บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1497 องค์หญิงคลอดลูกแล้ว
หยวนชิงหลิงได้กำไรมาก้อนหนึ่ง นางคิดว่าจะเอาเงินก้อนนี้ลงทุนไปกับโรงหมอ สร้างห้องสำหรับทดลองยาของคุณย่าโดยเฉพาะ
ปรึกษากับเจ้าห้า ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยเรื่องจะส่งลูกๆไปเรียนหนังสือก็ต้องกำหนดเวลาแล้ว
แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ไป แต่ก็หวังว่าพวกลูกๆจะสามารถมีโลกทัศน์ที่กว้างขวางขึ้น มีความรู้ที่ลึกซึ้งขึ้น สำหรับเป่ยถังแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก
ฉะนั้น เขาบอกว่า “รอให้หลิงเอ๋อคลอดลูกแล้ว เจ้าก็พาพวกเขาไปด้วยตนเองเถอะ เพียงแต่สถานะของพวกเขาได้ทำเรื่องเรียบร้อยแล้วหรือ”
“พี่ชายได้ขอร้องให้ลู่หยางช่วยแล้ว น่าจะเรียบร้อยแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปลูบที่ใบหน้าของนาง ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนมีเมตตาของคนเป็นพ่อ “บนบ่าของพวกเขาต่างก็มีภาระหน้าที่วางอยู่ ต้องเพิ่มความรู้ให้มาก จะได้ช่วยให้พวกเขาเผชิญต่อปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้ ฉะนั้น พวกเราก็อย่ารู้สึกอาลัยอาวรณ์เลย ควรปล่อยมือได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงดึงจับมือของเขาเอาไว้ ริมฝีปากมีรอยยิ้ม “ข้ารู้ ข้าไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะว่าจะไปเยี่ยมพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถึงเวลาเทศกาลต่างๆ พวกเขายังสามารถกลับมาได้ อีกอย่าง พวกเขาก็ยินดีที่จะไป พวกเขามีความสุขก็ดีแล้ว”
หยู่เหวินเห้ายังคงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง นึกถึงตอนที่พวกเขากำเนิดมา ราวกับเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน เพียงชั่วพริบตาก็เริ่มยืนหยัดด้วยตนเองแล้ว จากพวกเขาไปศึกษาเล่าเรียน
กลางเดือนสอง จวนเหลิ่งได้สิ่งให้คนเข้าวังเพื่อมาหาหยวนชิงหลิง บอกว่าองค์หญิงจะให้กำเนิดแล้ว
หยวนชิงหลิงรีบเอากล่องยาออกจากวังไปทันที เมื่อถึงจวนเหลิ่ง พระชายาของแต่ละจวนก็มาถึงกันแล้ว น้องสาวสามีคลอดลูก นั่นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก คนของตระกูลมารดาจำเป็นต้องมาให้กำลังใจ
หยู่เหวินหลิงเริ่มรู้สึกปวดทั้งตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากที่นางผดุงครรภ์ตรวจดูแล้ว บอกว่าถึงเวลาคลอดแล้ว ท่านชายสี่เหลิ่งก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายตั้งแต่ตอนนั้นโดยไม่ห่างกายแม้แต่ก้าวเดียว
ท่านชายสี่เหลิ่งที่แสร้งทำเป็นผ่อนคลายมาตลอด ตอนนี้ได้ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นสีหน้าร้อนใจบนใบหน้าของเขา คว้ามือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ เอ่ยอย่างหนักแน่นจริงจังว่า “ไม่ว่าอย่างไร ต้องรับรองความปลอดภัยของนางเอาไว้ก่อน ไม่ต้องเสียดายไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
“ไม่เป็นไร วางใจเถอะ”หยวนชิงหลิงตบที่มือเขาเบาๆ “ข้าคอยตรวจร่างกายให้นางตลอด ครรภ์อยู่ตรงตำแหน่ง อีกอย่าง ด้วยความพยายามในช่วงหลัง แม้ว่าครรภ์จะยังคงใหญ่อยู่บ้าง แต่สามารถคลอดธรรมชาติได้ ”
“ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนนางที่นี่ ”น้ำเสียงของท่านชายสี่เหลิ่งมีแววสั่นอยู่บ้าง หยวนชิงหลิงมองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยปกติ ในแววตาแทบจะมีแต่ความหวาดกลัวที่แตกกระจายอยู่ ราวกับมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ในยุคสมัยนี้ ผู้ชายอยู่เป็นเพื่อนภรรยาในห้องคลอด เป็นเรื่องที่ไม่ถูกธรรมเนียม แต่ว่า เรื่องที่ท่านชายสี่เหลิ่งตัดสินใจแล้ว ใครก็เกลี้ยกล่อมไม่ได้
