บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1479 พ่อแม่สองคู่
แต่หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณย่าก็แอบเอาบุหรี่ซองหนึ่งให้หยวนชิงหลิง เอ่ย “เอาไปให้เขาเถอะ จะได้ไม่ต้องตีหน้าเศร้าอย่างกับเด็กตลอดเวลา”
หยวนชิงหลิงอึ้งเล็กน้อย “ท่านไม่ให้เขาสูบไม่ใช่หรือ?”
“ไม่สูบของพวกนี้ก็ยังมีกระเป๋ายาสูบ หลายสิบปีแล้ว ติดขนาดนี้จะเลิกได้จริงหรือ? ลดได้ก็ดีแล้ว” ย่าหยวนพูดออกมาแบบนี้ แสดงว่าผ่านความพยายามมาและได้ผลลัพธ์อย่างนี้ แอบสูบ ซ่อนไว้สูบ แล้วยังสูบจัดอีกด้วย
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “เดิมยังอยากให้เขาเลิกเสีย แต่หยุดมาพักหนึ่งก็สูบอีก จนปัญญากับเขาจริงๆ”
ย่าหยวนถอนหายใจ “ช่างเถอะ ปล่อยเขา แต่ต้องบอกเขานะ ว่าซองหนึ่งสิบวัน วันหนึ่งสูบได้สองมวนเท่านั้น ห้ามมากกว่านี้ อย่าให้เขารู้ว่าเป็นการอนุญาตของข้าด้วย คนคนนี้ได้คืบเอาศอก อีกหน่อยจะไม่รู้จักกลัว”
“ได้!” หยวนชิงหลิงถือบุหรี่ รับคำ แอบดีใจแทนไท่ซ่างหวง โดยเฉพาะพอนึกถึงว่าเขาไม่ได้บุหรี่แล้วพยายามตีหน้าเศร้าแล้ว ก็ทั้งรู้สึกจุกอกและน่าขัน
หลังจากสามใหญ่พูดสัพเพเหระไปพักหนึ่งและกำลังจะกลับ หยวนชิงหลิงก็ไปส่งพวกเขา แอบยัดบุหรี่ใส่แขนเสื้อของไท่ซ่างหวง “อย่าให้ท่านย่าเห็นนะเพคะ ประเดี๋ยวนางจะจับตามองหนัก ทีนี้ทรงอยากสูบก็สูบไม่ได้แล้ว อีกอย่าง แม้แต่หม่อมฉันก็จะถูกนางโมโหใส่ด้วยเพคะ”
ครั้นไท่ซ่างหวงใช้นิ้วคลำก็รู้ว่าเป็นอะไร ยิ้มแฉ่งทันที รีบเก็บซ่อนไว้ “วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนเด็ดขาด”
“นี่เป็นส่วนของสิบวันนะเพคะ ประหยัดหน่อย สิบวันแล้วหม่อมฉันค่อยให้พระองค์อีกซอง” หยวนชิงหลิงเอ่ย
“ได้ ได้ ได้!” ไท่ซ่างหวงดีใจเป็นอย่างยิ่ง มองหยวนชิงหลิงอย่างปลื้มปริ่ม ไม่เสียแรงที่เขาดีต่อนางจริงๆ พูดราวกับให้คำมั่น “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้จูตี้จับได้เด็ดขาด ขี้บุหรี่ข้าฝังในสวน นางจับไม่ได้แน่”
หยวนชิงหลิงหลุดหัวเราะ “ดูพระองค์สิเพคะ ทรงกลัวนางเช่นนี้เชียวหรือ?”
ไท่ซ่างหวงเลิ่กลั่ก “ย่าเจ้าคุมเข้ม อีกอย่าง พอนางทำหน้าขมึงขึ้นมาน่ากลัวจะตาย เหมือนกับเมื่อก่อนที่พี่สะใภ้คุมข้า พอไม่ทำตาม นางก็จะบิดหู”
หยวนชิงหลิงตกตะลึงหนัก คุณย่าบิดหูด้วย? นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
นิสัยของคุณย่าอ่อนโยนมาก โดยเฉพาะตอนนี้อายุมากแล้ว เมตตาและอ่อนโยนมากกว่าเดิม มีความอดทนกับผู้ป่วยแบบหาเปรียบไม่ติด อย่าว่าแต่ไท่ซ่างหวงเลย ถึงจะเป็นคนที่เด็กกว่าก็ไม่เคยลงมือ แล้วจะบิดหูไท่ซ่างหวงได้อย่างไร?
