บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1474 ตกแต่งหมู่ตึกเหมย
หยวนชิงหลิงกับจิ่นหนิงจวิ้นจู่ดูแลกลุ่มเด็กๆ สนทนากันอยู่ด้านนอก พอต้าโถวรู้ว่ามีน้องสาวเพิ่มมาอีกคนก็ดีใจมาก เอาแต่แย่งเด็กๆ ล้อมดูน้องสาว
จิ่นหนิงจวิ้นจู่เห็นเด็กๆ เข้ากันได้ดีเช่นนี้ก็รู้สึกปลื้มใจมาก เอ่ยกับหยวนชิงหลิง “ตลอดทางที่มา พอต้าโถวรู้ว่ามีน้องสาวแล้วก็ดีใจมากเลย”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “พวกท่านก็มีเขาคนเดียว เงียบเหงาจริงๆ มาครั้งนี้ก็พักหลายๆ วันเถอะ เขาจะได้สนุกด้วย”
จวิ้นจู่เอ่ย “เขาไม่เงียบเหงาสักนิด มีเพื่อนเล่นเป็นกอง แค่ว่านี่เป็นน้องสาวของเขา เขาก็ต้องหวงแหนอยู่แล้ว”
หยวนชิงหลิงมองต้าโถว หัวทุยตากลม น่ารักจริงๆ แล้วยังมีท่าทางความเป็นพี่ใหญ่อีก “เสี่ยวกวามีพี่ชายรักมากมายเช่นนี้ ช่างมีความสุขจริง”
จิ่นหนิงจวิ้นจู่หัวเราะพลางเอ่ย “นอกจากพี่ชาย นางยังมีข้าเป็นแม่บุญธรรมอีกแน่ะ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ อย่างไรเสี่ยวกวาก็เป็นลูกสาวของข้ากับจิ้งถิงเหมือนกัน”
ว่าแล้วก็เดินไปอุ้มกวากวา หอมหน้าผากนางเบาๆ เมื่อครู่ตอนที่เข้ามา นางก็อุ้มแล้ว กวากวายิ้มใส่นางทันที ทำจนจิตใจนางเปี่ยมไปด้วยความสุข ดังนั้นจึงเกิดความรักใคร่เอ็นดู
หยวนชิงหลิงหัวเราะพลางเอ่ย “ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ตอนนั้นท่านอุ้มท้องต้าโถว ข้าอุ้มท้องเด็กๆ เคยพูดว่าหากคนหนึ่งคลอดลูกสาว อีกคนคลอดลูกชาย เช่นนั้นก็ให้เกี่ยวดองเป็นผัวเมียกัน หากเป็นลูกสาวหรือลูกชายทั้งสอง ก็เป็นพี่น้องกัน ต้าโถวกับเด็กๆ เป็นพี่น้องกัน เช่นนั้นกวากวาก็คือน้องสาวของเขา เรียกท่านว่าแม่บุญธรรมก็ถูกต้องตามหลักแล้ว”
จิ่นหนิงจวิ้นจู่อุ้มกวากวานั่งลง พอนิ้วจิ้มแก้มของกวากวาเบาๆ กวากวาก็โบกไม้โบกมือหัวเราะ เผยเหงือกแดงชมพูดออกนาง นางชอบเสียไม่มี เอ่ยเนืองๆ “ครั้งนี้แม้บอกว่ามาเพื่อการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่ข้ามาเพื่อลูกบุญธรรม มาไม่เสียเที่ยว ไม่เสียเที่ยวจริงๆ!”
นางเงยหน้ามองหยวนชิงหลิง ดวงตามีรอยยิ้มอ่อนโยน “ข้ามีของขวัญบางอย่างจะมอบให้นาง แต่ยังอยู่ระหว่างทาง เราสองผัวเมียขี่ม้ามาก่อน ท่านต้องรับไว้นะ อย่าได้เกรงใจพวกเราเป็นอันขาด”
หยวนชิงหลิงมองจวิ้นจู่ รีบเอ่ย “เช่นนั้นได้อย่างไร? ที่พวกท่านมาได้ เราก็รู้สึกเป็นบุญคุณมากแล้ว ยังจะรับของขวัญของท่านได้อีกหรือ?”