นอกจากองค์หญิง
องค์หญิงไม่ยอมให้เขาอยู่ในห้องคลอดด้วย เรื่องขั้นตอนที่เกี่ยวกับการคลอดทั้งหมด หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น องค์หญิงได้ทำความเข้าใจก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนแล้ว ฉะนั้น นางไม่ยอมให้เขาอยู่ที่นี่ มองดูหน้าตาดุร้ายขณะที่ให้กำเนิดลูก ยืนยันให้เขาออกไป
ท่านชายสี่เหลิ่งขัดใจนางไม่ได้ ได้แต่ตกลงจะออกไปรอนอกห้อง แต่ว่าหยวนชิงหลิงเห็นมือทั้งคู่ของท่านชายสี่เหลิ่งกำลังสั่นเทา สีหน้าขาวซีดอย่างร้ายกาจ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา หลิงเอ๋อคลอดลูก ราวกับได้ไปสะกิดความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของเขา
ทันใดนั้นในใจของหยวนชิงหลิงก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างรุนแรง
ท้องแรก ไม่ได้คลอดง่ายขนาดนั้น ฉะนั้นปวดท้องตั้งแต่ตอนเช้า จนกระทั่งพลบค่ำ ก็ยังไม่สามารถคลอดออกมาได้
องค์หญิงที่กลัวความเจ็บปวดมาตลอด ครั้งนี้กลับแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง ไม่ร้องว่าปวดเลยแม้แต่คำเดียว ขณะที่มดลูกบีบตัวจนรู้สึกเจ็บ ก็ได้แต่กัดฟันอดกลั้นเอาไว้เงียบๆ แม้แต่นางผดุงครรภ์ยังรู้สึกสงสาร บอกกับนางว่าหากปวดมากจริงๆ สามารถร้องออกมาได้
องค์หญิงส่ายหน้า หลับตาเพื่ออดทนต่อการบีบตัวของมดลูกครั้งนี้ แล้วก็ลืมตาขึ้นมาพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ไม่ได้ เขาจะเป็นห่วง”
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของนาง เอ่ยอย่างสงสารว่า “เด็กโง่ ไม่ร้องก็ดี เหลือแรงไว้หน่อย ประเดี๋ยวตอนที่คลอดจะได้กัดฟันสู้ทีเดียว ”
นางผดุงครรภ์ยกน้ำแกงโสมเข้ามา ให้นางดื่มลงไป ปวดมานานขนาดนี้ แรงก็แทบจะหมดแล้ว “ท่านชายสี่เหลิ่งให้ต้มน้ำแกงโสมมาให้ องค์หญิงรีบดื่มเถอะ”
เมื่อถึงยามเซิน ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ท่านชายสี่เหลิ่งจึงให้หรงเยว่กับฮูหยินเหยาเข้าไปด้านใน ให้กำลังใจนางพร้อมกัน ทั้งสองต่างก็มีประสบการณ์ในการคลอดลูก มีพวกนางอยู่ข้างกาย หยู่เหวินหลิงจะได้สบายใจ
เมื่อถึงประมาณยามโหย่ว มดลูกก็บีบตัวมากขึ้น ปากหมดลูกก็เปิดหมดแล้ว สามารถคลอดได้แล้ว
ท่านชายสี่เหลิ่งรออยู่ข้างนอก ไม่กินข้าวแม้แต่คำเดียวเลยทั้งวัน ไม่ดื่มน้ำด้วย คนของสำนักเหลิ่งหลังก็ไม่เคยเห็นเขาหนักแน่นเช่นนี้มาก่อน เขาตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจนแทบจะเป็นความอกสั่นขวัญแขวน
ความตื่นเต้นนี้ หลังจากที่ชายาเฟิงอันมาแล้ว ก็ค่อยๆดีขึ้นมาบ้าง
ชายาเฟิงอันกุมมือของเขาเอาไว้แน่น พูดเสียงเบาๆว่า “ไม่เป็นไร มีฮองเฮาอยู่ด้วย ไม่มีทางเป็นเหมือนนางแน่”
แววตาของท่านชายสี่เหลิ่งมีน้ำตารื้นขึ้นมาแวบหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ“อืม ”
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็พูดพึมพำว่า “ข้าเฝ้าระวังมาตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่ง ละเลยไปหน่อย ให้นางกินมากเกินไป”
“ไม่เป็นไร อย่าคิดเรื่อยเปื่อย”ชายาเฟิงอันดุเสียงหนึ่ง
ท่านชายสี่เหลิ่งสงบจิตใจ พลิกมือกลับมากุมมือของชายาเฟิงอันเอาไว้ กุมอย่างใช้แรงมาก
