บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1448 เจ้าตามข้าไล่
พวกเขาเชื่อว่า ขอแค่พวกเขาได้รวมตัวกันบนเรือสำราญลำนี้เมื่อไหร่ จะต้องเกิดหายนะอันใหญ่หลวงต่อทริปฮันนีมูนของพวกเขาในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทั้งสองจึงส่งซิกสื่อสารกับพี่ชายหยวนตลอด ที่ไหนที่กลุ่มผู้เฒ่าไปปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็จะไม่ไป ส่วนที่ไหนที่พวกหยวนชิงหลิงจะไป พี่ชายหยวนก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นไม่ให้พวกผู้เฒ่าไปเหมือนกัน
ดังนั้น แม้ว่าจะมีเรื่องให้อกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย แต่กลับไม่มีเหตุเหนือคาดใด ๆ ถึงขั้นที่ว่า ยังช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทางครั้งนี้ได้อีกด้วย
พวกเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ตื่นเต้น ทั้งยังสดชื่นแปลกใหม่ของความรักที่ต้องซ่อนเร้น
แต่สิ่งที่แย่ก็คือ เมื่อเราคิดว่าไม่มีข้อผิดพลาดตรงไหนแล้ว คนเราจะค่อย ๆ สูญเสียการความรู้สึกระวังป้องกันลงไป
และอันที่จริงหยวนชิงโจวก็เหนื่อยแทบตายแล้ว เขาก็แค่ผู้ชายโสดในยุคปัจจุบันคนหนึ่ง ไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ ว่าทำไมบรรดาคนแก่จากยุคโบราณพวกนี้ ถึงได้กระฉับกระเฉงมีกำลังวังชาขนาดนี้ พวกเขาสามารถเล่นได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แถมยังบอกว่าจะไปว่ายน้ำกันอีก
เขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วจริง ๆ คิดว่าดึกขนาดนี้แล้ว พวกน้องสาวก็คงจะไม่ไปสระว่ายน้ำกันหรอก จึงไม่ได้บอกทั้งคู่ ล้มตัวลงนอนบนเตียง ขอหลับเอาแรงซักงีบก่อนค่อยว่ากัน เพราะถึงยังไงคุณย่ากับแม่นมสี่ก็ไม่ไป ก็ปล่อยให้สามคนนั้นบ้าพลังให้พอ แล้วค่อยกลับมากันเองก็ได้
คืนนี้จู่ ๆ หยู่เหวินเห้าก็เกิดอาการคึกคัก อยากแสดงความสามารถของตัวเองในการลอยตัวในน้ำ จึงดึงตัวหยวนชิงหลิงไปว่ายน้ำด้วยกัน
ตอนกลางคืนยังมีคนว่ายน้ำอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ทั้งสองลงไปในน้ำแล้ว พวกเขาก็แข่งกันดำน้ำ ทั้งยังมีแข่งกลั้นหายใจ เล่นกันได้มีความสุขสนุกสนานอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังค้นพบวิธีการเล่นแบบใหม่ นั่นคือไม่ว่าพวกเขาจะดำอยู่ใต้น้ำนานแค่ไหน พวกเขาก็จะเห็นอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน อีกทั้งตำแหน่งก็จะไม่มีการผิดพลาดเลย หยวนชิงหลิงคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า กระแสจิตที่สื่อถึงกัน
พวกเขาทำแบบนี้ซ้ำกันหลาย ๆ ครั้ง จนครั้งสุดท้าย เมื่อหยู่เหวินเห้าโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ชั่วขณะที่หัวโผล่ขึ้นพ้นน้ำมาเจอคนตรงหน้า เขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกอดหมับ หัวเราะพลางพูดว่า “เจอกันอีกแล้ว…. อ๋า เซียวเหยากง?”
เซียวเหยากงก็ตกใจมากเช่นกัน “เจ้าห้า?”