นางมองไปทางโสวฝู่กับเซียวเหยากง สีหน้าของทั้งสองไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย อึกๆ อักๆ
รถม้ามาแล้ว เซียวเหยากงอดไม่ไหว ดวงตาสะท้อนใจบางส่วน เดินขึ้นหน้าเอ่ย “พระชายารัชทายาท ท่านย่าของพระองค์…เป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง อารมณ์ดี นิสัยดี หน้าตาดี ดีกับพวกเรามาก ต้องกตัญญูต่อนางมากๆ นะพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมทูลลา มิต้องส่งพ่ะย่ะค่ะ!”
เขายิ้มถอยไปก้าวหนึ่ง โบกมือแล้วตะโกนไปทางปากประตู “จูตี้ พวกเราไปล่ะ ลาก่อน ลาก่อน ไม่ต้องส่ง!”
ย่าหยวนทำหน้าขรึม ยืนอยู่หน้ากำแพงมองพวกเขา
ทั้งสามรีบขึ้นรถม้าแบบมือไม้พัลวัน
หยวนชิงหลิงแอบฉงนใจ นางพลาดอะไรไปหรือ? เหตุใดพวกเขาถึงกลัวคุณย่าขนาดนี้?
หลังจากมองรถม้าจากไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็กลับมาคล้องแขนคุณย่า หัวเราะเอ่ย “ดูพวกไท่ซ่างหวงเหมือนจะกลัวท่านมากเลยนะ”
พอพูดถึงพวกเขาทั้งสาม ย่าหยวนก็ปวดหัวตุบ เอ่ย “ข้าดุหรือ? แต่ก็ไม่มีทางอื่น นิสัยแย่ๆ ของพวกเขามีมากเกินไป แล้วยังเป็นข้าที่ไปตรวจชีพจรให้พวกเขาอีก การทำงาน การพักผ่อน การใช้ชีวิต การกินของพวกเขา อะไรก็ไม่เป็นระเบียบ เอะอะก็ย่างเนื้อ เอะอะก็ดื่มเหล้า ไม่ก็สูบบุหรี่ ก็นอนที่ระเบียง วัยรุ่นทำอย่างนั้นได้ แต่อายุปูนนี้แล้ว ยังไม่รู้จักถนอมตัวเองอีก เจ้าว่าน่าโมโหไหม?”
“เออ…”
“ครั้งหนึ่งที่โมโหมากที่สุดอะไรรู้ไหม? ข้าไปจับชีพจรแต่เช้า งานในที่ทำการปกครองมีตั้งเยอะ ข้าอยากจะทำเวลาสักหน่อย ทำงานเสร็จก็กลับมาที่ทำการปกครองพอดี แต่พอถึงที่นั่น แต่ละคนเมาหัวราน้ำ นอนระเกะระกะอยู่ในเล้าแพะของหอหลิงอวิ๋น ถูกน้ำค้างจนชื้นไปทั้งตัว แม้แต่อ๋องชินเฟิงอันกับองครักษ์เงาดำก็เป็นไปด้วย วินาทีนั้น ข้าก็เดือดจัด ไม่ทันได้ยั้งคิดก็เข้าไปบิดหูไท่ซ่างหวงทันที บิดให้เขาตื่น และเป็นครั้งนี้นี่แหละ ต่อหน้าข้าพวกเขาก็เลยไม่กล้าทำอะไร อ๋องชินเฟิงอันก็ตามอ๋องผิงหนานไปเที่ยว เหลือแต่พวกเขาสามคนแล้วถึงเพลาลงหน่อย”
หยวนชิงหลิงจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ นี่มันชีวิตปลดเกษียณที่ไก่เตลิดสุนัขวิ่งพล่าน แล้วเลี้ยงม้า ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ที่ว่าเล่า?
“แม่นมสี่คุมไม่อยู่หรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
“แม่นมสี่เจ้าคุมได้แต่โสวฝู่ แต่จะคุมเซียวเหยากงกับไท่ซ่างหวงได้หรือ? ไม่ได้เลยสักนิด! แล้วยังถูกหลอกให้ออกไปอีกแน่ะ นึกถึงตอนที่อยู่ในพระที่นั่ง นั่นยังถือว่ารู้จักหน้าที่ตน” ย่าหยวนส่ายหน้า
หยวนชิงหลิงหัวเราะ สมัยก่อนพักอยู่ที่พระที่นั่ง ไปมาต้องใช้เวลามาก ก็เลยไม่เห็นนิสัยแย่ๆ ของพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขาพักอยู่ที่จวนอ๋องซู่ คุณย่าไปได้ตลอดเวลา ห่างจากโรงหมอหุ้ยหมิงแค่ไม่กี่ถนน ใกล้มากขึ้น ก็เลยได้เห็นข้อเสีย
ก็ดี มีย่าหยวนสยบอยู่ ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไรได้อีก?
