชิงหลิงยิ้ม มีโรงงานผลิตยาหลายแห่งเคยมาติดต่อเธอ แต่ความจริงในตอนนั้นเธอมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสมองเป็นหลัก ไม่ได้คิดค้นพัฒนาในส่วนของยาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยมากนัก
นี่คือความเสียดายอย่างสุดซึ้งของเธอ
หลังออกจากลิฟต์ ก็เดินตรงไปเรื่อย ๆ ฟางหวูเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “ที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียดายอะไรหรอกนะ คุณยังสามารถทำแบบเดียวกันได้ในตอนนี้ ทะเลสาบจิ้งเปิดแล้ว ถ้าคุณอยากกลับมาที่สถาบันวิจัย พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ!”
“จริงเหรอ?” หยวนชิงหลิงตะลึงไปวูบหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมา ตัวเธอไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลย
“ ก็จริงน่ะสิ ตอนนี้น่าจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว คุณมีความสามารถแบบนี้ จะต้องช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้นแน่ ทำไมคุณถึงไม่ทำล่ะ? นอกจากนี้ เดิมทีนี่ก็เป็นอาชีพของคุณ ถ้าล้มเลิกยอมแพ้ไป มันก็น่าเสียดายออกนะ จริงมั้ย ?” ฟางหวูพูดคะยั้นคะยอต่อ
ไม่พูดไม่ได้ว่า ฟางหวูนั้นดูจะรู้จักหยวนชิงหลิงดีมากจริง ๆ
หยวนชิงหลิงหันไปมองเธอ “ฟางหวู จริง ๆ แล้วเธอเองก็เป็นคนที่ถูกชวนมาด้วยเหมือนกันใช่ไหม?”
ฟางหวูยิ้มพลางพูดว่า “ตอนนี้อะไรก็หลอกคุณไม่ได้แล้วสิ ถูกต้อง ที่นี่จะไม่ได้มีแค่คุณหรอกนะ จะมีคนที่เข้ามาร่วมกับเราอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าคุณเข้าร่วมด้วยก็จะถือว่าเป็นผู้ชำนาญการ ที่จะนำทีมคนได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ พัฒนาการวิจัยของคุณ แต่จะไม่ใช่ยาที่ใช้พัฒนาสมอง แต่เป็นยาที่มีประโยชน์ต่อการรักษาผู้คนจริงๆ”
ฟางหวูพูดไปพลาง ก็กดสแกนลายนิ้วมือ ประตูเปิดออก สภาพแวดล้อมภายในนั้นเป็นอะไรที่หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่แปลกตาเลยซักนิด เพราะมันคล้ายกับสถาบันวิจัยเดิมที่เธออยู่มาก ๆ แต่แค่ใหญ่กว่านิดหน่อย ทั้งยังไม่มีคนประจำการแต่ละตำแหน่ง เมื่อเดินตรงไปสุดทาง ผลักเปิดประตูห้องหนึ่งเข้าไป ก็พบหยางหรูไห่อยู่ข้างใน
หยางหรูไห่ยืนอยู่หน้าหีบแก้วโปร่งใสใบหนึ่ง ข้างในหีบแก้วนั้นมีเด็กนอนอยู่ บนหัวของเขามีสายไฟหลายเส้นที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก หีบมีการใช้ไนโตรเจนเหลวแช่แข็งไว้ มีเครื่องอ่านคลื่นสมองแสดงผลอยู่ เด็กคนนี้ ก้านสมองยังไม่ตาย
หยางหรูไห่พูดว่า “เด็กคนนี้ เป็นเพราะหลังจากที่หัวใจของเขาหยุดเต้นได้ไม่นาน ซาลาเปาก็มาใช้ร่างกายของเขา มีไฟฟ้ากระแสรุนแรงเข้าสู่ร่างกาย ทำให้สมองของเขาอยู่ในสถานะพักตัวชั่วคราว แต่ว่าหัวใจอยู่ในสภาวะที่ตายไปแล้ว ดังนั้น ฉันจะลองเปลี่ยนหัวใจของเขา เพื่อดูว่าจะสามารถช่วยเขากลับมาได้ไหม”
เมื่อมองไปที่สภาพของเด็กคนนั้น หยวนชิงหลิงอดรู้สึกใจอ่อนยวบไม่ได้ “พูดตามความจริงเขาก็มีวาสนากับเด็ก ๆ อยู่ ถ้าสามารถช่วยเขากลับมาได้จริง ๆ นั่นก็คงจะดีมากเลยทีเดียว”
เธอมองไปรอบๆ ที่ด้านข้างยังมีตู้แช่แข็งอีกใบอยู่ด้วย มีลิงตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งนอนนิ่งอยู่ในนั้น
ตัวเล็กมาก ยังไม่โตเท่าไหร่ ขนนุ่มละเอียดมาก หยวนชิงหลิงถามเบา ๆ ว่า “ลิงตัวนี้เหมาะสมดีไหม?”