จากนั้น หัวคนอีกสองสามหัวก็ทยอยโผล่ขึ้นมาขึ้นมาจากน้ำเรื่อย ๆ เป็นโสวฝู่ ไท่ซ่างหวง แล้วก็ยังมีหยวนชิงหลิงที่เวลานี้ มีรอยยิ้มแข็งทื่อขึ้นมาทันทีด้วยอีกคน ดวงตาหลายคู่มองประสาน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย
นี่เป็นเรื่องที่ชวนกระอักกระอ่วนสิ้นดี
หยู่เหวินเห้ามีการตอบสนองเป็นคนแรก รีบแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างรวดเร็ว “เอ๋? ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? ท่านไม่ได้อยู่ในเรือควีนครู๊ซหรือ?”
สีหน้าประหลาดใจของเซียวเหยากงดูเป็นธรรมชาติกว่าอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ใช่เสียหน่อย พวกเราอยู่บนเรือลำนี้ต่างหาก พวกเจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“พวกเราอยู่ที่นี่มาตลอดเจ้าค่ะ” หยวนชิงหลิงก็กลับมารู้สึกตัวในทันทีเช่นกัน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่พวกเราไม่ได้พบกันมาตลอดเลยหรือนี่? ข้ายังคิดว่าพวกเราไม่ได้อยู่บนเรือสำราญลำเดียวกันเสียอีก ถ้ารู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ พวกเราก็คงมาเที่ยวหาพวกท่านกันตั้งนานแล้ว”
สีหน้าของไท่ซ่างหวงกับโส่วฝู่ค่อนข้างซับซ้อน หลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง ไท่ซ่างหวงก็พูดว่า “คือว่าอย่างนี้ พวกเจ้ากำลังมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน พวกเราก็ไม่สมควรเข้าไปก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัว พวกเราต่างคนก็ต่างเที่ยวเล่นกันไป ไม่จำเป็นต้องมาเที่ยวเล่นด้วยกันหรอก”
โสวฝู่ก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “ใช่แล้ว ๆ พวกเจ้าก็ไปเที่ยวเล่นของพวกเจ้า พวกข้าก็ไปเที่ยวเล่นของพวกข้า อย่าเที่ยวด้วยกันเลย ไม่ควรไปเกะกะช่วงเวลาที่พวกเจ้าจะได้รักกันหวานซึ้ง”
เซียวเหยากงรีบเสริมว่า “ใช่ ๆ เราตัดสินกันตามนี้เถอะ โอ้! ดึกขนาดนี้แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ อย่าเกะกะพวกเขาเล่นน้ำเลยนะ”
พูดจบ ทั้งสามคนก็รีบเผ่นแนบออกไปทันที ราวกับว่าพวกเขากำลังหนีอย่างไรอย่างนั้น
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงหันมามองหน้ากัน รู้สึกยากที่จะเชื่อได้ว่าพวกเขาจะโชคดีขนาดนี้ แต่พวกเขารู้สึกว่าโชคดีได้ครู่เดียว ก็กลับรู้สึกว่าไม่สบอารมณ์มาก ๆ ขึ้นมาแทน
ผ่านไปไม่นาน หยวนชิงหลิงก็ถามขึ้นว่า “นี่พวกเราถูกทิ้งแล้วใช่หรือไม่?”
“ ใช่แน่ ยึดตามแนวทางที่ผ่านมา ถ้าพวกเขาได้เห็นพวกเรา แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องเกาะติดพวกเราอย่างเหนียวแน่นไม่ปล่อยต่างหาก” หยู่เหวินเห้าเองก็ไม่เข้าใจ
หยวนชิงหลิงว่ายน้ำไปทางฝั่งขึ้นสระ “พวกเราไปถามกันเถอะ”
“ใช่ ไปถามกันเถอะ!” หยู่เหวินเห้าก็ว่ายกลับไปด้วย นี่มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติเกินไปแล้วจริง ๆ
ไท่ซ่างหวงไม่รู้ว่าพวกเขาพักที่ไหน แต่พวกเขากลับรู้ว่าไท่ซ่างหวงพักที่ไหน ในเมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยติดต่อกับหยวนชิงโจวมาระยะหนึ่ง จึงรู้ฐานที่มั่นของอีกฝ่าย
เมื่อหาห้องพักของพวกเขาจนพบ พวกผู้ชายทั้งหลายก็เพิ่งจะกลับมาถึงพอดี แม่นมสี่กับคุณย่าหยวนกำลังนั่งอยู่บนระเบียงของห้องข้าง ๆ เพื่อชมวิวของทะเลด้านนอก จึงเชิญพวกท่านเข้ามาด้วยกันเลย
เห็นได้ชัดว่า คุณย่าหยวนกับแม่นมสี่ดีใจมากที่ได้พบพวกเขา แต่ผู้ชายทั้งสามคนกลับมีท่าทางไม่ค่อยจะยินดีเท่าไรนัก รอยยิ้มที่เค้นออกมาค่อนข้างจะแข็งทื่อ เจือด้วยความไม่เต็มใจ
หยู่เหวินเห้าอุทธรณ์ทันทีว่า “ทำไมถึงเที่ยวด้วยกันไม่ได้? ทำไมต้องแยกกันเที่ยวใครเที่ยวมัน ทำเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นด้วย?”
