บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1488 ออกไพ่ไม่ตรงกฎการเล่น
หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้ง “เจ้าพูดจริงหรือ”
ทานชายสี่เหลิ่งวางแก้วน้ำชาลง มองหยู่เหวินเห้าอย่างจริงจัง “ข้ามีลูกศิษย์ฝีมือดีแค่คนเดียว ตามหลักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักเหลิ่งหลังหรือการค้าของข้า ที่สุดแล้วก็จะมอบทั้งหมดให้กับลูกศิษย์ของข้าคนนี้ จุดนี้ฮ่องเต้น่าจะเข้าใจดีกระมัง”
หยู่เหวินเห้าไม่อยากจะยอมรับในเรื่องนี้ “แม้ว่าเจ้าจะมียายหยวนเป็นลูกศิษย์แค่คนเดียว แต่ว่าตอนนี้หลิงเอ๋อตั้งครรภ์แล้ว ภายหน้าเจ้าเองก็จะมีลูกชาย ลูกสาวของตัวเอง การค้ากับสำนักเหลิ่งหลังของเจ้า มอบให้กับลูกๆของเจ้าไม่ได้หรือ ”
ท่านชายสี่เหลิ่งพูดว่า “ทังหยวนเป็นอัจฉริยะด้านการค้าที่พบเห็นได้ยากมาก ในเมื่อข้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่พิจารณาคนที่สองอีก”
จากนั้นเขาก็ยิ้มเรียบๆ “แน่นอนว่า ถ้าหากท่านไม่เห็นด้วย เช่นนั้นสำนักเหลิ่งหลังกับการค้าทั้งหมด ก็จะมีลูกศิษย์ของข้ามารับช่วงสืบทอดต่อไป”
“ไม่ได้ ตอนนี้ยายหยวนยุ่งจนแทบจะตายแล้ว จะไปรับช่วงต่อกิจการของเจ้าได้อย่างไร ”หยู่เหวินเห้าปฏิเสธทันควัน และก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ยายหยวนก็ได้รับปากหยางหรูไห่แล้ว หลังจากกำหนดโครงการแล้ว ยังจะทำการทดลองยาใหม่ นางแทบจะปลีกตัวไม่ได้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไปดูแลสำนักเหลิ่งหลังและกิจการต่างๆของเขา
“เลือกหนึ่งจากสอง ฮ่องเต้โปรดใคร่ครวญให้ดี”ท่านชายสี่เหลิ่งยิ้มบางๆ ไม่รีบร้อนเลยสักนิด
เงินทองนั้นใช้เลี้ยงดูผู้คน เลี้ยงดูจนท่านชายสี่เหลิ่งกลายเป็นคนที่มีนิสัยเรียบเฉย ไม่แข็งกร้าวไม่เย่อหยิ่ง ผ่อนคลายสบายๆ แต่งต่างจากหยู่เหวินเห้าอย่างสิ้นเชิง
หยู่เหวินเห้าผู้ที่เป็นเถ้าแก่ใหม่ของเป่ยถัง เข็นรถเป่ยถังคันนี้ให้เดินไปข้างหน้าอย่างไม่อาจหยุดลงได้ และต้องไม่หยุดที่จะสรรหาคนที่จะมาลากรถด้วย ฉะนั้น คนที่ร้อนใจอย่างไรก็เป็นเขา
ท่านชายสี่เหลิ่งมองเขาที่มีสีหน้าดุดันขึ้นมา ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ฮ่องเต้ คิดว่าคนในใต้บังคับบัญชาของพระองค์ก็คงจะสรรหาจนสุดความสามารถแล้ว ได้เวลาขายลูกชายแล้ว หัวหน้าที่ปรึกษากรมคลังนี้ดูเหมือนจะเป็นกันได้ง่ายๆ แต่มีหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่หลวงนัก จะใช้ชีวิตที่อิสรเสรีอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ต้องเสียสละตัวข้าเอง ฮ่องเต้เองก็ต้องเสียสละบ้างจึงจะยุติธรรม นี่จึงจะเป็นวิถีแห่งการค้า ”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตัวเองวางแผนได้ไม่ดีเท่ากับท่านชายสี่เหลิ่ง จึงพูดว่า “ในเมื่อจะพูดเรื่องความยุติธรรม เช่นนั้นก็ยุติธรรมเสียหน่อย เจ้าจะถามหลิงเอ๋อ ข้าก็จะถามยายหยวน ถ้าหากยายหยวนเห็นด้วย เช่นนั้นก็ให้ทังหยวนติดตามเจ้า”
