บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1463 ไม่มีบริการหลังการขาย
เสียงเตือนภัยในใจท่านดังครึกโครม หากไม่มีเรื่องท่านพ่อตาฮ่องเต้ก็ไม่เรียกตัวเขา ขณะเข้าวังเขาก็รู้สึกทะแม่งๆ บัดนี้เมื่อเห็นรอยยิ้มปนเลศนัยบนใบหน้าพี่ชายภรรยา กอปรกับสีหน้าของอ๋องชินทั้งหลายกับใต้เท้าเหลิ่งในตำหนัก และผนวกกับก้อนหินก้อนนั้นแล้ว เขาก็พอรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรทันที
เขาทำความเคารพท่านพ่อตากับพี่ทั้งหลายตามมารยาทก่อน จากนั้นก็ถามไปตรงๆ “เสด็จพ่ออยากตรัสถามว่าเหมืองหยกในหมู่ตึกว่าเป็นของแท้หรือไม่ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อคำพูดนี้เปล่งออกมา คนในที่นั่นก็พากันยกหัวแม่มือให้เขา มิน่าเล่า ถึงทำการค้าได้ใหญ่โตเพียงนี้ ก็เพราะมีความกล้า มีความมั่นใจ รู้จักรับผลที่ตามมาหลังจากเปิดโปงนั่นเอง
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ย “มิผิด ข้าให้กู้ซือเอามาชิ้นหนึ่ง วางอยู่ข้างนอกนั่น มา เราออกไปดูกันเถอะ”
ท่านชายสี่ส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องดูพ่ะย่ะค่ะ นั่นเป็นแค่ก้อนหินธรรมดาเท่านั้น หินภูเขาในหมู่ตึก ที่มีค่าที่สุดก็เพียงหินอ่อน แต่ก็มีไม่มากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตั้งคอตรง รู้สึกหายใจลำบากทันที “หินธรรมดา? เจ้าแค่มองแวบเดียวก็มองออกแล้วหรือ?”
ท่านชายสี่เอ่ยอย่างมั่นใจ “มิใช่มองแวบเดียว แต่หม่อมฉันไปหมู่ตึกเหมยหลายครั้งแล้ว ทั้งหมู่ตึกเหมยแลภูเขาไม่มีอะไรมีค่าเลยพ่ะย่ะค่ะ หากมีก็ต้องถูกคนขุดคุ้ยจนหญ้าไม่งอกแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เหมืองหินหยกมีค่าขนาดนั้นจะมิถูกเปิดออก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพ่นลมออกทางจมูก “แต่ท่านลุงบอกเองว่าด้านล่างเป็นเหมือนหยก จะเท็จได้อย่างไร?”
นี่เกี่ยวพันถึงคุณลักษณะของคน ทันใดนั้นทุกคนก็ไม่รู้จะพูดต่ออย่างไรดี
อ๋องเว่ยเอ่ย “เสด็จพ่อ บางทีแม้แต่เสด็จปู่ใหญ่ก็ถูกหลอกล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
ท่านชายสี่หัวเราะ บางครั้งการหัวเราะก็แสดงออกถึงท่าทีที่ทำให้คนสิ้นหวังได้ สีหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนเหี่ยวเฉาไปทันที ราวกับความเชื่อในใจถูกทำลาย
ท่านลุงจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่มิใช่ชิงอาหารในชามขอทานหรือ? เขาขัดสนจะแย่อยู่แล้ว
เมื่อเห็นเสด็จพ่อเสียใจขนาดนี้ ทุกคนจึงพากันมองท่านชายสี่ ควรแสดงออกอะไรหน่อยไหม?
ท่านชายสี่จึงสะท้อนใจปลอบ “เสด็จพ่อมิต้องเสียพระทัยไปพ่ะย่ะค่ะ ท่านไม่ใช่คนแรกที่พลาดพลั้งให้แก่เขา และจะไม่ใช่คนสุดท้ายเด็ดขาด อีกอย่าง เงินทองเป็นของนอกกาย ใช้จ่ายเพื่อให้คนแก่อารมณ์ดีก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าฮ่องเต้หมิงหยวนอารมณ์ดีไม่ไหว ทำหน้าบึ้ง ความเชื่อถือระหว่างกันเล่า? เหตุใดพอเป็นเขาแล้วกลับไม่มี?
