บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1485 ไหว้ฟ้าดิน
ทุกคนประคองหยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืน ลากชุดหงส์ที่มีหางยาวเดินวนอยู่หนึ่งรอบ ชายาเฟิงอันเดินเข้ามาพอดี มองนางอยู่ครู่ใหญ่ ชมเปาะว่า “สวยงามจริงๆ”
ทุกคนต่างย่อตัวคำนับ ชายาเฟิงอัน
ในมือของชายาเฟิงอันถือกล่องผ้าเอาไว้ใบหนึ่ง ยื่นให้กับนาง “งานแต่งงานของพวกเจ้า ข้าก็ไม่มีของขวัญอะไรจะให้กับพวกเจ้า ต่างหูนี้ หวังว่าเจ้าจะชอบ”
หยวนชิงหลิงรีบกล่าวขอบคุณทันที รับกล่องผ้ามาเปิดออกดู ตอนนี้ในกล่องผ้านั้นมีต่างหูคู่หนึ่งวางอยู่ ทุกคนต่างก็ขยับตัวเข้ามามุงดู ตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง นี่ นี่ช่างสวยงามเกินไปแล้ว
นี่เป็นต่างหูเพชรสีชมพูทรงหยดน้ำคู่หนึ่ง เพชรรูปหยดน้ำเม็ดใหญ่มาก พบเห็นได้ยากมากเช่นกัน ตัวเรือนสีเงินที่ล้อมรอบยังประดับไปด้วยเศษเพชร เศษเพชรถูกเจียระไนเป็นรูปดอกท้อ และเพชรสีชมพูเม็ดนี้ เดิมทีเป็นรูปหยดน้ำ แต่เป็นเพราะว่าถูกรายล้อมไปด้วยเศษเพชรที่เป็นรูปทรงดอกท้อ กลับดูคล้ายดอกท้อมาก มีลำแสงตกต้องลงมา เพชรเม็ดหลักเกิดประกายแสงระยิบระยับ เศษเพชรที่ล้อมอยู่ข้างๆก็เปล่งประกายเช่นเดียวกัน นี่เดิมทีเป็นต่างหูที่ไร้การเคลื่อนไหว แต่กลับทำให้คนที่มองรู้สึกถึงการมีชีวิตชีวาขึ้นมา ราวกับว่ามันกำลังหมุนวนอยู่ตลอดเวลา หมุนวนจนเกิดเป็นดอกท้อมากกว่าหนึ่งดอกออกมาให้เห็น
และที่สำคัญที่สุดคือต่างหูเพชรสีชมพูทรงหยดน้ำคู่นี้เข้ากันได้ดีกับการแต่งหน้าของหยวนชิงหลิงในวันนี้มาก ถ้าหากได้สวมใส่ คงจะเป็นการเพิ่มสีสันขึ้นมาไม่น้อย
แต่หลังจากที่หยวนชิงหลิงมองดูแวบหนึ่งแล้ว ก็รีบส่งคืนให้กับชายาเฟิงอัน “ข้ารับไว้ไม่ได้ นี่มันล้ำค่าเกินไป”
ชายาเฟิงอันหยิบต่างหูขึ้นมา โยนกล่องผ้าทิ้งไป พูดเสียงดุว่า “นั่งลง ข้าจะช่วยใส่ให้”
“นี่มัน ไม่ได้ มันล้ำค่าเกินไป พระชายา ท่านเองก็ ……”เดิมทีนางอยากจะพูดว่าพระชายาเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ยังต้องอาศัยในการทำอย่างนั้นอย่างนี้ในการใช้ชีวิต เพชรสีชมพูนี้มีราคาค่างวดสูงไม่ธรรมดา ถ้าหากเป็นยุคปัจจุบัน หากต้องการซื้อเพชรน้ำงาม และมีความบริสุทธิ์สูงเช่นนี้ เป็นเพชรสีชมพูที่ไร้ตำหนิ เกรงว่าคงต้องใช้เงินหลักสิบล้านจนกระทั่งถึงหลักร้อยล้านแล้วกระมัง นางไม่ค่อยสันทัดเรื่องอัญมณีนัก แต่ก็เคยได้ยินมาบ้าง