“ตกลงคำไหนคำนั้น ”ท่านชายสี่เหลิ่งลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม ถามว่า“เช่นนั้นตอนนี้ข้าไปได้หรือยัง”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “ใครอยากจะให้เจ้าอยู่ต่อ จะไปที่ไหนก็ไปเถอะ”
ท่านชายสี่เหลิ่งสะบัดแขนเสื้อ กลับคืนสู่ท่าทีสง่างามเช่นเดิม ประสานมือขึ้นคำนับ ออกไปจากตำหนักอย่างสบายใจ โดดเด่นสง่างาม สมกับที่เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเป็นอันดับหนึ่งของสำนักเหลิ่งหลัง
หยู่เหวินเห้าคิดว่ายายหยวนไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ถ้าทางด้านหลิงเอ๋อเห็นด้วยแล้ว ก็ไม่มีโอกาสที่ท่านชายสี่เหลิ่งจะปฏิเสธได้ ฉะนั้น ที่สุดเขาก็เป็นผู้ชนะอยู่ดี
ในหัวใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีขึ้นมา
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขายังไม่ทันได้เผยรอยยิ้มออกมา ก็ได้ยินเสียงผิวปากอย่างมีความสุขของท่านชายสี่เหลิ่งดังมาจากที่ที่ไกลออกไป ราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็นผู้ชนะ
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าก็บูดบึ้งขึ้นมาทันที
หยวนชิงหลิงย่อมทำตามคำขอร้องไม่บิดพลิ้ว หลังจากที่ไปคุยกับองค์หญิงที่จวนเหลิ่งแล้ว องค์หญิงที่เป็นหญิงสาวของราชวงศ์ย่อมต้องช่วยทางด้านตระกูลมารดาอยู่แล้ว จึงใช้ลูกในท้องมาเป็นหลักประกันทันทีว่า “วางใจได้ เขาต้องไปแน่ ที่จริง งานนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง สำนักเหลิ่งหลังกับกิจการต่างๆตอนนี้ก็มั่นคงแล้ว ชีวิตของเขาไม่มีความท้าทายอะไรแล้ว ยากมากที่จะหาภารกิจที่ยากและยิ่งใหญ่มาทำสักหน่อย แม้จะไม่มาหาข้า เขาเองก็คงจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก็แค่หาข้ออ้างเท่านั้นเอง ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เขาอยากจะได้ความท้าทายหรือ”
องค์หญิงกุมที่ท้องของตัวเอง พูดยิ้มๆว่า “ก็ใช่น่ะสิ ไม่เช่นนั้นท่านคิดว่าทำไมเขาจึงไม่ชอบที่จะคอยดูแลสำนักเหลิ่งหลังกับกิจการแล้วล่ะ ก็เพราะว่าไม่มีด่านยากๆให้เขาได้ผจญอีกแล้ว เขาเบื่อหน่ายแล้ว ท่านไม่เห็นหรือว่าหัวของเขามีหยักไย่ขึ้นเต็มไปหมดแล้ว เขาว่างจนแทบจะกลายเป็นบ้า ช่วงนั้นตอนที่พี่ห้าให้เขาช่วยจัดการเรื่องอาวุธ เขากระตือรือร้นแค่ไหน ออกจากบ้านแต่เช้ากลับมาดึกดื่นทุกคืน สายตาเปล่งประกาย สีหน้าเบิกบานใจราวกับเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง ตอนนี้หรือ เสด็จปู่ที่เป็นคนแก่จริงๆยังมีชีวิตชีวากว่าเขามาก”
