บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1500 สามารถกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1500 สามารถกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น
หลังจากออกจากห้องนอนขององค์หญิง หยวนชิงหลิงก็อ้อมไปหาท่านชายสี่เหลิ่งที่ลานด้านหลัง ท่านชายสี่เหลิ่งกำลังพาเอ้อฮากับหมาป่าหิมะวิ่งเล่นอยู่ในลานด้านหลัง เล่นได้อย่างมีความสุขมาก แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับแสงทองที่ซ่านกระเซ็นตกต้องผิวน้ำในทะเลสาบของหลังลานบ้าน ต้นหลิวที่เพิ่งจะผลิใบพลิ้วไหวไปตามลม หมาป่าหิมะกับเอ้อฮาวิ่งไปมาอยู่ใกล้ๆกับกิ่งก้านของต้นหลิวที่ลู่ลงมา ท่านชายสี่เหลิ่งยิ้มอย่างเบิกบาน
หยวนชิงหลิงนึกขึ้นได้ทันทีว่า ไม่ว่าต่อหน้าใครก็ตาม ท่านชายสี่เหลิ่งไม่เคยยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้มาก่อน มีเพียงต่อหน้าหมาป่าหิมะเท่านั้น เขาจึงจะปลดปล่อยความระแวงที่มีอยู่ในใจ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่จริงใจ
เป็นเพราะเขามีจิตใจที่ป้องกันตัวเองจากโลกใบนี้ หรือเพราะว่าเขาได้เห็นธาตุแท้ของเรื่องราวและผู้คนบนโลกนี้กันแน่
แต่หลายปีมานี้ที่ได้รู้จักกับเขา เขาก็ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ ไม่เคยปิดบังหลอกลวงหรือรังแกผู้ใดมาก่อน ยามบ้านเมืองลำบาก เขาก็ยืนขึ้นมาเป็นคนแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทองหรือกองกำลัง ขอเพียงเป็นเรื่องที่ต้องการเขา เขาไม่เคยที่จะปฏิเสธเลย
เขานั่นมีชีวิตอยู่ด้วยนิสัยที่แท้จริงของตัวเอง ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่ง อีกอย่าง หลายปีมานี้เขานั้นปฏิบัติต่อองค์หญิงเป็นอย่างดีมาตลอด ทุกคนต่างก็เห็นกับตา ตั้งแต่แต่งงานกับนาง ก็ไม่แตะต้องนางเลยเป็นเวลาหลายปี ก็เพื่อจะให้นางได้พักฟื้นร่างกายตัวเอง เพื่อป้องกันเรื่องที่ภายหน้านางจะไม่สามารถแบกรับความลำบากของการตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกได้
“คิดอะไรอยู่”
หยวนชิงหลิงเก็บความคิดและสีหน้า ไม่รู้ว่าท่านชายสี่เหลิ่งมายืนอยู่ตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อไหร่ มองนางด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางหายไปไหน
“ไม่ ไม่ได้คิดอะไร เห็นท่านเล่นกับหมาป่าอย่างสนุกมาก คิดว่าจะไปรบกวนท่านดีหรือไม่ ”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
ท่านชายสี่เหลิ่งยิ้ม เดินไปที่ศาลา นั่งลงด้วยท่าทีเกียจคร้าน สวมชุดผ้าไหมทั้งตัว ท่าทีสง่างามและสงบ มีท่าทีสบายๆเอาแต่ใจอยู่หลายส่วน ราวกับไม่ได้แตกต่างจากวันวานเลยแม้แต่น้อย “นั่งสิ”