ชายาเฟิงอันกดไหล่ของนางเอาไว้ ให้นางนั่งลง จากนั้นก็สวมใส่ต่างหูให้ด้วยมือตนเอง
ทุกคนต่างตะลึงนิ่งอึ้ง กลั้นลมหายใจเอาไว้ แม้แต่หรงเยว่ผู้มั่งคั่งที่เคยพบเห็นอัญมณีต่างๆจนคุ้นเคย ก็ยังต้องเอามือปิดปากเผยให้เห็นสีหน้าตื่นตะลึง
ต่างหูเพชรสีชมพูรูปดอกท้อทรงหยดน้ำราวกับเกิดขึ้นเองจากติ่งหูของนาง ราวกับเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เข้าคู่กันได้ดีกับการแต่งหน้าราวกับฟ้าประทานอย่างไร้ที่ติ หยวนชิงหลิงราวกับเป็นดอกท้อดอกหนึ่งที่ผุดพ้นขึ้นมาจากกลุ่มหมอกเมฆที่ห้อมล้อมอยู่รอบภูเขา งดงามจนทำให้ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ไม่พูดไม่ได้เลยว่า เพชรสีชมพูสร้างคุณงามความดีได้มากทีเดียว
หยวนชิงหลิงมองตัวเองในกระจกอย่างนิ่งอึ้ง ค่อยๆสะบัดศีรษะเบาๆ ต่างหูแตะถูกคางของนาง มีความรู้สึกเย็นเยียบ สาดแสงเปล่งประกาย ราวกับมองเห็นดอกท้อนับหมื่นดอกกำลังเบ่งบานอยู่ ค่อยๆหายไป แล้วก็เบ่งบาน ค่อยๆหายไป แล้วก็เบ่งบานอีกครั้ง
หลังจากที่หรงเยว่หายจากอาการตื่นตะลึง ก็รีบถามว่า “พระชายา ต่างหูคู่นี้ของท่านซื้อมาจากที่ใด กี่ตำลึง ท่าน ที่แท้ก็ร่ำรวยมากเลยหรือนี่ ”
พระชายาเฟิงอันพูดเสียงเรียบๆว่า “ข้าอยู่ที่นี่นั้นยากจน แต่ในบางสถานที่ เงินทองไม่นับว่ามีค่าอะไร อยากจะซื้ออัญมณี นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆหรอกหรือ ตอนที่ข้าซื้อต่างหูคู่นี้รู้สึกว่าไม่เลว ซื้อกลับมาแล้วก็ไม่ชอบ จึงได้มอบให้กับฮองเฮา ฮองเฮาไม่รังเกียจก็พอ ”
หยวนชิงหลิงแทบจะร้องไห้แล้ว “ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร ข้าชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้ที่สุด สวรรค์ นี่ช่างงดงามจริงๆ พระชายา ท่านคงจะเอ็นดูข้าจนทำให้ข้าเหลิงแน่ๆ”
สายตาของชายาเฟิงอันมีแววอ่อนโยนอย่างที่พบเห็นได้น้อยมาก “ชื่นชอบก็ดี เอ็นดูจนเหลิงแล้วอย่างไร รอวันหน้ามีโอกาสแล้ว ข้าสามารถซื้อให้เจ้าได้เสมอ”
โอกาสนี้ของนาง ก็คือกลับไป หยู่เหวินเห้าขึ้นครองราชย์ ภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาน่าจะถือว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว ลงทุนกับของในยุคปัจจุบันหน่อย ไม่นับว่าเป็นอะไร
หลุดพ้นแล้ว
เพราะฉะนั้น งานแต่งงานครั้งนี้คนที่ดีใจที่สุดเป็นสองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงหรือ
ไม่ ไม่ใช่
