บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1483 พระราชพิธีราชาภิเษก
วันรุ่งขึ้น รับตัวพ่อแม่และพี่ชายตระกูลหยวนเข้าสู่ตำหนักบูรพา บอกกับฮ่องเต้หมิงหยวนว่าทั้งสามท่านเป็นพ่อแม่และพี่ชายบุญธรรมของพระชายารัชทายาท เพราะว่าเจ้าของบ้านของจวนเจ้าพระยาจิ้งนั้นไม่มีเกียรติพอที่จะออกหน้าในพิธีการใหญ่ได้ จึงได้เชิญพวกเขาทั้งสามคนมาอยู่เป็นเพื่อน
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ตั้งนานแล้ว ขอเพียงพวกเขาชื่นชอบก็พอ ตอนนี้เขาได้แต่รอที่จะเกษียณตัวเองไปใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่ตึกเหมยอย่างสบายใจ
ผู้เฒ่าทั้งสามก็กลับมาอยู่ในวังเป็นการชั่วคราว ทั้งยังบังคับพาสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันกลับมาอยู่ด้วย โสวฝู่ฉู่เป็นพิธีการในงานราชพิธีราชาภิเษก กำกับดูแลเรื่องการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหญ่ เดิมทีกรมพิธีการจะไปหาเขาเพื่อซ้อมใหญ่กัน แต่โสวฝู่ฉู่บอกว่าไม่ต้อง เรื่องนี้ได้ทำการซักซ้อมในใจของเขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เขาไม่มีทางทำผิดพลาดแน่
เพราะว่า เขาตั้งตารอมานานมากแล้ว
กรมพิธีการจึงได้แต่เขียนกำหนดการต่างๆให้เขา และได้ส่งคนบางส่วนไปเป็นผู้ช่วย เพราะว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่ จะไม่สามารถผิดพลาดได้เลยแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้น จะไม่เป็นมงคล
วันที่ยี่สิบเดือนหกที่ผู้คนต่างก็สนใจตั้งตารอดู ที่สุดก็มาถึง
เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับยามจื่อหยู่เหวินเห้าก็ไม่สามารถนอนได้อีก เพราะว่า หลังผ่านเวลาที่คาบเกี่ยวกันแล้ว ก็ต้องรีบไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน และก็คือพิธีบูชาสวรรค์นั่นเอง
ทั่วทั้งเมืองหลวงสว่างไสวไปด้วยดวงไฟ ถนนใหญ่ทุกสาย มีทางการเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจุดไฟตามถนนหนทาง คบเพลิงตามหอคอยสูงหรือที่จุดอยู่บนพื้น บอกกล่าวแก่สรวงสวรรค์ ฮ่องเต้องค์ใหญ่ของเป่ยถังได้ขึ้นครองราชย์แล้ว
ชุดมังกรได้ถูกส่งมาถึงตำหนักตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ในพิธีการบูชาสวรรค์นั้นสวมชุดพิธีการอีกชุดหนึ่ง แยกออกจากชุดมังกรที่ใช้ในพิธีราชาภิเษก
เหล่าขุนนางได้มารออยู่หน้าประตูวังหลวงตั้งแต่ก่อนจะถึงยามจื่อแล้ว รอพระเกี้ยวของฮ่องเต้องค์ใหม่ออกมา จะได้เดินทางไปร่วมพิธีบูชาฟ้าดินที่แท่นบูชาพร้อมกัน
ดนตรีของกองเกียรติยศก็ดังขึ้นในยามจื่ออย่างตรงเวลา ทหารรักษาพระองค์ของราชวงศ์ได้เปิดประตูใหญ่แต่ละบานของวังหลวงออก กองทัพทหารรักษาพระองค์ที่สวมชุดสีเหลืองหลั่งไหลกันเดินออกมา เฝ้าประตูวังหลวงแต่ละแห่งเอาไว้ เหล่าท่านอ๋องไปรอต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ตำหนักบูรพา กู้ซือเป็นคนนำทาง ไปถึงหน้าประตูวังหลวงรวมตัวกับเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ ตรงไปยังแท่นบูชาสวรรค์