หยวนชิงหลิงนั่งลงตรงข้ามกับเขา มองเขา เห็นใต้ตาของเขามีรอยช้ำเล็กน้อย ราวกับไม่ได้นอนมาเป็นเวลานาน จึงได้แสร้งถามยิ้มๆว่า“เป็นพ่อคนแล้ว คงไม่ได้นอนดีๆเลยกระมัง”
สายตาของท่านชายสี่เหลิ่งจ้องมองไปที่หมาป่าหิมะนิ่งๆ หมาป่าหิมะกับเอ้อฮายังคงวิ่งไปมาอยู่“อืม ใช่แล้ว ”
“เจ้าห้าไม่ได้มาหาท่านเพื่อพูดเรื่องการเป็นพ่อที่ดีอะไรนั่นหรือ”หยวนชิงหลิงถาม
“เข้าพูดได้สักพัก ข้าก็รู้สึกรำคาญ ไม่ชอบฟัง จึงหลบเขา”ท่านชายสี่เหลิ่งเอ่ยขึ้นตรงๆ
หยวนชิงหลิงหลุดเสียงหัวเราะ เจ้าห้าที่ถูกรังเกียจอย่างน่าสลดใจ
“แล้วแขกมากมายที่โถงด้านหน้า ท่านไม่ไปต้อนรับหน่อยหรือ”หยวนชิงหลิงถามขึ้นอีก
“จวนเหลิ่งไม่ขาดคนที่จะต้อนรับแขกเหรื่อ”
“แต่พวกเขามาเพื่อแสดงความยินดีกับท่านที่ได้ลูกชายนะ”
“ไม่ใช่งานครบเดือนเสียหน่อย ก็แค่อาบน้ำเด็กทารก ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญขนาดนั้น ”
หยวนชิงหลิงมองเขา คิ้วค่อยๆขมวดขึ้น “อาจารย์ ท่านไม่ชอบศิษย์น้องเล็กหรือ”
ท่านชายสี่เหลิ่งมองนาง แววตาหนักแน่น “ชอบ ชอบมาก ตั้งแต่ตอนที่เขาร้องไห้ลืมตาดูโลก ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าชาตินี้ข้าต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อปกป้องเขา ”
หยวนชิงหลิงมองเห็นความจริงใจจากแววตาของเขา เขาไม่ได้โกหก
นางรู้สึกว่าบางทีนางอาจจะเป็นฝ่ายที่คิดมากไป ท่านชายสี่เหลิ่งตื่นเต้นมาตลอดตั้งแต่หลิงเอ๋อเริ่มตั้งครรภ์ ทำไมจะไม่รักลูกเล่า แม้แต่คนที่ชั่วช้าเลวทรามที่สุดในโลกนี้ ต่างก็รักลูกตัวเองอย่างสุดใจกันทั้งนั้น ที่ไม่รักลูกนั้นมีน้อยมาก และต้องไม่ใช่ท่านชายสี่เหลิ่งที่เป็นคนจริงใจไม่เสแสร้งอย่างแน่นอน
เพียงแต่ ท่าทีของเขาราวกับมีเรื่องหนักอกอยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม สัมผัสที่หกของหยวนชิงหลิงก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกว่าในใจของท่านชายสี่เหลิ่งมีภูเขาลูกใหญ่กดทับอยู่ เขานิ่งขรึมมาก แต่ก็แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย
“ถ้าเช่นนั้นข้าไปล่ะ”
ท่านชายสี่เหลิ่งไม่ตอบ เพียงแต่เรียกหมาป่าหิมะเข้ามา กอดเอาไว้ในอ้อมอก หยวนชิงหลิงมองเขาอยู่ชั่วครู่ จึงค่อยๆหมุนตัวเดินจากไป
ตลอดทางที่เดินทางกลับวัง หยู่เหวินเห้ากับลูกๆเอาแต่พูดถึงเรื่องน้องชายคนใหม่ ลูกๆต่างก็คิดเหมือนกันว่า น้องชายน่ารักไม่เท่าน้องสาวของพวกเขา แต่ว่า ก็สามารถเอ็นดูน้องชายได้เช่นเดียวกัน
หยวนชิงหลิงได้ยินพวกเขาปรึกษากันอย่างคึกคัก แม้จะยิ้มตามพวกเขา แต่ก็ยังคงคิดเรื่องของท่านชายสี่เหลิ่ง
ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็เงยหน้าขึ้นมองนางและพูดว่า “พระชายาอาศัยอยู่ที่จวนเหลิ่งตลอดเลยหรือ ตอนที่พวกเรากลับมา นางไม่มีทีท่าจะจากไปไหนเลย”
“เซียวเหยากงบอกว่าช่วงนี้นางอาศัยอยู่ที่จวนเหลิ่ง”หยวนชิงหลิงพูด
“จริงหรือ พระชายาดีกับท่านชายสี่เหลิ่งจริงๆ ”หยู่เหวินเห้ายักไหล่ ผ่านไปชั่วครู่ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา “แต่ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้กลับไปแล้ว ไม่รู้ทำไมจึงย้อนกลับมาอีก ”
“เซียวเหยากงบอกว่าพวกเขารู้สึกอาลัยอาวรณ์”
“อาลัยอาวรณ์ ก็สามารถอยู่ต่อสักพักค่อยกลับมาก็ได้ ข้าจำได้เมื่อก่อนเจ้าเคยบอกว่า ถ้าหากต้องการรักษาสมดุล เดินทางในสองมิติ เวลานั้นต้องเดินไปพร้อมกัน นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขากลับไปอยู่ได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ยังจำได้หรือไม่ตอนที่พวกเขากลับไปคราวนั้นบ้าคลั่งกันขนาดไหน ข้ารู้สึกว่าถ้าหากพวกเขาสามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้จริง ต้องอยู่เล่นสนุกที่นั่นหนึ่งปีหรือครึ่งปีจึงจะคิดเรื่องอาลัยอาวรณ์นั่น”
หยวนชิงหลิงเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ความหมายของท่านคือ พวกเขาคิดว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้น ฉะนั้นจึงได้รีบร้อนกลับมาหรือ”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า อุ้มเจ้าโค้กกับเจ้าแฝดไว้ตรงหน้า “คงเป็นเพราะว่าตอนที่จากไปดีใจเกินเหตุ จึงลืมเรื่องเหล่านี้ไปชั่วขณะ พอกลับไปแล้วจิตใจสงบลง ก็นึกขึ้นมาได้ ฉะนั้นจึงกลับมาอย่างร้อนใจ เพียงแต่ ตอนนี้ยังมีเรื่องใหญ่อะไรได้อีก ในประเทศก็สงบสุขดี และคนที่พวกเขาผูกพัน ก็คือพวกเสด็จปู่และอ๋องผิงหนาน มากสุดก็เพิ่มท่านชายสี่เหลิ่งเข้าไปอีกคน และคงเป็นไปไม่ได้ว่าเพราะคิดว่าท่านชายสี่เหลิ่งจะเป็นพ่อคนแล้ว มาร่วมยินดีสักหน่อยค่อยกลับไปกระมัง ”
เจ้าโค้กเงยหน้าขึ้นมองหยู่เหวินเห้า พูดว่า “เสด็จพ่อ ในใจของอาจารย์ปู่มีคลื่นโลหิตปั่นป่วนอยู่”
หยู่เหวินเห้าหลุดเสียงหัวเราะออกมา “หมาป่าหิมะปั่นป่วนหรือ ถูกต้อง เขาคิดแต่เรื่องหมาป่าหิมะจนเป็นบ้าไปแล้ว ฉะนั้น จึงเอาหมาป่าของพี่ทังหยวนยืมให้เขา เป็นเพื่อนเขาสักพัก ”
เจ้าโค้กนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ หันหน้าไปมองแม่ เอียงคอราวกับตั้งคำถาม การทำความเข้าใจของท่านพ่อมีปัญหาใช่หรือไม่
หยวนชิงหลิงยื่นมือไปลูบที่ศีรษะของเขา ทำความเข้าใจสักพัก บ้านเรานอกจากกวากวาแล้วก็มีแต่เขานี่แหละที่ไร้ปัญญาที่สุด