หยวนชิงหลิงยังคงรู้สึกว่ารับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก คนอื่นๆอาจไม่รู้ถึงราคาของมัน แต่นางรู้คร่าวๆอยู่บ้าง นี่มันมีราคาหลายสิบล้านเชียวนะ ฉะนั้น นางจึงพูดว่า “พระชายา รอให้จัดการเรื่องแต่งงานเสร็จแล้ว ข้าจะคืนต่างหูให้ท่าน”
“เก็บไว้เถอะ ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ ต่างหูนี้มอบให้กับพวกเจ้าแล้ว ภายหน้าพวกเจ้าสองคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ปกครองเป่ยถังให้ดี ค่าของการทำเช่นนี้สำหรับข้าแล้ว มากกว่าต่างหูเป็นพันคู่เสียอีก ”ชายาเฟิงอันเอ่ยด้วยเสียงดังหนักแน่น
“พี่หยวน ท่านก็รับไว้เถอะ นี่เป็นน้ำใจจากพระชายา ”หยวนหย่งอี้เอ่ยขอร้อง นางก็รู้สึกชื่นชอบต่างหูคู่นี่เหมือนกัน แต่ว่า นางรู้ว่าแม้จะมีเงินก็หาซื้อไม่ได้ พี่หยวนรับเอาไว้ นางได้มาดูบ้างเป็นครั้งคราวก็ยังดี
ทุกคนต่างก็ขอร้องให้นางรับเอาไว้ เพราะว่าเป็นพิธีแต่งงาน ของขวัญที่ผู้อาวุโสมอบให้ไม่ควรจะคืนกลับไป นั่นเท่ากับไม่ให้เกียรติกัน
หยวนชิงหลิงได้แต่ขอบคุณจากใจจริง รับเอาต่างหูอันล้ำค่าหาได้เทียมได้คู่นี้เอาไว้
ในที่สุด ก็ถึงฤกษ์ยามมงคลแล้ว
หยู่เหวินเห้าถูกผู้คนรายล้อมเดินเข้ามา รับเจ้าสาว เดิมทีเป็นพิธีการที่สามารถงดเว้นได้ แต่หยู่เหวินเห้ายืนยันจะคงเอาไว้ ฉะนั้นจึงมีช่วงที่ต้องไปรับตัวเจ้าสาว
ผ้าคลุมหน้าสีแดงคลุมหน้าเอาไว้ หยวนชิงหลิงถูกส่งตัวออกมา ฝูงชนเสียงดังกึกก้อง เสียงดนตรีบรรเลงแทบจะดังทะลุแก้วหูแล้ว หยวนชิงหลิงราวกับยืนอยู่บนก้อนเมฆ ถูกคนประคองให้ก้าวเดิน มองเห็นมือใหญ่ของเจ้าห้าที่ยื่นมาให้นางก็ยื่นมือไปวางไว้กลางฝ่ามือของเขา กุมมือนางเอาไว้ นางราวกับได้ยินเจ้าห้าพูดจาอยู่ประโยคหนึ่ง แต่ฟังไม่ชัดเจนนัก ช่างวุ่นวายมากจริงๆ โดยเฉพาะอ๋องฉีที่ตื่นเต้นกว่าใครๆ ราวกับว่าคนที่แต่งงานเป็นเขาเสียเอง
นางยังได้ยินเสียงของพวกลูกๆ แต่ว่ามีผ้าคลุมปิดหน้าเอาไว้ นางมองไม่เห็นลูกๆ ได้แต่เดินตามขบวนไปข้างหน้าเท่านั้น
สถานที่ไหว้ฟ้าดินอยู่ที่ตำหนักเชียนเหมิน ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงเคยมาครั้งสองครั้ง แต่เห็นพรมสีแดงที่ปูทอดยาวตลอดทางไปจนถึงหน้าประตู นางปล่อยให้เจ้าห้าจูงมือเดินไป ตลอดทางที่เดินไปข้างหน้า ได้ยินว่ามีคนไปทูลรายงานให้เหล่าอู๋ซ่างหวงรับทราบ บอกว่าบ่าวสาวจะมาไหว้ฟ้าดิน ดนตรีบรรเลงขึ้น เสียงตีกลองก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงคนถูกกลืนหายไปหมด
แรงกดดันที่มาจากทั้งสี่ทิศทำให้รู้ได้ว่า การแต่งงานในวันนี้ มีคนมาไม่น้อยจริงๆ
หลังจากเข้าไปแล้ว ก็ได้ยินแม่นมสี่พูดจา แม่นมสี่ยังต้องตะโกนพูด ให้คนบางส่วนถอยออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นแม้แต่พื้นที่ทำพิธีไหว้ก็ไม่มีแล้ว จากนั้น หยวนชิงหลิงก็เห็นเท้ามากมายถอยออกไปยังประตูตำหนัก ในที่สุดพื้นที่ว่างก็ไม่ได้คับแคบมากขนาดนั้นแล้ว หยวนชิงหลิงถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก
แต่พอถอนหายใจเฮือกนี้แล้ว ก็ได้ยินว่าได้เวลาไหว้ฟ้าดินแล้ว ข้างนอกมีการจุดประทัดขึ้นมาก่อน กระดาษสีแดงปลิวว่อนเต็มพื้น ได้ยินเสียงดีอกดีใจของเด็กๆที่ร้องขึ้น ข้าวเหนียวกับเจ้าแฝดชอบดูการจุดประทัดที่สุดแล้ว ตอนนี้คงจะวิ่งออกไปเล่นแล้วกระมัง
ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เสี่ยวกวาตกใจหรือไม่ แล้วใครเป็นคนอุ้มเสี่ยวกวาเอาไว้ นางอยากจะเลิกผ้าคลุมหน้าออกเสียจริง
ระหว่างที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น นางเห็นผ้าไหมสีแดงผืนใหญ่ที่ยื่นมาให้ นางยื่นมือไปกำเอาไว้ มองดูผ้าไหมสีแดงที่ยื่นยาวออกไป อีกฝั่งที่ดึงผ้าไหมสีแดงเอาไว้ ก็คือเจ้าห้า
ในที่สุดก็จะไหว้ฟ้าดินกันแล้ว ภายใต้การเอ่ยนำของแม่นมสี่ บ่าวสาวต่างก็ทำตาม หนึ่งคำนับฟ้าดิน สองคำนับพ่อแม่ สามคำนับซึ่งกันและกัน เดิมทีนั้นแสนจะง่ายดาย แต่เพราะว่าคนเยอะเกินไป บ่าวสาวต่างก็ถูกเบียดเสียดอยู่ ปรากฏว่า เป็นความโกลาหลวุ่นวาย โดยเฉพาะตอนที่คำนับซึ่งกันและกันทั้งสองคนโค้งตัวลงเพื่อคำนับ ด้านหลังก็มีคนพวกหนึ่งที่อยู่ไม่สุข พอโค้งตัวลงคำนับ ทั้งสองคนก็เซไปชั่วครู่ ศีรษะปะทะเข้าด้วยกัน
วันนี้หยู่เหวินเห้ารู้สึกโมโหมากจริงๆ นี่มันไม่เหมือนกับงานแต่งงานที่เขาเคยคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้เลย วุ่นวายโกลาหลไม่พอ ยังมีคนอีกมากมายที่คอยเอะอะ เสียงดัง ดีไม่ดีก็จุดประทัดขึ้นมา อย่างน้อยเขาก็มีฮ่องเต้นะ ที่นี่อย่างน้อยก็เป็นวังหลวง มีมารยาทหน่อยได้หรือไม่
โดยเฉพาะการไหว้ฟ้าดินยังไหว้อย่างทุลักทุเล ทำให้เขาโมโหจนอยากจะลงมือกับใครสักคน แต่วันนี้เป็นวันดีวันมงคล เขาจะอารมณ์เสียไม่ได้ ได้แต่อดทนเอาไว้ค่อยคิดบัญชีแต่ละคนทีหลัง
โดยเฉพาะน้องเจ็ด เสียงดังจนตอนนี้หูของเขายังอื้ออึงอยู่เลย
เขาก็แค่จะอยากทำให้เรื่องที่เสียใจแต่เก่าก่อนจบสิ้นลง ยากขนาดนี้เชียวหรือ