ด้วยความหงุดหงิด จึงไล่ทุกคนแล้วให้มู่หรูกงกงเตรียมเกี้ยว เขาจะไปถามท่านลุงด้วยตนเอง หากไม่มีเหมืองหยกจริง เขาก็จะขอคืนหมู่ตึก
ครั้นถึงจวนอ๋องซู่แล้วก็ถูกเชิญไปรอที่ห้องโถงใหญ่ ไม่นานบรรดาผู้เฒ่าก็มา หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนทำความเคารพไท่ซ่างหวง เพราะเงินล้านตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ จึงเอ่ยกับอ๋องชินเฟิงอันตรงๆ “ท่านลุง คืออย่างนี้ ข้าให้คนไปหมู่ตึกเหมยมา เอาหินกลับมาสองสามชิ้น แต่กลับพบว่าเป็นหินธรรมดา หนึ่งในนั้นเป็นหินอ่อน ไม่มีหยก นี่เป็นเพราะเหตุใดหรือ?”
อ๋องชินเฟิงอันประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่มี? จะไม่มีได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขา “ไม่มีจริงๆ ข้าให้คนไปดูแล้ว แล้วยังถามเหลิ่งซี่ เหลิ่งซี่บอกว่าหมู่ตึกเหมยไม่มีหยก ท่านลุง ท่าน…นี่ท่านคงไม่ได้หลอกข้ากระมัง?”
อ๋องชินเฟิงอันไม่พอใจ “จะหลอกเจ้าได้อย่างไร? ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ผู้ไม่รู้ อย่างมากก็พูดได้ว่าถูกปกปิด จะว่าหลอกได้อย่างไร?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่เอาหมู่ตึกแล้ว คืนให้ท่านแล้วกัน ดูสิว่าท่านสะดวกเมื่อไร คืนเงินล้านตำลึงให้ข้า”
อ๋องชินเฟิงอันเอ่ย “ได้ หากเจ้าไม่ต้องการ คืนกลับมาแล้วกัน สำหรับล้านตำลึง…เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปเอาให้เจ้า เหลวไหลจริงๆ ขายไปนานขนาดนี้แล้วยังจะเอาบริการหลังการขายอีก มีเพียงข้าเท่านั้นที่ทำเช่นนี้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโล่งอก ได้เงินกินยามแก่กลับมาเสียที แต่เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลง เขาจึงเอ่ย “เออ หากเป็นตั๋วเงิน ให้ดีก็เป็นของโรงแลกตั๋วเงินของทางการ”
อ๋องชินเฟิงอันลุกขึ้น “วางใจเถอะ”
สามใหญ่มองกันไปมองกันมา พี่เหว่ยมีเงินล้านตำลึง? ล้านตำลึงนั้นมิใช่แบ่งไปแล้วหรือ? องครักษ์หลายกอง คนมากมายเช่นนั้น คนหนึ่งได้พันตำลึงกระมัง เงินเข้ากระเป๋าแล้วใครจะยอมคืนให้
ผ่านไปพักหนึ่ง อ๋องชินเฟิงอันก็กลับมา ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฮ่องเต้หมิงหยวน “ล้านตำลึง เจ้าเอาหนังสือสัญญาของหมู่ตึกคืนให้ข้า”
ฮ่องเต้หมิงหยวนรีบรับมา แต่เมื่อคลี่ออกดูก็ตาโตอ้าปากค้างพลัน “หนังสือกู้ยืม?”
“ทำไม? เจ้ากลัวว่าข้าจะไม่คืนหรือ?” สายตาอ๋องชินเฟิงอันเจือความดุเย็นชา
ฮ่องเต้หมิงหยวนร้อนรน “ข้ามิได้หมายความเช่นนี้ แต่ท่านก็รู้ ข้าคิดจะลงจากตำแหน่ง เงินจำนวนนี้ยังเป็นเงินที่ดึงมาจากหลายที่ เดิมเงินในกรมวังก็ไม่พออยู่แล้ว แตะต้องไม่…”
“รู้ว่าไม่ใช่เงินของกรมวัง เป็นของเจ้าเอง เช่นนั้นก็พอแล้ว ข้าติดไว้ก่อน แล้วจะค่อยๆ คืนให้เจ้า” อ๋องชินเฟิงอันเอ่ย
ฮ่องเต้หมิงหยวนหายใจติดขัดเล็กๆ “เพียงแต่ นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนี่”
อ๋องชินเฟิงอันหัวเราะชืด “เช่นนั้นหรือ? เจ้าให้คนอื่นเขียนหนังสือกู้ยืมได้ แต่ไม่ให้ข้าเขียนหนังสือกู้ยืมให้เจ้า? ทั่วราชสำนักเจ้าลองไปสืบดู ขุนนางที่มีผลงาน มีเท่าไรที่เขียนหนังสือกู้ยืมให้เจ้า? เจ้ามอบไปมากมายขนาดนั้น ก็เก็บมาสักใบมิได้หรือ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสะอึก “นี่…”
เขามองไท่ซ่างหวงราวกับขอร้อง
ไท่ซ่างหวงมอบสีหน้าถึงรักแต่ก็ช่วยไม่ได้ ทุกเรื่องย่อมมีเหตุผล เป็นคนตระกูลหยู่เหวิน อยากใช้ชีวิตครึ่งหลังอย่างสุขสบายหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้ ครั้นฮ่องเต้บุ๋นมา ตระกูลหยู่เหวินก็ยากจนข้นแค้น ยิ่งตำแหน่งสูงก็ยิ่งจน เมื่อก่อนตอนเด็กเขาลำบากจนขยาด ดังนั้นจึงชิงเหมืองทองมาเป็นของตน มิเช่นนั้นเขาจะเอาเงินที่ไหนให้ธิดา?