แต่คำพูดนี้ของเจ้าโค้ก กลับยิ่งฝังเมล็ดแห่งความไม่สบายใจเอาไว้ในใจของหยวนชิงหลิง กลับวังยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล รู้สึกว่าไม่สามารถคาดเดาไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้อีกต่อไป ไม่สู้ไปหาพระชายาและคุยกันอย่างเจาะลึกสักครั้ง แม้จะเป็นแค่การหาความสบายใจก็ตาม
วันรุ่งขึ้น นางก็ปรากฏตัวขึ้นที่จวนเหลิ่งอีกครั้ง ชายาเฟิงอันยังไม่จากไปไหน ช่วยดูแลลูก
อารมณ์ของหลิงเอ๋อดูแล้วก็ดีขึ้นบ้างแล้ว น่าจะเป็นเพราะเมื่อวานได้คุยกับนาง นางกำลังให้เวลาท่านชายสี่เหลิ่ง เพียงแต่แอบถามเท่านั้น ท่านชายสี่เหลิ่งนั้นไม่เคยอุ้มลูก อีกอย่าง ท่านชายสี่เหลิ่งแทบไม่ได้นอนทั้งคืน นี่ทำให้นางเป็นห่วงมาก
หยวนชิงหลิงจึงลากตัวพระชายาไปยังเรือนด้านข้างทันที ถามว่า “พระชายา ท่านอยู่ที่นี่ตลอด เพราะเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านชายสี่เหลิ่งใช่หรือไม่ ”
พระชายามองนาง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างคิดไม่ถึง “เจ้าเดาออกหรือ แต่ว่าตอนนี้เจ้าฉลาดมาก พลังรับรู้ก็แข็งแกร่ง ก็สมควรที่จะเดาได้ ”
“เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริงหรือ ”ทันใดนั้นหัวใจของหยวนชิงหลิงก็หนักอึ้ง “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ในใจของท่านชายสี่เหลิ่งซ่อนอะไรเอาไว้ การเกิดของเทียนสิง จะนำพามาซึ่งปัญหาทางจิตใจอะไรต่อเขา ท่านอย่าปิดบังข้า วันนั้นตอนที่หลิงเอ๋อคลอดลูก เขาไม่ปกติ อีกอย่างเจ้าแฝดก็บอกว่าในใจเขามีคลื่นโลหิตปั่นป่วนอยู่ เจ้าแฝดใช้คำพูดไม่เป็น แต่ข้าเชื่อว่าที่พวกเขาพูดถึงก็คือไอสังหารหรือไม่ก็ความแค้นเคือง”
พระชายาก็ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆว่า “ถูกต้อง ครั้งนี้เดิมทีข้าได้กลับไปแล้ว หลังจากเจ้าห้าขึ้นครองราชย์ เรื่องของข้ากับท่านปู่ของเจ้านับว่าได้สำเร็จลุล่วงแล้ว สามารถไปจากเป่ยถังแล้ว ตอนที่กลับไป เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ไม่ทันได้คิดอย่างรอบคอบ แต่หลังจากกลับไปแล้ว เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือเขาอยู่ที่นี่ กระไอแห่งความเกลียดชังและกลิ่นคาวเลือดบนร่างของเขา หาสาเหตุไม่เจอมาตลอด แต่เรื่องนี้จะไม่คลี่คลายตลอดไปไม่ได้ ฉะนั้นข้าจึงกลับมา ”
“เรื่องที่มารดาของเขาคลอดยากหรือ”หยวนชิงหลิงถาม
พระชายาพยักหน้า “มีความเกี่ยวข้องเล็กน้อย รายละเอียดของเรื่องราวที่จริงข้าก็รู้ไม่ชัดเจนนัก เขาเองก็ไม่ได้เข้าใจเรื่องทั้งหมด ฉะนั้นข้าจึงหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าเรื่องหนึ่ง เข้าไปในความคิดในสมองของเขา ขุดความทรงจำของเขาขึ้นมาหรือไม่ก็ทำให้กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น ”