บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1487 กลอุบายของท่านชายสี่เหลิ่ง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1487 กลอุบายของท่านชายสี่เหลิ่ง
หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้ว พวกอู๋ซ่างหวงก็ย้ายกลับไปอยู่ที่จวนอ๋องซู่ ยังคงดำเนินชีวิตในบั้นปลายของพวกเขาอย่างโชติช่วงชัชวาล
พ่อแม่ของตระกูลหยวนได้เที่ยวเล่นที่นี่อย่างน้อยเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฮองเฮาหยวนชิงหลิงได้พาพวกเขาไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ สัมผัสประเพณีท้องถิ่นของเป่ยถัง ชื่นชมทัศนียภาพที่งดงามของเป่ยถัง ตอนที่กลับไป ยังคงรู้สึกเสียดาย แต่ดีที่สามารถเชื่อมต่อกันผ่านทะเลสาบจิ้งได้ เมื่อถึงเวลาจะได้พบกันอีก
การที่หยวนชิงโจวมาในครั้งนี้ เป็นการมาโดยเตรียมความพร้อมไว้ก่อนแล้ว งานพิธีอภิเษกสมรสทั้งหมดได้ถูกเขาแอบบันทึกภาพไว้อย่างเงียบๆ วันหน้า คิดถึงพวกเขาแล้ว และไม่สามารถมาได้ในทันที สามารถค้นหาภาพเหล่านี้ออกมาดูได้
หยู่เหวินเห้าค่อนข้างยุ่งเสียหน่อย เพราะว่าเพิ่งจะได้ขึ้นครองราชย์ เรื่องที่ต้องจัดการจึงค่อนข้างเยอะ แต่ว่า ในทุกคืนย่อมจะหาเวลาเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนลูกๆ ที่จริงก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตอนที่เป็นรัชทายาทมากนัก
เมื่อเทียบกันแล้ว หยวนชิงหลิงงานยุ่งกว่าเขามาก เพราะว่าต้องช่วยคุณย่าดำเนินการปฏิวัติทางการแพทย์ นี่เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆหลังจากที่หยู่เหวินเห้าได้ขึ้นครองราชย์ การแพทย์ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความเป็นอยู่ของประชาชน
แต่ว่า การดำเนินการปฏิวัติทางการแพทย์ มีเงื่อนไขที่จะต้องแก้ไขเป็นอันดับแรก นั่นก็คือพลังของประเทศชาติต้องแข็งแกร่งเพียงพอ ฉะนั้น ทางด้านเศรษฐกิจก็ต้องลงมือจัดการ
หยู่เหวินเห้าที่สุดแล้วก็วางแผนไปที่ตัวของท่านชายสี่เหลิ่ง ได้ปรึกษากับพวกโสวฝู่เหลิ่งแล้ว มีขุนนางเสนอแนะว่าให้ท่านชายสี่เหลิ่งรับตำแหน่งหน้าที่เป็นรองเจ้ากรมคลัง กรมคลังควบคุมดูแลการเงินของประเทศ ตอนนี้ได้มีท่านเจ้ากรมหนึ่งตำแหน่ง รองเจ้ากรมสองตำแหน่ง แต่หยู่เหวินเห้าตัดสินใจจะแบ่งออกมาให้ละเอียดมากขึ้น ให้ท่านชายสี่เหลิ่งควบคุมด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก พูดให้ชัดก็คือ ต้องการจะยืมความสามารถทางด้านการค้าของท่านชายสี่เหลิ่ง สร้างผลประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของชาติ
แต่นี่ก็ทำให้หยู่เหวินเห้าลำบากใจอยู่ เพราะว่าตอนนี้ตัวของท่านชายสี่เหลิ่งเองก็มีงานอยู่นับไม่ถ้วน และยังช่วยราชสำนักทำงานอีกด้วย แต่ว่า ถ้าเข้ารับตำแหน่งรองเจ้ากรมคลังแล้ว ก็ไม่สามารถหาข้ออ้างที่จะทำการค้าใหญ่ของเขาได้อีก ขุนนางไม่ทำการค้า นี่เป็นกฎระเบียบของราชสำนัก