“ พวกเจ้าไปเที่ยวเล่นตามประสาพวกเจ้าก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวเล่นด้วยกันก็ได้ อายุต่างกัน ความชอบต่างกัน ไปเที่ยวด้วยกันมันก็ไม่สนุกหรอก ” ไท่ซ่างหวงตอบ
หยวนชิงหลิงพูดว่า “พวกท่านอยากเล่นอะไร พวกเราก็ตามไปเล่นด้วยก็ได้ มีอะไรแตกต่างกันล่ะ?”
ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้ว “พวกเจ้าก็โต ๆ กันแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกาะติดพวกเราตลอดเวลาก็ได้”
“ใช่แล้ว ๆ!” เซียวเหยากงพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
สองวันนี้พวกเขาเที่ยวเล่นได้สนุกมาก กินอะไรได้อย่างมีความสุข แต่ถ้ามีพระชายารัชทายาทอยู่ด้วยล่ะก็จะต้องมีข้อจำกัดนั่นนี่ขึ้นมาแน่ จะกินอะไรสักมื้อก็ต้องคอยระวัง ทั้งยังต้องให้พวกเขากินจืด ๆ ช่างน่าเบื่ออะไรอย่างนี้หนอ ? หายากมากกว่าจะได้ออกมาเที่ยวเล่นสักครั้ง ก่อนหน้านี้ที่พวกเจ้าห้ายังไม่มา พวกเขาก็ออกไปเที่ยวเล่นกับพระชายารัชทายาท ก็ถูกจับตามองอย่างเข้มงวดตลอด ช่างน่าเบื่อเหลือเกินแล้ว
“ ไม่ได้ ในเมื่อพวกเราได้พบกันแล้ว ก็ต้องอยู่ด้วยกัน!” หยวนชิงหลิงพูดอย่างหนักแน่น โดยลืมพฤติกรรมของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะหลบเลี่ยงไม่ต้องไปเที่ยวเล่นกับพวกเขา จึงพยายามหลบหนีซ่อนตัวทุกรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง
สามผู้นำยักษ์ใหญ่หันไปมองหยวนชิงโจวอย่างลำบากใจ หวังว่าเขาจะช่วยพูดให้สักประโยคสองประโยค
หยวนชิงโจวมองไปที่น้องเขยกับน้องสาวด้วยสายตาที่สะลึมสะลือ แต่ก็เจือความสงสัย นี่เป็นสิ่งที่เหนือคาดมากจริง ๆ เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ได้พบกันจริง ๆ ก็น่าจะเป็นฝ่ายของไท่ซ่างหวงที่มารบกวนน้องสาวของเขามากกว่า แต่กลับกลายเป็นตรงข้ามกันไปซะได้
นี้ไม่ได้กำลังหาเหาใส่หัวกันหรอกเหรอเนี่ย?
แต่เขามีความสุขมาก เพราะมีคนดูแลพวกเขาเพิ่มมาอีกหลายคน ตัวเขาก็จะสามารถพักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลได้ เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวที่หาโอกาสได้ยากนี้ซักที
ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ไปเที่ยวเล่นด้วยกันนี่แหล่ะ ยังไงเราทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีเหตุผลที่เราต้องแยกกันเวลาออกไปนอกบ้านนี่ครับ!”