หยวนชิงหลิงแอบยิ้ม อู๋ซ่างหวงตอนนี้ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนแก่เลย
หยวนชิงหลิงกลับวัง เจ้าห้ากำลังกังวลเรื่องขายลูกชายทังหยวนอยู่ เห็นหยวนชิงหลิงกลับมาก็บ่นกับนางยกใหญ่ บอกว่าท่านชายสี่เหลิ่งคิดจะเอาตัวทังหยวนไป
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ท่านไม่ต้องกังวล ไม่ตอบตกลงกับเขาแน่”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถ้าไม่ตอบตกลงเขาละก็ เขาก็จะไม่ตอบตกลงข้าเช่นกัน เจ้ายังไม่เห็นตอนที่เขาจากไป ยังผิวปากอีกด้วย มั่นใจว่าข้าต้องรับปากตอบตกลงแน่ ”
หยวนชิงหลิงเล่าสิ่งที่องค์หญิงพูดให้เขาฟัง พูดเสียงกลั้วหัวเราะว่า “องค์หญิงบอกแล้ว เขาแทบอยากจะรับตำแหน่งใจจะขาด แม้ท่านจะไม่ตอบตกลงยกทังหยวนให้เขา เขาก็ต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว”
หยู่เหวินเห้าได้ยินแล้ว ก็อดที่ยิ้มออกมาไม่ได้“เจ้าเหลิ่งซี่ตัวดี ได้เปรียบแล้วยังทำทีเป็นน่าสงสาร คิดอยากจะวางแผนจัดการข้า ไหนเลยจะรู้ว่าน้องสาวข้านั้นเข้าข้างข้า ได้ขายเจ้าตั้งนานแล้ว ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “พวกเรายังต้องหาข้ออ้างปูทางให้เขาอยู่ดี ท่านบอกกับเขาว่า เด็กๆต้องส่งไปเรียนหนังสือก่อน รอให้ทังหยวนอายุสิบสองปีแล้วค่อยให้ติดตามเขา ถ้าหากเขาอยากจะทำงานนี้จริงๆ ก็จะเดินตามทางที่ปูเอาไว้ ”
หยู่เหวินเห้าเดินอ้อมไปนวดไหล่ให้นาง “วันนี้เหนื่อยหรือไม่”
หยวนชิงหลิงเอนศีรษะพิงไปที่ท้องของเขา พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ก็ดี ก็แค่เป็นผู้ช่วยของคุณย่า นางศึกษาและทำยาชนิดหนึ่ง เป็นยาขับพิษชิงเวิน ใช้สำหรับแก้อาการไข้หวัด ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนทดลอง ข้าต้องช่วยนาง เพราะว่านางอายุมากแล้ว”
“เป็นยาเม็ดหรือ ทำไมคุณย่าต้องทำยาขึ้นมาด้วย”หยู่เหวินเห้าถาม
“อืม เป็นยาแพทย์แผนจีนสำเร็จรูป ”นางยิ้ม พูดขึ้นว่า “การศึกษาและทำยานี้ขึ้นมา ตอนแรกนั้นเป็นเพราะเซียวเหยากง กลับมาจากยุคปัจจุบันได้ไม่นาน ก็ไม่สบายไปหลายวัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมกินยา เดิมทีร่างกายของเขาดีมาก ปีหนึ่งน้อยมากที่จะกินยา การป่วยครั้งนี้ เดิมคิดว่าอดทนสักวันสองวันก็ดีขึ้น ไหนเลยจะรู้ว่าภายหลังยิ่งยื้อเวลาก็ยิ่งอาการหนัก เห็นท่าว่าจะยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว จึงซื้อยาแพทย์แผนจีนสำเร็จรูปบางส่วน บอกว่ากินยาเม็ดดีกว่าดื่มยาจีน ปรากฏว่าการรักษาไม่เห็นผล เป็นไข้สูงอยู่หลายวัน คุณย่าจึงเริ่มลงมือทำยาขึ้นเอง”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ก็เป็นเรื่องที่ทำประโยชน์แก่ประชาชนด้วย ลำบากนางที่แล้ว”
