บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1491 อยู่ไม่ได้
แรกเริ่มที่เจ้าสิบไปอาศัยอยู่ในหมู่ตึกเหมย ค่อนข้างดีใจมาก เพราะว่าในวังไม่ได้มีอิสระมากเช่นนี้ สามารถวิ่งไปทั่วภูเขา หลังจากเล่นอย่างบ้าคลั่งจนพอใจแล้วช่วงหนึ่ง ก็รู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อหน่าย คิดถึงเพื่อนๆแล้ว ขอร้องเสด็จพ่อให้เขาเข้าวังไปเล่นกับพวกซาลาเปา
ท่านหมิงรู้สึกว่าถ้าจะให้เขากลับเข้าวัง ไม่สู้ให้พวกซาลาเปามาอยู่ที่หมู่ตึกเหมยสักพักหนึ่ง
พอดีกับที่พวกลูกๆและเจ้าแฝดก็อยู่ในวังอย่างรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ได้ยินว่าเสด็จปู่ได้ส่งคนมารับ เก็บข้าวของและพาหมาป่าหิมะไปด้วยโดยมีสวีอีอารักขาส่งไป
ตอนที่ออกจากวัง หยวนชิงหลิงกำชับนักหนา ไม่ให้พวกเขาเล่นซนกันมากเกินไป ต้องเชื่อฟังเสด็จพ่อกับฮู่ไท่เฟย เมื่อถึงหมู่ตึกเหมย ก็ทำตัวน่ารักเชื่อฟังอยู่สองวัน แต่ว่า เด็กทั้งห้าที่พาหมาป่าหิมะและเสือออกจากบ้านด้วย จะสามารถทำตัวเรียบร้อยได้อย่างไร เพราะว่าพื้นที่กว้างใหญ่ อยากจะเล่นอย่างไรก็เล่น
วันที่สามที่ไปถึงหมู่ตึกเหมย คอกล่าสัตว์ที่ท่านหมิงสร้างขึ้นมาใหม่ถูกพวกเขาทุบกำแพงที่ล้อมรอบเอาไว้จนพังทลายลง สัตว์ที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดต่างก็วิ่งหนีเข้าป่าไปแล้ว
ตอนที่ท่านหมิงถามว่าใครเป็นคนทำ เจ้าสิบกับซาลาเปาโยนความผิดทั้งหมดไปให้กับเจ้าแฝด เจ้าแฝดคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเสด็จปู่ ดวงตาแดงก่ำแบะปากร้องไห้พูดว่า “พวกมันน่าสงสารมาก เอาแต่ขอร้องให้พวกเราช่วย เสด็จปู่ ให้พวกมันไปมีอิสระเถอะ ถ้าหากท่านต้องการล่าสัตว์ พวกเราไปวิ่งอยู่ในคอกล่าสัตว์ ท่านยิงธนูใส่พวกเรา ดีหรือไม่ ”
ท่านหมิงเดิมทีรู้สึกมีลมจุกอยู่ในอก พอเห็นท่าทีน่าสงสารของหลานชาย ไหนเลยจะกล้าโมโหอีก ใจอ่อนสงสารยังแทบไม่ทัน อุ้มทั้งสองคนขึ้นมา นั่งลงบนตัก หอมคนละหนึ่งที “เอาล่ะ เอาล่ะ ปล่อยไปก็แล้วไปเถอะ ที่จริงปู่ก็ไม่ชอบล่าสัตว์ จะไปยิงธนูใส่พวกเจ้าได้อย่างไร อย่าว่าแต่ยิงธนูเลย ตีสักครั้งยังทำไม่ลงเลย”
ท่านหมิงก็รู้สึกทอดถอนใจ สองแฝดอายุน้อยๆ ก็รู้จักรักและเสียดายชีวิต เป็นเพราะฮองเฮาสั่งสอนอย่างดี
ผ่านไปอีกสองวัน เด็กๆทั้งหลายพาองครักษ์ขึ้นไปบนภูเขา ไม่รู้ว่าใช้อะไร ถึงได้ระเบิดภูเขาลูกเล็กๆจนด้านข้างภูเขากลายเป็นหลุมใหญ่
ครั้งนี้ เด็กทั้งหกคนที่มีมอมแมมไปด้วยฝุ่นผงถูกหิ้วตัวไปตรงหน้าท่านหมิง ท่านหมิงได้ยินว่าระเบิดจนกลายเป็นหลุม ก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า “พวกเจ้าเล่นดินปืนหรือ”
“ไม่ใช่ เป็นเจ้าโค้กที่ใช้หมัดทุบลงไป แล้วเป็นหลุมใหญ่”เจ้าสิบรีบหักหลังเจ้าแฝดทันที
ท่านหมิงย่อมไม่เชื่อ ถามผู้ติดตาม ผู้ติดตามก็เห็นไม่ชัดเจน บอกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ก็กลายเป็นหลุมใหญ่ไปแล้ว แต่เห็นว่าองค์ชายโค้กยืนอยู่ข้างหลุมใหญ่นั่นจริงๆ ในสถานที่เกิดเหตุก็ไม่ได้พบสิ่งของที่คล้ายกับดินปืนตกอยู่