ในห้อง เงียบไร้สุ้มเสียง หยู่เหวินหลิงยังคงดื้อรั้นไม่ยอมร้องเจ็บสักเอะเดียว จะปวดแค่ไหน ก็ต้องฝืนทนเอาไว้อย่างเงียบๆ กลับเป็นเสียงของนางผดุงครรภ์และหยวนชิงหลิงที่ดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย ให้นางใช้แรงเบ่ง มือทั้งสองของนางกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น ในปากกัดผ้านิ่มๆเอาไว้ก้อนหนึ่ง กัดจนเหงือกมีเลือดไหลซิบออกมา แต่ก็ไม่ยอมส่งเสียงออกมาเลย
ครรภ์แรก อย่างไรก็ลำบากอยู่บ้าง บวกกับครรภ์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แม้ว่าสภาพร่างกายของหยู่เหวินหลิงนับว่าไม่เลว แต่ที่สุดก็เป็นองค์หญิงที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมาตลอด สำหรับนางแล้วตลอดขั้นตอนการคลอดนี้ ได้ใช้พละกำลังและความมุ่งมั่นทั้งหมดจนหมดสิ้นแล้ว ทุกคนต่างก็ดูอย่างรู้สึกสงสารแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ช่างทรมานจริงๆ
เสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงที่งดงามที่สุดบนโลกใบนี้ ช่วยชีวิตของทุกคนเอาไว้ ตอนที่เด็กคลอดออกมา แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับ ศีรษะของหยู่เหวินหลิงที่เอนไปข้างหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าสลบไป หรือว่านอนหลับไปแล้ว
หยวนชิงหลิงตกใจเป็นอย่างยิ่ง ให้นางผดุงครรภ์อุ้มเด็กไปจัดการให้เรียบร้อย นางรีบเข้าไปเรียกหยู่เหวินหลิงเบาๆ ร้องเรียกอยู่หลายครั้ง หยู่เหิวนหลิงค่อยๆลืมตาขึ้นมา ใบหน้าที่ขาวซีดมีความเหน็ดเหนื่อยจากความอ่อนแรง พยายามยกมุมปากขึ้นยิ้ม “พี่สะใภ้ห้า ข้าคลอดลูกออกมาแล้ว”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงร้อนผ่าวขึ้นมา “หลิงเอ๋อเก่งมาก เก่งมากจริงๆ คลอดแล้ว เป็นลูกชาย ประเดี๋ยวเช็ดทำความสะอาดแล้วจะอุ้มมาให้เจ้าดู ”
หยู่เหวินหลิงดึงมือของนางเอาไว้ “บอกกับท่านชายสี่เหลิ่งว่า ข้าไม่เป็นไร ให้เขาอย่าตื่นตระหนก”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า ยกมือให้หรงเยว่ออกไปพูด หรงเยว่มองดูองค์หญิงคลอดลูก ถึงกับร้องไห้ออกมา เช็ดน้ำตาจนแห้งแล้วเปิดประตูออกไป ท่านชายสี่เหลิ่งลุกขึ้นภายใต้การพยุงของชายาเฟิงอัน แววตาตื่นเต้นมองไปทางหรงเยว่ แต่ไม่กล้าถามออกไป
“ปลอดภัยทั้งแม่และลูก ”หรงเยว่มองเขา พูดเสียงเบา
สีหน้าขาวซีดของท่านชายสี่เหลิ่งค่อยๆมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง แต่ราวกับยืนไม่มั่นคง เซไปก้าวหนึ่ง เอ่ยถามเสียงแหบว่า “ข้าเข้าไปได้หรือยัง”
“ได้ เข้าไปได้แล้ว”หรงเยว่เอ่ยเสียงสะอื้น ห้องคลอดยังเก็บกวาดไม่เรียบร้อย แต่ถ้าหากยังไม่ให้เขาเข้าไปอีก เขาคงร้อนใจตายแน่
ชั่วพริบตาเดียวเร็วราวกับลมพัด ท่านชายสี่เหลิ่งก็หายวับไปแล้ว ครู่เดียว คนก็ยืนอยู่ข้างเตียงขององค์หญิงแล้ว นั่งลงยื่นมือออกไปลูบที่ใบหน้าขององค์หญิง จากนั้นก็ค่อยๆจัดระเบียบเส้นผมให้นาง ดวงตาแดงก่ำ“เจ็บหรือไม่”
ใบหน้าขาวซีดขององค์หญิงมีรอยยิ้มซื่อๆ “ไม่เจ็บ ข้าไม่เป็นไร ท่านอย่าห่วง”
นางผดุงครรภ์อุ้มลูกเข้ามา ย่อตัวคำนับ “ยินดีกับท่านราชบุตรเขยที่ได้ลูกชาย ท่านชายอ้วนท้วนสมบูรณ์ หน้าผากกว้างมีลักษณะที่ดี เป็นใบหน้าของคนที่มีวาสนาสูงส่ง”
ท่านชายสี่เหลิ่งลังเลอยู่ชั่วครู่ ยื่นมือออกไปค่อยๆอุ้มตัวลูกมา เด็กอ่อนตัวหนักไม่เบา อุ้มอยู่ในมือ รู้สึกถึงความหนักอึ้ง เขามีความรู้สึกงงงันอยู่ชั่วครู่ แต่รอยยิ้มก็กลับคืนสู่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว วางเด็กน้อยไว้ข้างกายขององค์หญิง “ดู ลูกชายของพวกเรา ”
องค์หญิงตะแคงหน้า มองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ลูกอยู่ใกล้ในระยะประชิดตรงหน้านาง ความรู้สึกแรกของนาง ก็ร้องออกมาตามความเป็นจริงว่า “ใบหน้าใหญ่จริงๆ