ฉะนั้น พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หยู่เหวินเห้าก็เชิญท่านชายสี่เหลิ่งเข้าวัง จะคุยอย่างละเอียดกับเขาสักครั้ง ไม่ต้องเข้ารับตำแหน่ง แต่ก็สามารถเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษาให้กับกรมคลังได้ เช่นนี้ ก็สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้ และไม่ทำให้ผู้อื่นครหา
ท่านชายสี่เหลิ่งครุ่นคิดเงียบๆอยู่ชั่วครู่ พูดว่า “เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่องค์หญิงจะให้กำเนิดแล้ว เกรงแต่ว่านางคงหวังอยากจะให้ข้าอยู่ข้างกายนางเสมอ บางที รอให้นางให้กำเนิดลูกแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หยู่เหวินเห้าสีหน้าไม่ดีนัก “ไม่ได้จะให้เจ้าไปทำงานนอกเมืองเสียหน่อย เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษาออกความคิดเห็น ให้คนข้างล่างไปทำงาน ไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาที่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหลิงเอ๋อตอนให้กำเนิดลูกหรอก ทั้งสองด้านไร้ซึ่งความขัดแย้ง ไม่มีปัญหา”
ท่านชายสี่เหลิ่งกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา แต่ต้องให้เกียรติกัน คิดว่าฮ่องเต้คงจะเข้าใจ”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตอนนี้ท่านชายสี่เหลิ่งค่อนข้างขี้งก ครั้งที่แล้วตอนสมทบเงินก็ไม่มา ครั้งนี้ให้เขาเป็นขุนนางก็ยังคงบ่ายเบี่ยง ไม่มีความสำนึกในการเป็นเขยของราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย
แต่ยังดีที่เขายังมีวิธีการรับมืออยู่ ยกมือขึ้นพูดว่า “ได้ คืนนี้เจ้ากลับไปถามดู ถามเสร็จแล้วตอบข้าด้วย”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ ทูลลา ”ท่านชายสี่เหลิ่งประสานมือขึ้นคำนับกำลังจะจากไป
หยู่เหวินเห้ากลับพูดขึ้นว่า “จะทูลลาอะไรกัน ยากมากที่จะได้เข้าวังสักครั้งหนึ่ง เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนข้าก่อนค่อยไป”
ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นกังวลขึ้นมา “วันนี้ไม่มีอารมณ์ที่อยากจะเล่นหมากรุก”
หยู่เหวินเห้าเลิกคิ้ว น้ำเสียงเข้มและกดดัน “นี่เป็นคำสั่ง”
ดวงตางดงามของท่านชายสี่เหลิ่งหลุบต่ำลง “รับพระบัญชา”
หยู่เหวินเห้ายิ้มหน้าบาน ให้คนจัดวางกระดานหมากรุก พูดว่า “ข้าจะให้คนไปเอาน้ำชา และของว่างมาให้เจ้า”
พอหมุนตัวออกไปก็ไปเรียกมู่หรูกงกงมา ให้เขารีบไปที่จวนเหลิ่งหาตัวองค์หญิง ให้นางเห็นด้วยกับเรื่องที่จะให้ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของกรมคลัง
เพื่อเป็นการป้องกันลูกสาวที่ออกเรือนแล้วจะเข้าข้างคนอื่นมากกว่าคนของตนเอง หยู่เหวินเห้ายังได้กำชับอีกประโยคหนึ่งว่า ให้องค์หญิงจำไว้เสมอว่าตัวเองนั้นแซ่อะไร