ท่านหมิงรู้สึกประหลาดใจมาก ถามเจ้าโค้กว่า “เจ้าเป็นคนทำหรือ”
“เรียนเสด็จปู่ ข้าเป็นคนทำเอง”เจ้าโค้กเอ่ยตอบอย่างไร้เดียงสา
“เจ้าทำหลุมใหญ่ขึ้นมาเพื่ออะไร”
“ท่านอาสิบให้ข้าเป็นคนทำ”เจ้าโค้กชี้ไปยังเจ้าสิบ
ท่านหมิงมองไปทางเจ้าสิบ “เจ้าเป็นคนใช้ให้ทำหรือ”
เจ้าสิบก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะพวกเด็กๆต่างก็ได้ยินกันทั่ว จึงเอ่ยว่า “ลูกเป็นคนใช้ให้ทำเอง”
“เจ้าให้เขาทำหลุมขึ้นมาทำไม ”ท่านหมิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เจ้าสิบเงยหน้าอ้วนๆของเขาขึ้นมา แทบจะใกล้เคียงกับการเอาใจ “ข้าอยากจะขุดหลุมให้กับเสด็จพ่อสักหลุมหนึ่ง”
ท่านหมิงตบโต๊ะดังปัง โมโหมาก “เจ้าว่าอะไรนะ”
เขาคว้าตัวเจ้าสิบเอาไว้ ดึงเขาเข้ามาตีไปที่ก้นหลายที เจ้าสิบถูกตีอย่างไร้สาเหตุ ก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วก็ร้องไห้เสียงดังออกมาทันที
ท่านหมิงพลางตีพลางดุว่า “เจ้าอายุน้อยๆไม่ใฝ่รู้ในเรื่องดีๆ แต่จะขุดหลุมไว้ให้ข้า เจ้าอยากจะฝังข้าใช่หรือไม่ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตีเจ้าให้ตาย”
เจ้าสิบร้องเสียงหลงราวกับหมูถูกเชือด ทำเอาฮู่ไท่เฟยต้องเร่งเข้ามาดู เห็นท่านหมิงลงมือรุนแรงมาก บอกว่าเจ้าสิบก่อเรื่องที่ผิดมหันต์ จึงรีบถามไปว่าทำเรื่องอะไร ท่านหมิงปล่อยเขา เอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห “เจ้าลูกคนนี้จะขุดหลุมให้ข้า จะฝังกลบข้า”
ฮู่ไท่เฟยโมโหจนใบหน้าขาวซีดไปหมดแล้ว “เจ้าเป็นบ้าอะไร”
เจ้าสิบที่เพิ่งถูกเสด็จพ่อที่รักและเอ็นดูเขามาตลอดตีเสร็จ ตอนนี้ก็ถูกเสด็จแม่ตำหนิอีก ร้องไห้จนไม่ต้องบอกว่าน่าสงสารเสียใจแค่ไหนกันแล้ว
ยังดีที่ข้าวเหนียวเดินออกมาอย่างขลาดๆและพูดว่า “ท่านอาสิบไม่ได้จะฝังเสด็จปู่ เจ้าแฝดปล่อยสัตว์พวกนั้นไป ทำให้คอกล่าสัตว์ของเสด็จปู่เสียหาย ท่านอาสิบบอกว่าจะขุดล่อปลาให้เสด็จปู่ ภายหน้าสามารถตกปลาบนภูเขาได้ แต่ว่าพี่ซาลาเปาบอกว่าบนภูเขาไม่มีน้ำ เจ้าโค้กก็เลยทุบจนเกิดหลุม แต่ก็ไม่มีน้ำออกมาจริงๆ……”
คำบอกเล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสดงความกตัญญู ท่านหมิงนิ่งอึ้งไปทันที
ฮู่ไท่เฟยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทำหน้าไม่ถูก “แล้วทำไมเจ้าไม่อธิบายให้พ่อเข้าใจเล่า”
เจ้าสิบสะอื้นอย่างน่าสงสาร ใบหน้าเล็กๆเลอะเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก “ลูกแค่บอกว่าขุดหลุม เสด็จพ่อก็ตีลูกแล้ว ลูกจะขุดหลุมฝังเสด็จพ่อได้อย่างไรกัน พี่สะใภ้ห้าเคยบอกกับลูกว่า ลูกต้องกตัญญูต่อเสด็จพ่อ ลูกไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่กตัญญูเช่นนั้นแน่ ”
ฮู่ไท่เฟยเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้เขา ค้อนให้กับท่านหมิง “ทำไมจึงไม่ถามให้ละเอียด ลูกๆก่อเรื่อง ย่อมมีเหตุผล ท่านไม่ตามใจ ก็ลงมือตี จะอบรมสั่งสอนด้วยคำพูดดีๆไม่ได้หรือ ท่านดูเจ้าห้ากับฮองเฮาต่างก็สั่งสอนลูกอย่างอดทน เปลี่ยนเป็นท่าน ถ้าไม่ตามใจจนเหลิงก็ตีจนตาย”