“ครอบครัวเดียวกัน ไม่พูดเป็นอื่น ให้กวากวา ท่านก็รับไวก็พอ หากไม่รับก็แสดงว่าเห็นเราสองผัวเมียเป็นคนนอก” จิ่นหนิงจวิ้นจู่ตรงไปตรงมา จุดนี้เหมือนหรงเยว่มาก ของขวัญที่มอบให้จะไม่ยอมรับกลับ
หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยความประทับใจ “ท่านว่าขนาดนี้แล้ว ข้ายังจะไม่รับหรือ? ได้ ข้าขอขอบคุณแทนนางด้วย”
“ต่อไปให้นางมาขอบคุณเอง ข้าจะรอ” จวิ้นจู่เคลื่อนสายตากลับไปที่ใบหน้าของเสี่ยวกวาจื่อ มองดวงตาเป็นประกาย แก้มราวกับแอปเปิล ช่างให้คนเอ็นดูจนวางไม่ลงจริงๆ
จวิ้นจู่เห็นว่าซาลาเปาไม่อยู่ จึงถาม “พระนัดดาองค์โตไปไหนแล้ว?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “เขาไปอยู่เป็นเพื่อนคนแก่ อีกสองสามวันก็กลับมาแล้ว”
“กตัญญูจริงๆ!” จวิ้นจู่ชมเชย
ช่วงอาหารเย็น ผู้ชายสองคนไม่ได้ร่วม หยู่เหวินเห้าพาจิ้งถิงไปหาท่านชายสี่ทางนั้น วันที่รวบรวมเงิน ท่านชายสี่หลบลี้หนีหาย หยู่เหวินเห้ายังจำอยู่ วันนี้เมื่อมีแขกพิเศษมา ไยจะไม่ไปกินเขาสักมื้อเล่า?
แต่หลักๆ แล้วก็เพราะอ๋องชินทั้งหลายกำลังยุ่งอยู่ ไม่มีใครอยากสนใจเขา จึงได้แต่มาหาท่านชายสี่ที่ว่างงานยิ่งกว่าเขา
แขกพิเศษแห่งต้าโจว ท่านชายสี่ย่อมต้อนรับขับสู้อยู่แล้ว พอหยู่เหวินเห้าสบโอกาสก็เหน็บแนมเขา เอ่ยถึงเรื่องไม่มาวันที่รวบรวมเงิน
แรกเริ่มท่านชายสี่ไม่สนใจ ต่อมาเมื่อหยู่เหวินเห้าพูดอยู่เรื่อย เขาจึงย้อนถาม “แล้วทรงออกเงินเท่าไรหรือ?”
ประโยคเดียวทำเอาหยู่เหวินเห้าชะงักงันอึ้งไปพักหนึ่ง
จากนั้นท่านชายสี่ก็ถามอีก “ไม่ออกเงินแล้ว ยังทรงได้เปล่ามาอีกเท่าไร?”
ครั้นท่านชายสี่ถามจบ ก็รอให้เผยสีหน้าอับอายออกมา
แต่ท่านชายสี่ประเมินความหน้าหนาไร้ยางอายของหยู่เหวินเห้าต่ำเกินไป เห็นเพียงเขายิงฟัน ยื่นมือมาเกาะบ่าท่านชายสี่ รอยยิ้มน่าเข้าหา “ครอบครัวเดียวกัน พูดเรื่องพวกนี้ทำไม? มา ดื่มเถอะ อย่าได้ละเลยจิ้งถิง”
ถ้าเทียบกับบ้านตระกูลเหลิ่ง จวนอ๋องฉู่ก็ครึกครื้นกว่ามาก หยวนชิงหลิงเชิญชายาทั้งหลายและหยวนชิงผิงมาร่วมด้วยที่จวน แถมแต่ละคนยังพาลูกมาด้วย เด็กๆ หยอกล้อเล่นกัน สนุกสนานรื่นเริง
พี่หญิงเป่าเอาแต่บอกว่าจะหาพี่ซาลาเปา พี่หญิงซิ่วก็เช่นกัน เมื่อก่อนหยวนชิงหลิงไม่ยักรู้ว่าซาลาเปาเป็นที่ชื่นชอบของน้องๆ เพียงนี้ รู้เพียงเขาชอบด่า ชอบบังคับผู้อื่น ทุกคนไม่ชอบเล่นกับเขา
ดีที่หาพี่ซาลาเปาไม่เจอก็ยังมีพี่คนอื่นอยู่เป็นเพื่อน หลังจากกินอาหารเสร็จ ก็วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในลาน หมาป่าหิมะกับเสือน้อยก็เล่นสนุกด้วย ทั้งจวนอ๋องแทบจะพลุ่งพล่าน
คืนนี้หรงเยว่ก็พาลูกมาด้วยเหมือนกัน หนึ่งชาย หนึ่งหญิง หน้าตาดีน่ารัก
เช่นนี้ผ่านไปอีกสองวัน ในวังก็มีคนมาสอนพิธีการและกฎในวังเป็นการเฉพาะ
เดิมทีต้องเริ่มเรียนนานแล้ว แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดว่าต่อไปวังหลังก็ไม่มีเรื่องหยุมหยิมมาก จัดการนิดหน่อยก็จบ ดังนั้นจึงแค่ทำตามคำสอนของบรรพชนเป็นพิธีก็พอ
ทั้งเมืองหลวง ทั้งเป่ยถัง ทุกสายตาล้วนจ้องมองเมืองหลวง รอการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน
ความปรีชาและมีเมตตาขององค์รัชทายาทเป็นที่รู้กันทั่ว อีกทั้งผู้ใต้บัญชาที่เขานำอยู่ก็มีกำลังมาก ชาวบ้านจึงมีผู้มีชื่อเสียงมากมายเริ่มทำนายเป่ยถังในอนาคต ว่าจะสามารถทัดเทียมกับแคว้นต้าเยว่และแคว้นต้าโจว
ฮ่องเต้หมิงหยวนประกาศกับภายนอกว่าอาการป่วยหนักกว่าเดิมนิดหน่อย ให้ขุนนางเก่าเข้าพบเป็นบางครั้ง แต่ปกติพูดไม่กี่คำก็บอกว่าเหนื่อย ให้คนกลับ จึงทำให้ดูป่วยหนักจริงๆ
มีขุนนางเก่าบางคนแอบสืบกับหมอหลวง ถามว่าฮ่องเต้จะอันตรายถึงสวรรคตหรือไม่ หมอหลวงจึงบอกตามความจริง ว่าแม้ไม่มีแต่ฮ่องเต้ก็ไร้กำลังจัดการเรื่องในราชสำนักแล้ว ต้องรักษาหลายปี
ขณะเดียวกัน ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ให้คนตกแต่งหมู่ตึกเหมยใหม่ ทุ่มเงินสามแสนตำลึง
ฮู่เฟยต้องตามเขาไปด้วย ดังนั้นฮู่เฟยจึงเลือกคนที่จะพาไปด้วยแล้ว ความต้องการของฮ่องเต้หมิงหยวนคือ จะไม่ให้มู่หรูกงกงตามไปด้วย เขาคุ้นเคยกับทุกอย่างในวัง และเขาก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าขันที สามารถทำให้ฮ่องเต้องค์ใหม่คุ้นเคยกับวังหลวงได้เร็ว และสามารถสยบคนในวัง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายได้
อีกทั้งคนที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาที่มีความสามารถมาก ก็ไม่พาไปด้วยทั้งนั้น พาไปแต่คนที่ปรนนิบัติได้ดี สำหรับองครักษ์ก็ให้กู้ซือเลือกคนที่วรยุทธ์ดีหน่อยไม่กี่คนเท่านั้น
เมื่อจัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เขาก็ให้ฮองเฮาและนางสนมทั้งหลายมา ถามพวกนางว่าใครสมัครใจไปหมู่ตึกเหมยพร้อมเขา
ที่จริงเขาสามารถออกราชโองการได้ แต่เขาคิดว่าไม่จำเป็น อย่างไรหมู่ตึกเหมยก็มิใช่วังหลวง กระทั่งเทียบกับจวนของลูกๆ เขาไม่ได้ด้วย หลังจากลงจากตำแหน่งแล้ว ที่มีลูก ก็ไปเสพสุขที่จวนของลูกได้ นั่นมิดีกว่าหรือ?
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนบอกพวกนางว่าสามารถเลือกไปจวนอ๋องชินได้ พวกนางก็เปลี่ยนความคิด บอกว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสักหน่อย แล้วค่อยไปรับใช้ฮ่องเต้ที่หมู่ตึกเหมย
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่บังคับ เอ่ย “ได้ พวกเจ้าตัดสินใจเองเถอะ ข้าไม่บังคับ”
เมื่อลงจากตำแหน่ง ก็จะไม่มีรัศมีของจักรพรรดิคุ้มกาย เมื่อถึงหมู่ตึกเหมย แม้แต่ฐานะสูงส่งก็ต้องทิ้ง ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าใครก็ยินยอม กอปรกับตั้งแต่ฮู่เฟยเข้าวัง ฮ่องเต้ก็ห่างเหินกับพวกนาง ตามไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด?
จากนั้นก็ให้พวกนางออกไป ทว่าฮองเฮากลับยังอยู่ในตำหนัก และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยความกังวลของตัวเอง
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นฮองเฮาตำหนักหลัก เมื่อรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ตำแหน่งหม่อมฉันกับหวงกุ้ยเฟย…ทรงคิดเห็นอย่างไรเพคะ? อย่างไรรัชทายาทยังมีเสียนเฟยที่เป็นมารดาแท้ๆ อีก แม้บอกว่าเสียนเฟยสิ้นไปแล้ว แต่ก็คงแต่งตั้งให้เป็นเซิ่งหมู่ฮองไทเฮากระมัง เช่นนั้นตำแหน่งหมู่โฮ่วฮองไทเฮาควรเป็นหม่อมฉันหรือว่าหวงกุ้ยเฟยเพคะ? รัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้วจะให้แต่งตั้งฮองไทเฮาสามคนไม่ได้กระมังเพคะ?”