“หมอต้องมีใจเมตตา ตอนนี้นางมีความรู้สึกถึงความสำเร็จ แต่ก็เอาแต่บ่นว่าผู้เฒ่าทั้งสามคนแห่งจวนอ๋องซู่นั้นควบคุมลำบาก”
หยู่เหวินเห้าพูดยิ้มๆว่า “ข้าว่า คุณย่าสามารถคุมได้ ”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าผู้เฒ่าทั้งสามคนค่อนข้างจะกลัวคุณย่าจริงๆ ตอนนี้ก็มีแต่คุณย่าที่คุมพวกเขาอยู่ คุณย่าเองก็รู้จักวางตัวเป็นอย่างดี ไม่ใช่คุมเข้มจนกระดิกไม่ได้ ที่ควรกินก็กิน ที่ควรดื่มก็ดื่ม เพียงแต่ต้องมีความพอดี
หยู่เหวินเห้ายื่นมือเข้ามาโอบกอดนางจากทางด้านหลัง “เจ้าว่า เสด็จปู่มีความรู้สึกพิเศษต่อคุณย่าอยู่บ้างใช่หรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงกุมมือของเขาเอาไว้ พูดว่า “ข้าสังเกตดูมาระยะหนึ่งแล้ว เหมือนจะไม่ใช่ กลับเหมือนกับเป็นความรู้สึกที่พี่สาวควบคุมน้องชาย ข้าก็เคยถามคุณย่า คุณย่าบอกว่าผู้เฒ่าทั้งสามคนนี้ลำบากและสร้างคุณงามความดีมาทั้งชีวิต นางสงสารพวกเขาสามคน และก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อใครเป็นพิเศษ นางดีกับเสด็จปู่ ก็ดีกับโสวฝู่และเซียวเหยากงเช่นเดียวกัน ฉะนั้น ข้าคิดว่าพวกเราคิดมากไปแล้ว”
หยู่เหวินเห้าหอมที่หน้าผากของนางหนึ่งที พูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็พอ บั้นปลายชีวิต คึกคักเสียหน่อยย่อมดีกว่าเงียบเหงา”
วันรุ่งขึ้นท่านชายสี่เหลิ่งเข้าวัง บอกว่าองค์หญิงเห็นด้วยแล้ว เช่นนั้นเขาย่อมไม่ฝืนความเห็นขององค์หญิงแน่นอน เขายินดีจะเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของกรมคลัง แน่นอน เงื่อนไขยังคงเป็นเช่นเดิม
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เรื่องที่ว่าจะให้ทังหยวนเข้าสู่วงการค้าขายกับเจ้า ยายหยวนบอกว่า ลูกๆต้องเรียนหนังสือ อย่างน้อยต้องรอให้เขาอายุสิบสองปีค่อยให้ติดตามเจ้า”
ท่านชายสี่เหลิ่งเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นถึงท่าทีหยิ่งยโส พูดอย่างเด็ดขาดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันแล้ว เรื่องหัวหน้าที่ปรึกษา ข้าไม่เป็น ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างเสียดายว่า “เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ แต่ยายหยวนคิดเช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถฝืนความเห็นนางได้เช่นกัน นางลำบากในการให้กำเนิดลูกมา ย่อมต้องฟังที่นางพูด เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ให้แล้วไปเถอะ ข้าค่อยคิดหาคนอื่นอีกที ”
ท่านชายสี่เหลิ่งมองตาค้าง