“ลองทดสอบไปครั้งนึง ก็เหมาะสมดี”
“จะผ่าตัดเมื่อไหร่เหรอ?”
“อีกสองวันจากนี้ ฉันยังต้องถ่ายพลาสมาในเลือดบางส่วนของลิงออกมาไว้ก่อน เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นมาแบบไม่คาดฝันน่ะ” หยางหรูไห่พูด
หยวนชิงหลิงพูดเบา ๆ ว่า “หวังว่าจะประสบความสำเร็จด้วยดีนะ ถ้าสามารถรักษาลิงให้หายได้ ฉันจะพามันกลับไปให้หงเย่”
ความสัมพันธ์เรื่องลิงกับหงเย่นั้น ทางหยางหรูไห่ก็รู้มาบ้างในระดับหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้มีท่าทีคัดค้านอะไร เธอเชิญหยวนชิงหลิงเข้ามาในห้องทำงานของเธอ หลังจากนั่งลงแล้ว ก็พูดว่า “ฟางหวูคุยกับคุณแล้วหรือยัง?”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า จ้องมองไปที่ดวงตาที่แสนสงบนิ่งของหยางหรูไห่ “แต่ ฉันไม่สามารถทิ้งทุกคนไว้ข้างหลัง แล้วตัวเองมาที่นี่แค่คนเดียวได้”
หยางหรูไห่พูดว่า “วางใจเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ๆ หรอก เพราะถ้าหากคุณตกลงรับปาก จะมีสมาชิกในทีมที่ทำงานในสายล่างจากคุณลงไป คุณเป็นหัวหน้าของทีมวิจัย คุณมาที่นี่ซักสองสามวันต่อเดือน หรือไม่ก็ระหว่างที่อยู่ในขั้นทดลอง คุณก็มาอยู่ที่นี่ยาว ๆ สักระยะ ลองคิดดูก่อนก็ได้ ฉันไม่บังคับ เพราะเคยทำความเข้าใจผ่านพี่ชายของคุณมาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าคุณมีความคิดอยากจะส่งลูก ๆ กลับมารับการศึกษาที่นี่ ดังนั้น ถ้าคุณยินดีล่ะก็ คิดว่าก็คงจะเริ่มดำเนินการได้”
หยวนชิงหลิงถึงกับใจเต้น มีประโยคหนึ่งที่ฟางหวูพูดได้ถูกต้องมาก ๆ นี่คืออาชีพของเธอ และเป็นเรื่องที่เธออยากทำมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เรียกได้ว่าเป็นอุดมการณ์ของเธอเลยก็ว่าได้ เมื่อก่อนตอนที่อยู่เป่ยถัง มันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้มีทั้งโอกาสและเงื่อนไขครบถ้วน เธอจะยอมล้มเลิกงั้นเหรอ?
“คุณต้องการให้ฉันพัฒนายาอะไรล่ะ?” หยวนชิงหลิงถาม
หยางหรูไห่มองเธอนิ่ง ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ยาที่ออกฤทธิ์อย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับมะเร็งเม็ดเลือดขาว”