เซียวเหยากงช่วยพูด “หมู่ตึกนั้นก็ไม่เลวพ่ะย่ะค่ะ ใหญ่โตเช่นนั้น ทั้งยังสร้างเสร็จแล้ว เหมาะสำหรับขัดเกลาจิตใจให้สงบเป็นที่สุด”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยขึ้นพลัน “ขายให้ท่าน!”
เซียวเหยากงกลั้นลมหายใจ บรรยากาศเงียบกริบโดยพลัน
ครู่หนึ่งแล้ว โสวฝู่ก็ออกหน้าพูด “อย่าคืนเลยพ่ะย่ะค่ะ หมู่ตึกนั้นดีมาก หยกอะไรนั่นล้วนเป็นเรื่องโกหก แต่รอบเมืองหลวง ทัศนียภาพไร้ขอบเขต เฝ้าประตูเมืองหลวง เสพสุขกับหมู่มวลบุพชาติ นั่นเงินเท่าไรก็ซื้อไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดนี้ของโสวฝู่ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังแล้วรู้สึกดีขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะคืนแล้ว คืนไปก็ไม่ได้ทั้งเงินทั้งหมู่ตึก
ครั้นมองตัวอักษรมังกรบินหงส์ร่ายรำบนหนังสือกู้ยืมแผ่นนั้นแล้วก็จุกอกเหลือเกิน จึงพูดสองสามประโยคด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยก่อนที่จะพามู่หรูกงกงจากไป
เมื่อเขาไปแล้วไท่ซ่างหวงก็ต่อว่าอ๋องชินเฟิงอัน “เขาไม่มีเงินทอง ลงจากตำแหน่งแล้วก็แตะเงินของกรมวังไม่ได้ น่าสงสาร”
อ๋องชินเฟิงอันมองเขา “เจ้าเชื่อว่าเขาไม่มีเงิน? เชื่อก็โง่แล้ว ก่อนที่ข้าจะวางแผนกับเขาก็ตรวจสอบแล้วถึงได้ลงมือ”
ไท่ซ่างหวงเอ่ย “อย่างอื่นข้าไม่กล้าพูด แต่หลายปีที่เขาดำรงตำแหน่ง ก็ไม่ได้จัดการทรัพย์สินส่วนตัวอะไรจริงๆ”
อ๋องชินเฟิงอันเลิกชุดนั่งลง “เช่นนั้นหรือ? เจ้าให้เจ้าหกตรวจสอบบัญชีกรมวัง รายรับรายจ่ายและการตกรางวัลของกรมคลัง แค่ตรวจสอบดูเจ้าก็รู้แล้วว่าเขามีเงินมากเพียงใด”
“เงินของกรมวัง ตามหลักแล้วเขาก็ใช้จ่ายในเรื่องที่ควรใช้จ่าย แต่ละปีกรมวังก็มีเงินเพียงเล็กน้อย วังหลังใหญ่ขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายก็มากโขอยู่”
“วังหลังประหยัดเพียงไร เจ้าก็รู้ดี พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าให้เจ้าหกไปตรวจสอบเถอะ” อ๋องชินเฟิงอันเอ่ย
ไท่ซ่างหวงไม่เชื่อ แม้เขาไม่เคยตรวจบัญชี แต่ก็รู้ว่าบุตรชายตนเป็นคนมัธยัสถ์ ขนาดกินยังไม่กล้ากิน
แต่เพื่ออุดปากอ๋องชินเฟิงอัน เขาจึงมีบัญชา ให้อ๋องหวยตรวจสอบบัญชีกรมวังหลายปีนี้ ตรวจสอบอย่างลับๆ