หลังจากสั่งการเสร็จแล้ว หันกลับไป กลับเห็นท่านชายสี่เหลิ่งกำลังสั่งการผู้ติดตามที่เข้าวังมาด้วยเช่นกัน หลังจากผู้ติดตามได้รับคำสั่งแล้ว ก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที หยู่เหวินเห้ากัดฟันกรอด ท่านชายสี่เหลิ่งเจ้าคนขี้โกง เขาตะคอกเสียงดังขึ้นมา “มู่หรูรีบไป”
มู่หรูกงกงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แย่งกันออกจากวังกับผู้ติดตามคนนั้น
ผู้ติดตามข้างกายท่านชายสี่เหลิ่ง จะเป็นผู้ติดตามธรรมดาได้อย่างไรกัน ล้วนเป็นยอดฝีมือจากอู่หลินที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ตลอดทางที่เขาออกจากวังหลวง หลังจากขึ้นหลังม้าแล้วก็ทิ้งมู่หรูกงกงไว้ด้านหลังในระยะที่ห่างไกลออกไปมาก มู่หรูกงกงรู้ว่าไล่ตามไม่ทันแล้ว จึงไม่รีบร้อน ควบม้าเปลี่ยนทิศทาง ไปยังโรงหมอเพื่อหาฮองเฮา
ในเป่ยถังนี้องค์หญิงเชื่อฟังใครมากที่สุด นั่นย่อมเป็นฮองเฮา
ไม่สนว่าผู้ติดตามคนนั้นจะไปได้เร็วสักแค่ไหน แม้จะปิดประตูจวนจนสนิท ฮองเฮาไปแล้วจะไม่เปิดได้อย่างไร
มู่หรูกงกงมาถึงโรงหมอ เล่าสถานการณ์ให้หยวนชิงหลิงฟัง หยวนชิงหลิงที่ขึ้นเป็นฮองเฮามาได้สามเดือนแล้ว ยังคงคุ้นเคยที่จะออกไปทำงานข้างนอกเหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี ว่างไม่ได้ เป็นสามีภรรยาที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับหยู่เหวินเห้าจริงๆ การกระทำก็เหมือนกัน ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับประเทศชาติ จึงพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าจะไปพูดกับนางเอง ”
ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นคนที่มีความสามารถมาก ตอนนี้การค้าส่วนใหญ่ได้มอบให้คนอื่นไปช่วยจัดการ ที่จริงเขาค่อนข้างว่าง เป็นถึงราชบุตรเขยของราชวงศ์ ไม่สามารถว่างเว้นจากงานเช่นนี้ได้ ต้องขยันขันแข็งเหมือนกับผึ้งน้อยจึงจะทำให้ผู้คนมองเห็นถึงภาพที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมิใช่หรือ
ฉะนั้น ที่จริงหยวนชิงหลิงค่อนข้างเห็นด้วยที่ท่านชายสี่เหลิ่งจะรับตำแหน่งนี้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจของเป่ยถังเสียหน่อย เพราะว่า การปฏิวัติการแพทย์ของนาง จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง
คนสองคนที่กำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ในวัง ต่างคนก็ต่างใจ หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตัวเองกำชัยชนะอยู่ ท่านชายสี่เหลิ่งแอบยิ้มที่มุมปาก แววตาลึกล้ำ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่หยู่เหวินเห้าดูสีหน้าของเขาแล้ว กลับรู้สึกว่าตัวเองต่างหากที่เป็นคนถูกวางแผนจัดการ