ในตำหนักฉินคุน ผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็แต่งกายอย่างเรียบร้อย ไท่ซ่างหวงสวมชุดมังกรของเขาเอง ไม่ได้สวมชุดนี้มานานมากแล้ว ตอนนี้พอสวมแล้ว ไม่ได้รู้สึกหนักอึ้งเหมือนแต่ก่อน กลับเริ่มชื่นชมวัสดุและการปักของชุดมังกรขึ้นมาแทน
เขานั่งอยู่ในตำหนักฉินคุนอย่างสงบ รอให้ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับมา เข้ามาคำนับเขา
ไท่ซ่างหวงยังแต่งหน้าด้วย เพื่อปกปิดรอยด่างดำต่างๆบนใบหน้าเสียหน่อย ดวงตาทั้งคู่สดใสเจิดจ้า น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง เขายังขอร้องให้อ๋องชินเฟิงอันนั่งด้วยกัน รับการคำนับจากฮ่องเต้องค์ใหม่
รอจนกระทั่งประมาณยามหยิน ก็ได้ยินว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ได้เสร็จสิ้นพิธีการจากแท่นบูชาแล้ว แต่จะไปไหว้ศาลบรรพชนก่อน หลังจากไหว้ศาลบรรพชนแล้ว ค่อยมาคำนับไท่ซ่างหวง
ในที่สุด ผ่านยามหยินไปได้ครึ่งยาม ด้านนอกของตำหนักฉินคุนก็มีเสียงดนตรีดังขึ้น เสียงนั้นซึมเข้าสู่หัวใจ ทำเอาดวงวิญญาณตื่นเต้นขึ้นมา
ไท่ซ่างหวงพยายามรักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าเอาไว้ เพียงแต่ดวงตากลับแดงก่ำไปหมด อ๋องชินเฟิงอันนั้นสุขุมมาก ยื่นมือออกไปตบที่หลังมือของไท่ซ่างหวงเบาๆหนึ่งที “น้องหก ในที่สุดเจ้าก็รอจนถึงวันนี้ ยินดีด้วย”
ไท่ซ่างหวงมองเขา “พี่เหว่ย ยินดีด้วยเช่นกัน”
อ๋องเฟิงชินอันโค้งริมฝีปากยิ้มขึ้น ยินดีด้วยเช่นกัน ยินดีด้วย
คนของตระกูลหยู่เหวินหลายยุคสมัย ไม่เคยปฏิเสธความลำบาก ไม่กลัวความทุกข์ยาก นำพาเป่ยถังค่อยๆก้าวสู่ยุคสมัยที่เจริญรุ่งเรือง และการแข่งวิ่งผลัดนี้ ทุกไม้ต่างก็ทุ่มเทความพยายามของตนเองอย่างเต็มที่ ทุกไม้นั้นไม่อาจจะขาดได้ ฮ่องเต้ฮุยจงที่ดำรงตำแหน่งอยู่ได้ไม่นานก็เป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนก็เช่นกัน
อย่างน้อย อ๋องชินเฟิงอันคิดว่า ถึงตอนนี้เวลานี้ เป่ยถังยังไม่เคยปรากฏว่ามีฮ่องเต้ทรราชสักคน
ในที่สุด ภายใต้การรอคอยที่เต็มเปี่ยมไปทั้งใจ เขามาแล้ว
หยู่เหวินเห้าพาเหล่าท่านอ๋องและขุนนางทั้งหลาย เดินเข้าไปในตำหนักฉินคุนพร้อมกัน ขบวนเสด็จอันยิ่งใหญ่ ทำให้ตำหนักฉินคุนที่ปกติจะเงียบเหงามีคนคึกคักอยู่เต็มไปหมดในชั่วขณะ เสียงดนตรียังคนดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ท่วงทำนองดนตรีแห่งความชื่นชมยินดี ปลุกดวงจิตของทุกคน
หยู่เหวินเห้ายังคงสวมชุดและพระมาลาห้อยลูกปัดที่ใช้ในพิธีการบูชาอยู่ พระมาลาห้อยลูกปัดสี่ลูกสามเส้น นี่มีความแตกต่างจากชุดมังกรที่ใช้ในพิธีการราชาภิเษก แต่นี่ก็เป็นชุดพิธีการที่ถูกต้องตามระเบียบที่สุด
เขาก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้ามา สง่างาม น่าเกรงขาม สุขุม มีความน่ายำเกรงของความเป็นฮ่องเต้แล้ว