หยวนชิงหลิงไม่พูดต่อ คล้องแขนคุณย่ากลับไป นั่งคุยกับทุกคน การสนทนานี้ จนดึกแล้วถึงต่างคนต่างกลับไปนอน
หยู่เหวินเห้าดูตื่นเต้นมากตลอดวัน ร่ายรายการอยู่ในห้อง จะพาพวกเขาไปเที่ยวที่ไหน กินอะไร
“แหม ยังทำแผนด้วยแน่ะ!” หยวนชิงหลิงขยับเข้าไปดู หัวเราะพลางเอ่ย
“ใช่! ข้าถามใต้เท้าทังมาแล้วว่าที่ไหนน่าไป ที่ไหนอร่อย มาทั้งทีก็ต้องเต็มที่หน่อยสิ” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างตั้งใจ
“เช่นนั้นก็ได้ มอบให้เป็นหน้าที่เจ้านะ!” หยวนชิงหลิงหอมเขาทีหนึ่ง “สู้ๆ!”
หยู่เหวินเห้าเข้ากอดนาง “ทำเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ก็เริ่มออกเดินทางได้ ไปเดินเล่นบนเขาละแวกวัดฮู่กว๋อก่อน ไหว้พระ ชมวิว ดึกหน่อยข้าจะพาท่านพ่อตากับพี่ใหญ่ไปโรงเหล้า ดื่มเหล้าสักนิด ดูทิวทัศน์ยามราตรีในเมืองหลวงของเป่ยถัง แล้วพรุ่งนี้ก็พาพวกเขาไปล่าสัตว์ เดินให้ทั่วภูเขา ต้องไม่น่าเบื่อแน่”
“ได้ ตามแผนของเจ้า” หยวนชิงหลิงหัวเราะ รายการนี้ฟังดูแล้วน่าเบื่อจริงๆ ใครจะสนใจ?
แต่ก็ไม่อยากทำให้เขาเสียอารมณ์ เขาชอบใจก็พอ
“พรุ่งนี้ข้าจะให้จิ้งถิงไปด้วย เจ้าก็บอกจิ่นหนิงจวิ้นจู่ก็แล้วกัน ระหว่างทางจะได้มีเพื่อน!” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
“ได้สิ!” หยวนชิงหลิงเห็นด้วยที่สุด อย่างน้อยระหว่างทางจะได้มีเพื่อนคุย เพราะนางพอนึกออก ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้พ่อแม่กับพี่ชายคงกลายเป็นคนของเจ้าห้า ต้องถูกเขายึดไปครองแน่
เขารอวันนี้มาตั้งนานแล้วนี่
ด้วยเช่นนี้ หลายวันต่อจากนี้ เจ้าห้าก็พาทุกคนไปเที่ยวไปทั่วแบบคึกคัก ต้องพูดเลยว่าแผนนี้แย่มาก ถึงจะไปล่องเรือริมทะเลสาบ ก็ยังดีกว่ามุดไปทั่วป่า
แต่พวกพ่อตาก็ให้หน้าลูกเขยมาก เดินจนเหนื่อยอ่อน ก็ยังมองลูกเขยยกนิ้วหัวแม่มืออย่างปลาบปลื้ม
จนถึงวันที่สี่ตอนกำลังจะออกบ้าน ที่จริงแม่ของหยวนชิงหลิงไม่อยากไปแล้ว เหนื่อยมาก แต่เห็นลูกเขยวางแผนการเดินทางของวันนี้ด้วยอารมณ์คึกคัก บอกว่าไปเดินเที่ยวหมู่ตึกเหมยนอกเมืองแล้ว ในที่สุดเธอก็ตกลง
ขณะที่ทุกคนเดินออกจากประตูและกำลังจะขึ้นรถม้า ก็เห็นรถม้าคันหนึ่งขับมา รถม้ายังไม่ถึง ผ้าม่านก็เปิดออกแล้ว ปรากฏใบหน้ายิ้มแย้มเอาแต่ได้ของเจ้าพระยาจิ้ง ตะโกนเรียกหยู่เหวินเห้าด้วยความตื่นเต้น “พ่อลูกเขย!”
พอหยวนชิงหลิงได้ยินเสียงนี้แล้ว สมองก็ชาทันที OMG!