แต่ตามหลักแล้วก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าอย่างไรเสียก็สามารถกล่อมหลิงเอ๋อได้ ในเมื่อท่านชายสี่เหลิ่งบอกว่าหลิงเอ๋อตกลงเขาก็ยินดี เรื่องนี้เขาชนะอย่างแน่นอน
แล้วท่านชายสี่เหลิ่งจะยิ้มทำไม
พลางคาดเดาเงียบๆ พลางล้อมหมากบนกระดาน รุกฆาตท่านชายสี่เหลิ่งจนต้องพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าติดต่อกัน เมื่อเห็นว่ากำลังจะกวาดหมากรุกของท่านชายสี่เหลิ่งจนเกลี้ยงกระดานแล้ว ท่านชายสี่เหลิ่งก็โต้กลับด้วยการกินตี่ของฮ่องเต้ ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของเขามองต่ำแข็งทื่อ
“ฮ่องเต้แพ้แล้ว”ท่านชายสี่เหลิ่งค่อยๆยกแก้วน้ำชาขึ้น รอยยิ้มในดวงตายิ่งเข้มข้นมากขึ้น
หยู่เหวินเห้าจ้องมองอยู่ชั่วครู่ ยื่นมือไปหยิบหมากรุก “ไม่ถูก เมื่อครู่แค่เดินผิดไป ข้าจะเดินใหม่อีกก้าว”
“เปลี่ยนใจหลังวางหมากไปแล้ว นี่ฮ่องเต้จะไม่สนใจภาพลักษณ์ของการเป็นกษัตริย์เลยหรือ”ท่านชายสี่เหลิ่งถามยิ้มๆ
หยู่เหวินเห้าถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง ยังคงเอาหมากรุกคืนกลับไปที่เดิม “เล่นหมากรุกก็คือเล่นหมากรุก จะพูดถึงเรื่องการเป็นกษัตริย์ทำไม มา เล่นใหม่ ”
ท่านชายสี่เหลิ่งยักไหล่ “ได้ แม้พระองค์ต้องเปลี่ยนใจอีกเป็นร้อยครั้ง ผลสุดท้ายก็เหมือนกันอยู่ดี ”
“เจ้าดูถูกข้าหรือ”หยู่เหวินเห้ามองเขา
สองนิ้วของท่านชายสี่เหลิ่งจับหมากรุกเอาไว้ นิ้วเรียวยาวขาวใส งดงามไม่แพ้กับนิ้วของสตรีเลย “ไม่ใช่ หลายปีมานี้ ฮ่องเต้เล่นหมากรุกไปกี่ครั้ง”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ก็ไม่กี่ครั้ง ย่อมมีฝีมือในการเล่นหมากรุกไม่ลึกล้ำเท่าเจ้า”
“ฮ่องเต้ทรงยุ่งกับงานบ้านเมือง แต่ข้าเล่นหมากรุกเพื่อหาความสุขทุกวัน พูดถึงฝีมือการเล่น ฮ่องเต้ไม่ว่าอย่างไรก็ชนะข้าไม่ได้ อีกอย่าง ฮ่องเต้ก็ไม่ชื่นชอบการเล่นหมากรุก ไยต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วยเล่า ”
หยู่เหวินเห้ามองเขา ถอนหายใจหนึ่งเฮือก จากนั้นก็ผลักกระดานหมากรุกออกไป “ถูกต้อง ข้าไม่ชอบเล่นหมากรุก ยิ่งไม่ชอบการพูดจาอ้อมค้อมกับคนกันเอง เจ้าว่ามา ทำอย่างไรจึงจะยินดีมาช่วยงานข้า ”
“เมื่อครู่ได้บอกไปแล้ว ทุกอย่างต้องเคารพความคิดเห็นขององค์หญิง”ท่านชายสี่เหลิ่งพูดด้วยรอยยิ้มลึกล้ำ
“เจ้าอย่าพูดจาอ้อมค้อม หลิงเอ๋อต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน เจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าว่ามา พูดเงื่อนไขออกมา ”หยู่เหวินเห้ามองไปบนโต๊ะ และพูดขึ้น
ท่านชายสี่เหลิ่งผ่อนลมหายใจเบาๆหนึ่งเฮือก ราวกับกลอุบายได้สำเร็จแล้ว ยิ้มอย่างสดใส “ใช่แล้ว ท่านได้ส่งคนไปหานางแล้วนี่นา องค์หญิงต้องเห็นด้วยแน่ ข้าก็จะไม่อ้อมค้อมแล้ว มีแค่เงื่อนไขเดียว ให้ข้าเลี้ยงดูทังหยวนไว้ข้างกาย ให้เขาเริ่มต้นเข้าสู่วงการค้าขายกับค้า แม้จะเป็นงานของราชสำนัก ก็เช่นเดียวกัน ”