บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1471 เตรียมตัวต้อนรับ
หยู่เหวินเห้าบอกเล่าเรื่องนี้กับพี่น้อง ทุกคนต่างบอกว่าในเมื่อให้ไปแล้ว เสด็จพ่อจะประทานให้ใครก็สุดแล้วแต่ พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รับคืน
ทางอ๋องอานก็กล่าวเช่นนี้เหมือนกัน เหมือนอย่างที่ฮ่องเต้หมิงหยวนบอก สีหน้าอ๋องอานผ่อนคลายลงมาก ความพะวักพะวนเมื่อก่อนหน้านี้แทบสิ้นไปหมด
จากนั้นหยู่เหวินเห้าก็หารือเรื่องที่จะไปรับเหล่าแม่ยายอย่างไร ที่จริงส่งจดหมายไปทางทะเลสาบจิ้งก็ได้ แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่าไปด้วยตัวเองจะดีกว่า
เรื่องนี้หยู่เหวินเห้ามิได้มอบหมายให้ผู้อื่น หลักๆ เป็นเพราะไว้ใจสวีอีไม่ได้ เกรงจะเกิดปัญหา ดังนั้นเขาจึงให้ทังหยางพาซาลาเปาไป ให้ซาลาเปาเดินทางจากทะเลสาบจิ้ง ถึงตอนนั้นก็ให้พวกเขามากับซาลาเปา
ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนขึ้นครองราชย์ แต่หากพวกเขาลางานได้ก็มาล่วงหน้าสักหน่อย แต่หากไม่ได้ก็ให้ซาลาเปาอยู่ทางนั้นอีกสองสามวัน
หยู่เหวินเห้าตื่นเต้นมาก ขี้หลงขี้ลืม ให้คนจัดเก็บจวนครั้งแล้วครั้งเล่า เครื่องเรือนทุกชิ้นกับผ้าห่มก็เปลี่ยนใหม่หมด จากนั้นเสื้อผ้าก็ต้องสั่งทำ ดีที่หยวนชิงหลิงพอรู้ขนาดตัวของเขา จึงให้คนทำล่วงหน้าแล้ว
หยวนชิงหลิงไปจวนอ๋องซู่ด้วยตัวเอง บอกกล่าวกับพวกไท่ซ่างหวงว่ามิตรสหายทางนั้นจะมา
ไท่ซ่างหวงดีใจมาก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะมาร่วมงานมงคล แต่เวลานี้เมื่อจะมาจริงๆ แล้วก็ยังอดเฝ้ารอคอยไม่ได้
เขาเอ่ยกับเซียวเหยากงและโสวฝู่ว่า “ครั้งนี้ เราต้องพยายามเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้พวกเขาได้กินดีเที่ยวสนุก ให้พวกเขาได้เห็นผู้คนวัฒนธรรมของแปลกใหม่ของเป่ยถังเรา”
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะพลางเอ่ย “เรื่องเล็กน้อยมิต้องทรงลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันจะจัดการเอง”
ไท่ซ่างหวงส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าทำ เรื่องนี้แค่เราสามคนก็พอ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่รู้ว่าการที่มาสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย จะหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูกอย่างไร และตอนนั้นพวกเจ้าก็ต้องยุ่ง เรื่องรับรองก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเถอะ จะได้ไม่ขายหน้า”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็กล้ารับประกัน ว่าพวกเขาจะไม่รื้อรถงัดประตูเพคะ”
ครั้นสามใหญ่ได้ยินดังนั้นแล้วก็ชะงักงัน มองหยวนชิงหลิงเป็นตาเดียว ใบหน้าเฒ่าชราแดงก่ำ พวกเขารู้ได้อย่างไร?!
เซียวเหยากงอับอายจนเกิดเป็นโทสะ “พระชายารัชทายาทอย่าได้ตรัสเพ้อเจ้อ รื้อรถงัดประตูอะไร? มิได้เห็นเองสักหน่อย อย่ามาใส่ความพวกกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงถึงนึกขึ้นได้ว่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้มาตลอด เลิ่กๆ ลั่กๆ “เออ…ข้าแค่สมมุติเท่านั้น”
เซียวเหยากงไม่พอใจเอ่ย “เช่นนั้นก็สมมุติไปเรื่องไม่ได้ เพราะตอนที่อยู่ที่นั่น จู่ๆ รถกับประตูถูกรื้อออกจริงๆ หรือว่าพวกท่านแอบสงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกกระหม่อม?”