ท่านหมิงรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง ทบทวนตัวเองอยู่ชั่วครู่ รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่มีประสบการณ์ในการอบรมสั่งสอนลูกเอาเสียเลย จำเป็นต้องเรียนรู้จากเจ้าห้ากับหยวนชิงหลิงให้ดี จึงได้ตัดสินใจในทันที ว่าจะเป็นพ่อที่ดีก่อน พยายามเรียนรู้กฎของการอบรมสั่งสอน
ฉะนั้น ต่อมาเขาจึงเรียกให้พวกเด็กๆมาหา จะสอนหนังสือพวกเขา รับการสั่งสอนที่มาจากอดีตฮ่องเต้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับหลุมนั้นยังไม่ต้องไปสนใจ เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามีคนติดตามช่วยขุดให้ ตอนนี้ยังไม่ไปยุ่งเป็นการชั่วคราว ภายหน้าสามารถสอบสวนออกมาได้ ตอนนี้เตรียมการเรื่องสอนหนังสือก่อน
ไม่พูดไม่ได้ว่า ท่านหมิงนั้นมีความรู้ด้านวรรณกรรมไม่เลวเลยทีเดียว ต้องยกความดีความชอบให้กับราชครูเหว่ยที่สั่งสอนมาเป็นอย่างดี เหตุผลนั้นมาเป็นชุดๆ พูดตั้งแต่เช้ายันค่ำ ยกเอาเหตุผลต่างๆนาน่าออกมา แต่ไม่มีการยกตัวอย่างเหตุการณ์จริง ตลอดการเรียนการสอนนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ เหลือทน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องความกตัญญู เริ่มพูดตั้งแต่การบริหารเป่ยถังด้วยความเมตตากตัญญูเรื่อยลงไป พูดจนเด็กๆเอาแต่พยักหน้าไม่หยุด เพราะง่วงจนสัปหงก
พวกซาลาเปาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้ว ดูท่าเสด็จปู่คงจะพูดต่อไปเป็นปีสองปี จะใช้ชีวิตต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แน่ ฉะนั้นวันนี้พวกซาลาเปาจึงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท่านหมิง บอกว่าได้รับการอบรมสั่งสอนมาหลายวัน เข้าใจขึ้นมาทันที อยากจะไปแสดงความกตัญญูต่อเสด็จปู่ทวดที่จวนอ๋องซู่สักหน่อย
ถ้าหากบอกว่าจะกลับไปแสดงความกตัญญูต่อเสด็จพ่อและเสด็จแม่ บางทีท่านหมิงอาจจะไม่อนุญาต แต่บอกว่าไปแสดงความกตัญญูต่อเสด็จปู่ทวด ท่านหมิงก็ไม่กล้าจะห้ามเอาไว้ แม้ว่าเพิ่งจะเสพติดความเป็นอาจารย์ แต่ดีที่พวกเขาไปแล้ว ยังมีเจ้าสิบอยู่ การเป็นอาจารย์ของเขายังสามารถทำต่อไปได้
เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเสด็จปู่นั้นสั่งสอนได้เป็นอย่างดี ก่อนที่พวกเขาจะจากไปยังคุกเข่าคำนับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นก็กอดเสด็จปู่เอาไว้พูดว่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง พูดจนไม่รู้ว่าเสด็จปู่จะรู้สึกซาบซึ้งปานใด
ตอนที่พวกเด็กๆกับเจ้าแฝดไปจากหมู่ตึกเหมย ได้แอบสาบานในใจว่า ภายหน้าหมู่ตึกเหมยนั้นจะมาอยู่ไม่ได้อีก เพียงแต่สามารถมาน้อมคำนับเป็นครั้งคราวเท่านั้น จะอยู่วันหนึ่งก็ไม่ได้
แม้ว่าหลังจากที่เสด็จปู่ไม่ได้เป็นฮ่องเต้แล้วจะดูอบอุ่นเป็นกันเองขึ้นมาก แค่ก็พูดบ่นมากเช่นกัน สู้เสด็จปู่ทวดไม่ได้ เสด็จปู่ทวดเล่นกับพวกเขา ซื้อของกิน ซื้อของเล่น เสด็จปู่ขี้เหนียว ไม่ยอมใช้เงิน