โสวฝู่ฉู่เริ่มต้นจากตรงนี้ รับช่วงต่อจากสำนักดาราศาสตร์และรองเจ้ากรมพิธีการ เริ่มกำกับดูแลพิธีการใหญ่ทั้งหมดนี้
หยู่เหวินเห้าประสานมือทั้งสองขึ้น คำนับก่อน จากนั้นก็คุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับกับพื้น หลังจากคำนับแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังไท่ซ่างหวง ดวงตาของเขาก็มีน้ำตารื้นขึ้นมาแล้ว
สองปู่หลานประสานสายตากัน และโสวฝู่ฉู่ได้ร้องเรียกให้ลุกขึ้น แต่หยู่เหวินเห้ายังคงคุกเข่าอยู่ สะอื้นในลำคอ ร้องเรียกเสียงหนึ่งว่า “เสด็จปู่”และน้ำตาแทบจะไหลทะลักออกมาตอนนั้นเลย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โชคดีที่มีไท่ซ่างหวงคอยช่วยเหลือสนับสนุนอยู่ ไม่เช่นนั้น เขาจะเดินมาถึงวันนี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร
ไท่ซ่างหวงยื่นมือออกมา กุมที่ไหล่ของเขาเอาไว้ พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ลุกขึ้นเถอะ เป็นฮ่องเต้แล้ว ไม่สามารถร้องไห้ได้อีกแล้ว”
คำพูดที่รักและเมตตาประโยคนี้ กลับยิ่งทำให้หยู่เหวินเห้ากลั้นน้ำตาที่ร้อนผ่าวเอาไว้ไม่อยู่ ภายใต้คำสั่งการของไท่ซ่างหวง คำนับอ๋องชินเฟิงอัน ตอนนี้เขายังไม่ได้ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ อ๋องชินเฟิงอันสามารถรับการคำนับนี้ได้
เวลาค่อนข้างสายแล้ว ยังต้องไปคำนับเสด็จพ่อ ฉะนั้น ได้แต่จากไปอย่างเร่งรีบ ไปคำนับฮ่องเต้หมิงหยวนก่อน
วันนี้ฮ่องเต้หมิงหยวนเองก็แต่งตัวดีเป็นพิเศษ สีหน้าดีกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว เพราะว่าเหล่าท่านอ๋องและขุนนางต่างก็อยู่ด้วย เขาจึงสามารถฝืนนั่งเพื่อรับการคำนับจากฮ่องเต้องค์ใหม่ได้
มองดูลูกชายที่คุกเข่าคำนับอยู่ตรงหน้าของเขา ฮ่องเต้หมิงหยวนก็รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง กลั้นน้ำตาเอาไว้ ประทานให้ลุกขึ้น กำชับอยู่หลายประโยค ภายหน้าให้เขาขยันหมั่นเพียรและมีความรักต่อประชาชน อย่าทอดทิ้งงานในราชสำนัก เสียเวลาไปกับการหาความสุขใส่ตัว
ก่อนจากกัน สองพ่อลูกกุมมือกัน เป็นพิธีการของพ่อลูกในการส่งมอบตำแหน่งเก่าให้คนใหม่ ค่อนข้างซาบซึ้งชวนน้ำตาไหลเป็นอย่างยิ่ง
หยู่เหวินเห้าหมุนตัวจากไป รีบกลับไปยังตำหนักบูรพาก่อน เริ่มการแต่งกายชุดพิธีการราชาภิเษก
ชุดพิธีการราชาภิเษกมีทั้งพระมาลาขนาดใหญ่ กว้างแปดนิ้ว ยาวสิบสองนิ้ว พระมาลาห้อยลูกปัดสีทอง มีลูกปัดสิบสองลูก สิบสองเส้น เสื้อปักลายสัญลักษณ์แปดสิ่ง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว มังกร ภูเขา ไก่ฟ้า ไฟ และซงหยี เสื้อปักลายสัญลักษณ์สี่สิ่ง สาหร่าย ละอองเกสรดอกไม้ แต่ละชั้น ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง มู่หรูกงกงและขุนนางของกรมพิธีการเป็นผู้สวมชุดให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ หยวนชิงหลิงยืนดูอยู่ข้างๆ ประสานสายตากับหยู่เหวินเห้าห่างๆ ดวงตาของทั้งสองคนต่างก็เปียกชื้นอยู่บ้าง