อีกสองคนที่เหลือจ้องนาง ใบหน้าเฒ่าชราแดงก่ำ
หยวนชิงหลิงต้องการรักษาหน้าตาพวกเขา จึงได้แต่ทำเป็นสงบ “หาเคยคิดเช่นนั้นไม่ อย่างไรการรื้อประตูงัดรถก็เป็นงานที่ต้องใช้เทคนิค ตอนนั้นพวกท่านก็ไม่รู้ศาสตร์นั้น แล้วจะทำได้อย่างไร?”
“มิใช่พวกกระหม่อมทำ!” เซียวเหยากงเน้นหนักอีก
โสวฝู่ตวาดใส่เซียวเหยากงด้วยหน้าแดง “พอที มิรู้จักขายหน้าหรือ?”
โสวฝู่มองออกว่าพระชายารัชทายาทรู้อยู่เต็มอก หากยังพูดต่อไปก็มีแต่น่าขัน แต่ก็ช่างน่าอายจริงๆ
ไท่ซ่างหวงรู้อยู่แก่ใจ แต่เขาก็ยังเอ่ยแบบหน้าหนาไร้ยางอาย “พวกเขาจะคิดว่าเราทำได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ใช้ส้นเท้าก็รู้แล้ว”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่อง ถามหยวนชิงหลิง “จูตี้รู้เรื่องที่พวกเขาจะมาหรือไม่? กลับไปก็บอกให้นางวางเรื่องโรงหมอหุ้ยหมิงก่อน จัดการเวลาหน่อย ถึงตอนนั้นก็ไปท่องเที่ยวด้วยกัน เป่ยถังทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ การดำรงชีพพรั่งพร้อม อากาศบริสุทธิ์ เขางามน้ำใส สถานที่ที่คู่ควรแก่การไปก็มีมาก”
หยวนชิงหลิงยิ้มบาน “เพคะ หม่อมฉันจะบอกนางเพคะ”
ไท่ซ่างหวงกำชับอีก “ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี!”
หยวนชิงหลิงไม่ได้ต่อคำ รู้สึกว่าหัวข้อสนทนานี้เก้อเขินอยู่บ้าง เงยหน้ามองด้านนอก เอ่ยถาม “อ๋องชินเฟิงอันและพระชายาล่ะเพคะ? เหตุใดจึงไม่เห็นพวกเขา?”
โสวฝู่เอ่ย “พาอ๋องผิงหนานออกไปเที่ยว เวลานี้พวกเขายุ่งจะแย่”
“เช่นนั้นก็ดีเพคะ” หยวนชิงหลิงเลื่อมใสความตั้งมั่นของพวกเขาทั้งสองมาก และรู้สึกว่าพวกเขาใช้ชีวิตได้ตามแต่ใจต้องการได้
“ย่อมดีอยู่แล้ว กินดื่มเที่ยวเล่น ล้วนเป็นอ๋องผิงหนานจ่ายหมด” โสวฝู่หัวเราะพลางเอ่ย
ครั้นโสวฝู่เอ่ยปากมา คนที่รู้ก็จะนึกหัวเราะในใจ
ปัง!
ตกกลางคืนอ๋องฉีก็มาจวนอ๋องฉู่หาอ๋องเว่ย เข้าประตูมาก็เอะอะ “พี่สาม สุรามื้อนี้อย่างไรท่านก็ต้องเลี้ยงข้านะ”
อ๋องเว่ยชะโงกศีรษะออกมาจากระเบียงทางเดิน ใบหน้ายิ้มแย้ม “เรียบร้อยแล้วหรือ? นางว่าอย่างไร?”
“นางมิได้พูดอะไร แต่ก็ให้ความร่วมมือทำตามขั้นตอนดีมาก เวลานี้นางเป็นหญิงร่ำรวยในเมืองหลวงแล้ว” อ๋องฉีหัวเราะครึกครื้นเอ่ย
อ๋องเว่ยเบาใจลงหน่อย เอ่ยพึมพำ “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี!”
มีแวบหนึ่งที่น้ำตาคลอ นางยอมรับไว้ก็ดี อย่างนั้นเขาก็จะได้สบายใจขึ้นอีกหน่อย
“พี่ห้า” อ๋องฉีหันกลับมามองหยู่เหวินเห้า เรียกเสียงหนึ่งด้วยความดีใจ “พี่สามบอกแล้วว่าจะเลี้ยงเหล้าพวกเรา ไปดื่มที่ไหนดี?”
หยู่เหวินเห้าชายตาขึ้น “ไม่ไป!”