แม่นมสี่กับคุณย่าหยวนก็พูดเหมือนกันว่า “ใช่แล้ว ทำไมต้องแยกกันด้วยล่ะ? ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เริ่มทำกิจกรรมร่วมกัน ตัดสินตามนี้”
เมื่อผู้หญิงพูด เป็นปกติที่ผู้ชายจะไม่มีปากเสียง ดังนั้นจึงตัดสินกันตามนี้
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงกลับไปที่ห้องพักอย่างพึงพอใจ ชัยชนะเล็ก ๆ นี้ทำให้พวกเขาอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก ก็ยังมีความรู้สึกที่อดขุ่นเคืองใจเล็กน้อยไม่ได้ หยู่เหวินเห้าพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “เขาถึงกับรังเกียจพวกเราว่าจะไปเกะกะพวกเขา มาที่นี่ได้กี่วันเอง? ก็ปีกกล้าขาแข็งกันแล้วหรือ? ไปไหนกันเองได้แล้ว ?”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “นั่นสิ ตอนที่อยู่ในสระว่ายน้ำ ท่าทางของพวกเขาที่พยายามหลบเลี่ยงพวกเรานั่น มันช่างทำให้รู้สึกเสียใจจริง ๆ นะ”
สองคนสามีภรรยามองหน้ากัน ตัดสินใจแน่วแน่ว่าในอีกสามสี่วันที่เหลือ จะเกาะติดกับพวกเขาให้หนึบเป็นตังเมเลยทีเดียว
ในเวลานี้เอง ที่จู่ ๆ พวกเขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า ไม่ใช่ว่าเป็นไท่ซ่างหวงที่ไม่มีพวกเขาไม่ได้ แต่เป็นพวกเขาเองต่างหากที่ไม่มีไท่ซ่างหวงไม่ได้ ความรู้สึกได้พึ่งพิงที่พวกเขามีต่อไท่ซ่างหวง นอกเหนือไปจากวัตถุที่จับต้องได้ หรือสถานะทางสังคมอื่น ๆ ที่มากไปกว่านั้น ก็คือความรู้สึกที่ผูกพันที่มากจนไม่อาจแยกจากกันได้
ในชีวิตนี้ จำเป็นต้องมีพวกเขาอยู่ถึงจะสมบูรณ์
สุดท้ายทริปฮันนีมูนนี้ ซึ่งเดิมทีควรเป็นทริปสุดหวานที่โลกนี้มีเพียงสองเราอันหาได้ยาก แต่ กลับได้พบว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการได้เที่ยวแบบโลกนี้มีเพียงสองเรา ก็คือการได้อยู่กับทุกคนอย่างพร้อมหน้า
ด้วยเหตุนี้ ในอีกสามสี่วันต่อมา ให้ตายพวกเขาก็จะเกาะติดไปไหนไปด้วยกับพวกไท่ซ่างหวง ไม่ห่าง จึงเป็นคราวของพวกไท่ซ่างหวงที่เป็นฝ่ายหลบหนีพวกเขาทุกวิถีทางแทน เกมเจ้าตามข้าไล่นี้ จึงทำให้ทริปท่องเที่ยวทั้งเต็มไปด้วยความสุข ทั้งน่าประหลาดใจไปพร้อม ๆ กัน
วันก่อนสิ้นสุดการเดินทางหนึ่งวัน เซียวเหยากงก็เป็นหวัดจนได้ โสวฝู่และไท่ซ่างหวงต่างก็รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกแพร่เชื้อหวัดใส่ ได้แต่นอนซมอย่างไร้เรี่ยวแรง ถึงค่อยดูว่าง่ายเชื่อฟังขึ้นมาได้บ้าง
หยวนชิงหลิงสาธยายเหมือนหัวหน้าครอบครัวใหญ่ว่า “ข้าถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่า ดึกแล้วไม่ควรไปว่ายน้ำเล่นอีก รู้ความผิดแล้วหรือไม่? รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ควรอยู่ห่างจากพวกเรา ? ช่างดื้อรั้นนัก ดื้อรั้นจริง ๆ”
ทั้งสามไม่มีอะไรจะพูดโต้กลับไปได้เลย ทำได้เพียงกินยาอย่างเชื่อฟังเท่านั้น