หยวนชิงหลิงที่อยู่ภายใต้การปรนนิบัติรับใช้ของเหล่านางกำนัลได้แต่งกายด้วยชุดหงส์เสร็จแล้ว รอให้เขากุมมือนางเดินขึ้นไปสู่บัลลังก์ฮ่องเต้พร้อมกัน เพื่อรับคำกล่าวยินดีจากเหล่าขุนนางทั้งหลาย
ตามกฎระเบียบของเป่ยถัง ที่จริงตั้งแต่วันที่ฮ่องเต้หมิงหยวนได้สละบัลลังก์ พวกเขาก็ได้กลายเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่แล้ว แต่ว่า พวกเขาต่างก็คิดว่า จำเป็นต้องมีพิธีการเหล่านี้ หลังจากพิธีการราชาภิเษกแล้ว จึงจะเรียกฮ่องเต้ได้อย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองก็รอจนถึงวันนี้ จึงได้สวมชุดที่แสดงถึงสถานะของพวกเขาอย่างเป็นทางการจริงๆ
หยู่เหวินเห้าสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็สวมหมวกมาลาทอดฟ้า มองดูแล้วภาพลักษณ์แตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างยิ่ง แต่ในใจของหยวนชิงหลิง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าห้าของนางอยู่ดี
จุดนี้ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตลอดกาล
เขาเดินออกไปท่ามกลางความแออัดของเหล่าขุนนางและทหารรักษาพระองค์ที่รายล้อม ได้ประกาศพระราชทานอภัยโทษทั่วหล้าในตำหนักหมิงเต๋อ และได้รับมอบตราแผ่นดินจากมือของโสวฝู่ฉู่ นอกตำหนักหมิงเต๋อโสวฝู่ฉู่ได้อ่านประกาศพระบรมราชโองการขึ้นครองราชย์
เสียงดนตรีดังขึ้น ดังขึ้นไปทั่วทุกทิศ คบเพลิงถูกจุดขึ้นไปทั่วทุกที่ในช่วงกลางวัน แสงแดดยามเช้าสาดส่องตกต้องตำหนักสีทองอันเรืองรอง กระเบื้องหลังคามีแสงสีทองแวววับเป็นประกาย
หยวนชิงหลิงมีเหล่าพระชายาและฮูหยินของขุนนางต่างๆส่งเสด็จ มาถึงด้านนอกของตำหนักหมิงเต๋อ หยู่เหวินเห้าเดินอย่างรวดเร็วเข้ามา จูงมือของนางเอาไว้
ลูกๆต่างก็สวมชุดเรียบร้อย มีคนคอยดูแลอยู่ รอเพียงเวลาที่เหมาะสม ก็จะติดตามเสด็จพ่อและเสด็จแม่ก้าวเข้าสู่ตำหนักใหญ่แห่งวังหลวง เพื่อเป็นสักขีพยานในการขึ้นครองราชย์ในยุครุ่งเรืองของเสด็จพ่อ
แขกเหรื่อจากต่างแคว้นต่างก็มาถึงจนครบแล้ว ได้ยืนเป็นแถวกับเหล่าขุนนาง จิ้งถิงก็อยู่ในนั้นด้วย ใช้แววตาแห่งความปลื้มปีติยินดีมองไปที่เขา รอเพียงฮ่องเต้เข้าสู่ตำหนัก พวกเขาจึงค่อยตามเข้าไป คุกเข่าคำนับ
ขุนนางพิธีการได้สั่งการอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ในที่สุด เวลาสำคัญก็มาถึง โสวฝู่ฉู่ได้ตีกลองขึ้นครองราชย์ด้วยตนเองหนึ่งครั้ง จากนั้นก็มีนักดนตรีรับช่วงต่อ เสียงกลองดังขึ้นติดต่อกันไม่หยุด เสียงหนึ่งดังกว่าอีกเสียง ตามด้วยเสียงของขุนนางพิธีการที่ตะโกนขึ้นว่าฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ใหม่เข้าสู่ตำหนัก เสียงบรรเลงดนตรีก็ดังขึ้น หยู่เหวินเห้ากุมมือของหยวนชิงหลิง ต่างก็จ้องมองกันอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ค่อยๆเดินเข้าไปด้านใน