“ไม่ไป?” อ๋องฉีใช้ศอกสะกิดเขา “ยากนักที่พี่สามจะเลี้ยง ท่านไม่ไว้หน้าจะเกินไปหน่อยกระมัง”
หยู่เหวินเห้ามองเขาอย่างจะยิ้มก็ไม่เชิง “วันนั้นเจ้าไม่ได้ยินเขาพูดหรือ? ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ห้าสิบตำลึง ยังไม่แน่ว่าใครจะจ่าย”
อ๋องเว่ยไม่สบอารมณ์ “ดูท่าทางขี้งกเจ้าสิ ได้มาหลายแสนตำลึงเปล่าๆ ขนาดจะเลี้ยงเหล้าเราก็ยังมิยอม?”
หยู่เหวินเห้าแสดงคุณลักษณะขี้งกออกมาอย่างเต็มที่ “นั่นเป็นเงินที่เสด็จพ่อให้ข้าใช้จัดงานแต่งงานหลังจากจบพิธีแต่งตั้งแล้ว ข้าจะใช้ไม่ได้”
“เจ้าก็เหนียวไปเถอะ ไว้เจ้าจัดงานใหญ่จริง ดูสิว่าใครจะให้ของขวัญเจ้า!” อ๋องเว่ยฮึดฮัดเอ่ย
อ๋องฉีใจกว้าง “มิต้องเถียงกัน ข้าเลี้ยงเอง เรียกพวกพี่รองมา แล้วเรียกใต้เท้าเหลิ่ง เหล่าหงกับกู้ซือมาด้วย เราไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้ว”
หยวนชิงหลิงที่อยู่ด้านในได้ยินดังนั้นแล้วก็ตะลึง ไม่ได้ดื่มด้วยกันนาน? เช่นนั้นที่พวกเขาดื่มด้วยกันเมื่อก่อนหน้านี้เป็นน้ำบ่อหรืออย่างไร?
อดหัวเราะเป็นไม่ได้ ฉวยช่วงที่พวกผู้ชายไปดื่มเหล้า หยวนชิงหลิงก็เรียกบรรดาสะใภ้มาที่จวน ตั้งแต่ฮูหยินเหยาแต่งงานแล้ว พวกนางก็ไม่ได้พบปะกัน รับเงินเหล่านั้นแล้ว อย่างไรก็ต้องขอบคุณทุกคนสักหน่อย
ดังนั้นจึงจัดงานเลี้ยงในจวน เชิญเหล่าสะใภ้มาพบปะกัน
หยวนหย่งอี้ไม่ได้มา บอกว่าฮองเฮาไม่สบายอีกแล้ว นางจึงพาลูกสาวเข้าวังไปปรนนิบัติ
ระยะนี้โรคของฮองเฮามักกำเริบอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เห็นพระชายาซุนบอกว่าหนักหนาอยู่บ้าง
ฮูหยินเหยาถามหยวนชิงหลิง “ไม่ได้ให้เจ้าไปตรวจดูหน่อยหรือ?”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ไม่มีใครเคยบอกข้า”
พระชายาซุนกดเสียงต่ำเอ่ย “วันนั้นข้าเข้าวังไปเยี่ยมท่านแม่ เห็นท่านแม่บอกว่าพระนางเป็นห่วงว่าหากเสด็จพ่อลงจากตำแหน่งแล้ว น้องห้าจะปลดพระนาง ไม่แต่งตั้งฐานันดรให้ นี่ถึงได้ร้อนใจจนประชวร”
ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ การแต่งตั้งฮองไทเฮาก็ต้องให้ฮ่องเต้องค์ใหม่มีราชโองการ
หรือก็คือ ความกลัดกลุ้มนี้เหมือนกับความคิดเดิมของอ๋องอาน สมัยก่อนเคยทำร้ายเจ้าห้า เวลานี้เจ้าห้าจะได้เป็นผู้ครองแคว้นจริงๆ แล้ว ดังนั้นจึงตัวสั่นกันขึ้นมา ก่อนหน้านี้อ๋องอานคิดมากจนล้มป่วยไปหนหนึ่ง เวลานี้ฮองเฮาก็ล้มป่วยเช่นกัน
ฮองเฮากังวลจริงๆ เพราะบัดนี้โสวฝู่ก็ลงจากตำแหน่งแล้ว ในราชสำนักตระกูลฉู่แทบไม่มีอิทธิพลใดๆ ลูกชายตัวเองคนหนึ่งเด๋อด๋า อีกคนก็โง่เขลา คาดหวังได้ยาก
หยวนชิงหลิงฟังแล้วหัวเราะ “พระนางกังวลมากไปแล้ว!”